รวมสัตว์ในตำนาน และเทพนิยาย ตอนที่ 3

..กิเลน ...[Qilin, Kylin หรือ Kirin]...


.... เป็นคำที่มาจากภาษาจีน เป็นชื่อของสัตว์ในเทพนิยายจีน



ตามตำนานของจีน

....ถ้า เป็นตัวผู้เรียกว่า "กี" ถ้าเป็นตัวเมียเรียกว่า "เลน" หรือ "กิเลน" กิเลน ตามตำนานจีนว่ามีรูปร่างเหมือนกวาง แต่มีเขาเดียว หางเหมือนวัว หัวเป็นมังกร ตีนมีกีบเหมือนม้า (บางตำราว่ามีตัวเป็นสุนัข ลำตัวเป็นเนื้อสมัน) เกิดจากธาตุทั้งห้า คือ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และโลหะ ผสมกัน

....เชื่อว่ามีอายุอยู่ได้ถึงพันปี และถือว่าเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใด ก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น กิเลนเป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย หงส์ เต่า มังกร และกิเลน (บ้างว่าเป็น เสือ)




....ตามความเชื่อเรื่องการสร้างโลกของจีน ในยุคของฟูซี (??) ซึ่งเป็นผู้ปกครองชนเผ่าคนแรกของมนุษย์ได้สังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของธรรมชาติ จนสามารถพึ่งตัวเองได้ วันหนึ่งมีกิเลนตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำหวงโฮ บนหลังกิเลนมีสัญลักษณ์ปรากฏที่ถูกเรียกในภายหลังว่า แผนที่เหอ ซึ่งต่อมาได้พัฒนากลายเป็นตัวอักษร หลังจากนั้นองค์ความรู้ต่าง ๆ ของมนุษย์ก็บังเกิดและเจริญสืบต่อเรื่อยมา



.... กิเลนเราเรียกได้ว่าเป็นเจ้าป่าที่แท้จริง เนื่องจากกิเลนนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตรายใดๆ มีคุณธรรมสูงมาก เวลาที่กิเลนเดินก็จะไม่เหยียบย่ำสิ่งมีชีวิตใดๆ แม้แต่หญ้าหรือวัชพืชบนดิน




..... กิเลนนั้นจะปรากฏตัวให้คนได้เห็น ก็ต่อเมื่อแผ่นดินนั้นร่มเย็นเป็นสุข ประชาชนอยู่ดีกินดี ปลอดสงครามและภัยต่างๆ หากเห็นกิเลนเมื่อไหร่ นั้นเป็นนิมิตรหมายมงคลแห่งยุค


ตามตำนานของไทย




....คนไทยคงรู้จักกิเลนของจีนมานานแล้ว ในสมุดภาพสัตว์ป่าหิมพานต์ที่ช่างโบราณได้ร่างแบบสำหรับผูกหุ่นเข้า กระบวนแห่พระบรมศพครั้งรัชกาลที่ 3 ก็มีรูปกิเลนจีนทำหนวดยาว ๆ ส่วนภาพกิเลนแบบไทย มีกระหนกและเครื่องประดับเป็นแบบไทยๆ การจัดลายประกอบผิดไปจากในสมุดภาพสัตว์ป่าหิมพานต์ของโบราณนั้นบ้าง ที่แปลกอีกอย่างหนึ่ง คือ กิเลนไทยมีสองเขา ของจีนแท้ ๆ มีเขาเดียว ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของกวีเอกสุนทรภู่ ก็มีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกิเลนนี้ในเรื่องด้วย คือ ม้ามังกร หรือ ม้านิลมังกร นั่นเอง

....ตำนานเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้มีอยู่ในประเทศอื่นด้วยเช่น ประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลี



....ในญี่ปุ่น เรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า คิริน


....คิริน คือ ม้าเขาเดี่ยวของญี่ปุ่น เป็นสัตว์เทวะที่ปราบปรามความชั่ว คอยปกป้องคนดี และมอบความโชคดี ให้คนเหล่านั้น การได้เห็นคิริน นับว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล

 

..ไซเรน ....[Siren]...



....เป็นสัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลที่เป็นชาย ฝั่งแบบฟยอร์ด

....ไซเรนมีรูปร่างลักษณะเป็นเงือก บางตำราว่าตัวเป็นนก แต่หัวเป็นคน ไซเรนจะชอบร้องเพลง เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้ เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน และเรือที่เข้ามาจะหลงไหลในเสียงเพลงยิ่งขึ้นทำให้ออกตามหาแล้วจะตกเป็น เหยื่อของไซเรน



....ว่ากันว่า เหล่านางไซเรนนี้เป็นธิดาของเทพประจำแม่น้ำอะเคอะโลอัสกับเทพธิดามิวส์องค์ ใดองค์หนึ่งระหว่างเมลพอมินีกับเทอร์ปซิคะเรนางจึงเป็นนางอัปสรประจำแม่น้ำ มีจำนวนไม่แน่นอน โฮเมอร์ว่ามีเพียงสอง แต่นักเขียนหลังๆว่ามีสามบ้าง สี่บ้าง หรือถึงแปดบ้าง

....ส่วนสาเหตุที่เหล่าไซเรนต้องมีรูปร่าง เป็นครึ่งคนครึ่งนกนี้ เล่ากันว่า แต่เดิม นางเหล่านี้เป็นผู้รับใช้ติดตามเทวีเพอร์เซโฟนี และอยู่ในเหตุการณ์ที่ยมเทพฮาเดสลักพาตัวเทวีไป พวกนางจึงอ้อนวอนต่อเทพบดีให้ประทานปีกให้ เพื่อที่จะได้ไล่ตามไป แต่บางตำนานก็ว่าพวกนางถูกเทวีดิมีเทอร์สาปให้มีรูปลักษณ์เช่นนั้นเป็นการลง โทษที่ไม่ดูแลเทวีเพอร์เซโฟนี ปล่อยให้เทพฮาเดสมาฉุดคร่าไปโดยไม่เข้าช่วยเหลือ

....เหล่านางไซเรนนี้มีเสียงขับร้องที่ไพเราะยิ่ง จนถึงกับบังอาจท้าทายเหล่าเทพธิดามิวส์ให้ประชันขันแข่งกับตน ด้วยได้รับการยุยงจากเทวีฮีรา แต่เหล่าไซเรนก็ยังพ่ายแพ้ และถูกเทพธิดามิวส์ลงโทษถอนขนปีกมาทำมงกุฎ ด้วยความอับอายนางไซเรนจึงหลบเร้นไปอยู่ตามหินโสโครกแถบชายฝั่งอิตาลีตอนใต้ ใครเดินเรือผ่านก็จะขับร้องบทเพลงด้วยน้ำเสียงที่หวานไพเราะจับใจ จนผู้ได้ฟังจะลืมสิ้นทุกสิ่ง ลืมตัว ลืมบ้านเกิดเมืองนอน ลืมภาระหน้าที่ (คงลืมตาด้วยมั้ง) รู้อย่างเดียวว่าจะต้องไปหาผู้ที่ขับขานนั้นให้ได้ แล้วก็จะโดดลงจากเรือ ว่ายน้ำไปหานางไซเรน แล้วก็ถูกจับกิน หรือไม่ก็ว่ายน้ำไปแล้วก็หลงใหลได้ปลื้มกับเสียงนั้น ไม่เป็นอันกินอันนอนจนขาดใจตาย



....แต่ผู้ที่รอดจากนางไซเรนได้ก็มี คือเมื่อครั้งที่เรืออาร์โก (Argo เรือที่เจสันกับพรรคพวกใช้เดินทางไปเสาะหาขนแกะทองคำ - โยนกลับไปที่บล็อก fantastica) แล่นผ่านดงไซเรน ออร์ฟิอุสก็ขับพิณกลบเสียงนางเสียหมด มีเพียงบูเทสที่แว่วเสียงของนางไซเรนและโดดลงจากเรือไป แต่เทวีอโฟรไดทีคว้าตัวไว้ทัน แล้วพาไปไว้ที่เกาลิลิเบอุมในซิซิลี และว่ากันว่าบูเทสได้สมสู่กับเทวีจนเทวีให้กำเนิดบุตร ๑ คน คือ เอริกซ์ (Eryx)

....ต่อมา เมื่อโอดิสซีอุสแล่นเรือผ่านมา ก็รอดไปได้อีก เพราะนางเซอร์เซให้คำแนะนำไว้แล้ว คือให้เอาขี้ผึ้งอุดหูไว้ ไม่ให้ได้ยินเสียงของนางไซเรนก็จะปลอดภัย แต่ด้วยความที่อยากฟังเสียงอันเป็นที่เลื่องลือของเหล่านางไซเรน โอดิสซีอุสจึงสั่งให้ทหารและลูกเรือทุกคนเอาขี้ผุ้งอุดหูให้สนิท แล้วมัดโอดิสซีอุสไว้กับเสากระโดงเรือให้แน่นหนา และสั่งเด็ดขาดว่าไม่ว่าตนจะดิ้นรนอ้อนวอนหรือขู่เข็ญสาปแช่งด่าพ่อล่อแม่ อย่างไรก็ห้ามแก้มัดให้เด็ดขาดจนกว่าจะพ้นรัศมีเสียงของนางไซเรน (สงสัยจริ๊งว่าถ้าคนอื่นๆมันเอาขี้ผึ้งยัดหูจนไม่ได้ยินเสียงไซเรน แล้วมันจะไปได้ยินเสียงโอดิสซีอุสได้ไงหว่า) แต่ก็เอาเป็นว่า ทั้งโอดิสซีอุสและคนอื่นๆบนเรือก็ล้วนรอดผ่านเกาะของเหล่าไซเรนไปได้อย่าง ปลอดภัย



....เหล่านางไซเรนนั้น จะต้องถึงแก่ชีวิตหากมีผู้ใดรอดชีวิตมาได้หลังฟังบทเพลงของนาง เมื่อโอดิสซีอุสสามารถรอดไปได้หลังจากนั้น เหล่านางไซเรนจึงกลายเป็นหินไป นอกจากนางพาร์เธโนเพ ซึ่งโดดลงทะเลด้วยความโกรธ ศพของนางถูกคลื่นซัดมาเกยหาด และมีการก่อสุสานให้นางตรงบริเวณที่ต่อมากลายเป็นเมืองเนเปิลส์

....ชื่อของเหล่านางไซเรนนั้น เป็นที่มาของคำศัพท์หลายคำ เช่น ไซเรนหรือหวอของรถพยาบาล รถตำรวจ รถดับเพลิงและยังหมายถึงหญิงที่มีเสน่ห์ตรึงใจชายเป็นพิเศษ หรือนักร้องหญิงที่มีเสียงไพเราะมาก หรือเป็นคุณศัพท์ หมายถึง มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ทำให้หลงใหล เป็นคำกริยา แปลว่าล่อให้หลง ยั่วยวน และเป็นชื่อปลาชนิดหนึ่งด้วย

ชูปาคาบรา ....[Chupacabra]...




....เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

....จากลักษณะที่ผู้ที่พบเห็นสังเกต ชูปาคาบราที่ลักษณะคล้ายกิ้งก่า มีสีเขียวอมเทา มีความสูงประมาณ 1 เมตร และมีท่ายื่นและกระโดดคล้ายจิงโจ้



....ในตอนเช้าของวันที่ 20 มกราคม 1996 ประมาณ 7-8 นาฬิกา หน่วยดับเพลิงของเมืองวาร์จินฮาได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า มีคนพบเห็นสัตว์ประหลาดในเขตยาร์ดิมอันเดเร ครู่ต่อมาก็มีชาวเมืองโทรศัพท์มาแจ้งเรื่องนี้อีกราย แล้วก็อีกราย แล้วก็อีกราย..




....หน่วยดับเพลิงซึ่งในบราซิลขึ้นอยู่ในสังกัดของ ทหารจึงส่งเจ้า หน้าที่ออกไปตรวจสอบ ตามทิศทางที่ได้รับแจ้งเหตุในบริเวณซึ่งเป็นเขตป่า พวกเจ้าหน้าที่เจอสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งมีปุ่มโปนคล้ายหงอนขนาดใหญ่ 3 หงอนอยู่บนหัว มีดวงตาสีแดง มีแขนยาวเรียว และมีขาสั้นแต่ตีนใหญ่ มันเอาแต่ส่งเสียงหึ่งๆ เหมือนผึ้งเจ้าหน้าที่ใช้ตาข่ายจับตัวมันได้อย่างง่ายดาย เพราะดูท่าทางมันกำลังงงๆ มันถูกเอาตัวไปในราว 10 โมงของเช้าวันนั้น


....ต่อ มาในวันเดียวกันและในบริเวณเดียวกันนั้น ขณะเด็กสาว 3 คน คือ ลิลเลียน ฟาติมาวาลกิรา ฟาติมา และอันเดรด เซเวียร์ กำลังเดินทางลัดกลับบ้านหลังเลิกงานก็ได้เจอกับสัตว์ประหลาดตัวที่สอง ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเจ้าตัวแรกพอมันมองมายังพวกเธอ ทุกคนต่างตกใจรีบวิ่งหนีเข้าบ้าน และเล่าเรื่องราวให้ลุยซา แม่ของสองพี่น้องสกุลฟาติมาฟัง คุณแม่ออกไปดูตรงจุดที่ลูกๆ บอก เห็นรอยเท้าบนพื้นโคลนและได้กลิ่นเหมือนแอมโมเนียในบริเวณนั้น






....วันนั้น มีรายงานเหตุการณ์การพบเห็นสัตว์ประหลาดทำนองนี้หลายครั้ง รวมแล้วถูกจับได้ทั้งหมด 7 ตัวด้วยกัน ว่ากันว่ามีอย่างน้อยหนึ่งตัวถูกจับส่งโรงพยาบาล ตัวหนึ่งตายและถูกนำขึ้นรถบรรทุกของทหารไปยังมหาวิทยาลัยแคมปินาส ที่นั่นเจ้าตัวนี้ได้ถูกผ่าชันสูตรด้วยข่าวบางกระแสบอกว่าอีกสองตัวถูกส่งไป ยังมหาวิทยาลัยเซาเปาโล ซึ่งมีรายงานว่ามีการถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐานด้วย



....หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน สารวัตรทหารวัย 23 ปี มาร์โซ เอลี เชเรซ ซึ่งเป็นคนไปจับตัวเจ้าสัตว์ประหลาด ได้เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด บางคนบอกว่าเขาติดเชื้อเพราะไปสัมผัสจับต้องเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้น เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นข่าวโด่งดัง พวกสื่อมวลชนก็แห่ไปซักถามบรรดาผู้เห็นเหตุการณ์จนไม่เป็นอันได้ทำอะไร เด็กสาวสองคนที่เป็นคนพบสัตว์ประหลาดจึงเรียกเงินค่าให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา ในอเมริกามี "บุรุษชุดดำ'' คอยปกปิดกรณีการพบเห็นมนุษย์ต่างดาว แต่ในบราซิลนั้นเป็น "บุรุษชุดครีม"




....ลุยซา แม่ของสองเด็กสาวบอกว่า มีชายลึกลับ 4 คน แต่งชุดสูทอาร์มานีสีครีมมาเสนอเงินก้อนโตให้เธอ แลกกับการให้ลูกสาวปฏิเสธเรื่องราวทั้งหมด "พวกนั้นบอกว่าจะกลับมาใหม่ แต่เราจะไม่ปกปิดความจริง" เจ้าหน้าที่ทหารและดับเพลิงบอกว่า ไม่เคยจับสัตว์ประหลาดได้อย่างที่เป็นข่าว ทั้งๆ ที่ในวันนั้นมีความเคลื่อนไหวผิดสังเกตหลายอย่าง เช่น การเคลื่อนไหวทางทหารเจ้าหน้าที่ประจำโรงพยาบาลต่างๆ ที่ตกเป็นข่าวก็ปฏิเสธเช่นกัน ว่าไม่เคยรับตัวสัตว์ประหลาดเอาไว้รักษาแต่อย่างใด


....ลือกัน ว่า สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งได้ถูกชันสูตรโดยแพทย์ด้านนิติเวชผู้หนึ่ง ชื่อ บาดัน พัลฮาเรส แต่เจ้าตัวยืนยันอย่างเป็นทางการว่าไม่เคยผ่าศพสัตว์ประหลาดแม้แต่ตัวเดียว อย่างไรก็ดี ข่าวบอกว่าคุณหมอแย้มไว้ว่า จะขอพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า นักค้นคว้าเรื่องวัตถุบินลึกลับบอกว่า สมมติว่าเรื่องนี้เป็นความจริงก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ เพียงแต่มีรายงานการพบเห็นจานบินหลายครั้งในช่วงเวลานั้น


....หลาย คนบอกว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่ว่านี้อาจเป็นตัว ชูปาคาบรา ซึ่งเล่าลือกันว่าเป็นสัตว์ลึกลับที่ชอบเล่นงานพวกวัวในทุ่งปศุสัตว์ แล้วทิ้งซากอันเหวอะหวะไว้ เว้นแต่เด็กสาวทั้งสามที่ว่า แล้วคำบอกเล่าในเรื่องนี้มักมาจากคนที่ฟังเขาเล่าต่อๆ กันมา กับมาจากพวกลูกจ้างในกรมทหารหรือโรงพยาบาล ซึ่งให้ข้อมูลกับนักจานบินวิทยาของบราซิลโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริงเวลาผ่าน มา 10 ปีแล้ว ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่เชื่อถือได้ในเหตุการณ์ที่เล่าลือกันนี้

 

คนแคระ... [ Dwarf]....




....เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์เมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) ปรากฏในเทพนิยาย นิยายแฟนตาซี และเกมอาร์พีจีจำนวนมาก มักมีพรสวรรค์อันวิเศษโดยเฉพาะด้านเกี่ยวกับการเหมืองและการโลหะ

....แนวคิดเริ่มแรกเกี่ยวกับกำเนิดตำนานของคนแคระไม่สามารถระบุได้ แน่ ชัด แหล่งกำเนิดที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่สามารถค้นพบคือในตำนานปรัมปราของเจอร์ เมนิกที่สืบทอดมาจากตำนานนอร์ส แต่กระนั้นก็หาหลักฐานได้ยากและมีรูปแบบหลากหลายมาก เรื่องราวที่ผิดเพี้ยนไปทำให้คนแคระดูน่าขบขันมากขึ้นและช่างเชื่อถือโชคลาง คนแคระมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่เรื่องเล่าระบุถึงความสูงและชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไป บางเรื่องถึงกับบรรยายพวกเขาไปคล้ายกับพวกเอลฟ์ เมื่อพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดและจากลักษณะตามธรรมชาติของคน แคระ เชื่อได้ว่าในยุคแรกๆ คนแคระมีความสูงพอกันกับมนุษย์นี้เอง บทบาทของพวกเขาในตำนานมักมีความผูกพันใกล้ชิดกับความตาย มีผิวกายซีด ผมสีเข้ม ชอบอยู่กับพื้นโลก มีประเพณีที่นิยมนับถือลัทธิภูตผี ซึ่งสอดคล้องกับความผูกพันกับความตาย บางครั้งมีลักษณะคล้ายคลึงกับพวก 'Vættir' หรือจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่นพวกเอลฟ์



....ตำนานปรัมปราเกี่ยวกับคนแคระที่พัฒนาการต่อมา มีข้อเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ พวกเขาดูน่าขบขันมากขึ้น มีความลึกลับมากขึ้น คนแคระเริ่มมีรูปร่างเตี้ยลงและน่าเกลียดมากขึ้นตามภาพลักษณ์ในยุคใหม่ รวมถึงภาพการใช้ชีวิตใต้พื้นดินของพวกเขาก็โดดเด่นยิ่งขึ้น คนแคระเป็นสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่มีทักษะด้านการโลหะอย่างวิเศษ มีชื่อเสียงในการสร้างของวิเศษในตำนานมากมาย แนวคิดเกี่ยวกับคนแคระในตำนานนอร์สยุคหลังมีความแตกต่างจากตำนานดั้งเดิมมาก คนแคระในแนวคิดใหม่นี้ไปปรากฏในเทพนิยายและนิทานพื้นบ้านในยุคหลังมากขึ้น (ดูเพิ่มเติมใน นิทานพื้นบ้านเยอรมัน และนิทานพื้นบ้านดัตช์) พวกเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งมีเวทมนตร์ ไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นเจ้าแห่งมนตร์มายา คำสาป และคำล่อลวง



....แฟนตาซีและวรรณกรรมยุคใหม่ช่วยกันถักทอความ เจ้าเล่ห์แสนกลให้กับ เหล่าคนแคระเพิ่มเติมไปยิ่งกว่าคนแคระดั้งเดิม คนแคระในยุคใหม่จึงมีลักษณะเฉพาะตัวคือ มีร่างกายเตี้ยแคระ ผมและขนดกหนา มีความสามารถในการทำเหมืองและการช่างโลหะอย่างพิเศษ อย่างไรก็ดีวรรณกรรมยุคใหม่ยังบรรยายภาพของคนแคระที่แตกต่างกันออกไปอีกตาม แต่ตำนานและประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น วรรณกรรมแฟนตาซีหลายเรื่องประดิษฐ์คิดค้นอำนาจหรือภาพลักษณ์ของคนแคระขึ้น ใหม่ ทำให้ "คนแคระ" ในตำนานยุคใหม่ไม่อาจมีคำจำกัดความที่ชัดเจนได้



....แต่แนวคิดเรื่องคนแคระมีร่างเตี้ยดูจะเป็น ประเด็นที่มั่นคงไม่ เปลี่ยนแปลงมากที่สุด และคำว่า "คนแคระ" (dwarf) ก็ถูกนำมาใช้บรรยายถึงมนุษย์ร่างเตี้ยโดยทั่วไปไม่ว่าจะมีอำนาจเวทมนตร์หรือ ไม่ ดังนั้นคำจำกัดความสากลในยุคใหม่สำหรับคำว่า คนแคระ จึงหมายถึงสิ่งมีชีวิตร่างเตี้ย มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ อยู่ในวรรณกรรมแฟนตาซีและเทพนิยาย

 

Griffin กริฟฟิน



....Griffon (ฝรั่งเศส), Griffin (อังกฤษ) สัตว์ประหลาดในตำนานเทพนิยายกรีก โดยกริฟฟอนจะมีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือหนึ่งเป็นผู้ลากราชรถของเหล่าเทพ ซึ่งกริฟฟอนเหล่านี้จะแตกต่างจากกริฟฟอนทั่วไปคือมีร่างและปีกเป็นสีดำ และหน้าที่ที่ 2 ก็คือคอยลงโทษเหล่ามนุษย์ที่มักมากในทรัพย์สมบัติ ซึ่งอันนี้มาจากนิสัยของกริฟฟอนที่ชอบสะสมสมบัติมีค่า หรือชอบทำรังไว้ใกล้ ๆ กับขุมสมบัติ

....กริฟฟิน หรือ กริฟฟอน (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว. อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขาตามตำนานกรีก



....กริฟฟินเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำ ของดินแดนไฮเปอร์โบเรีย (ดินแดนในตำนานซึ่งอยู่ทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล), เป็นรูปจำแลงของเทพีเนเมซิส เทพแห่งความพยาบาท ซึ่งทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา, นอกจากนี้ยังเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์ (เทพอพอลโล) อีกด้วยกริฟฟินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และบางคนยังถือว่ากริฟฟินเป็นสัญลักษณ์ของความหยิ่งยโสอีกด้วยในยุคแรก



....กริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนกับซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญานของมนุษย์ให้ติดกับ แต่ต่อมากริฟฟินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทั้งทวยเทพ และมนุษย์ สำหรับพระเยซู เพราะมันเป็นเจ้าแห่งพิภพและเวหา อีกทั้งมีรังสีแห่งแสง อาทิตย์. ศัตรูของกริฟฟินคือ บาซิลิสก์ ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน



*เพิ่มเติม Hippogriff (ฮิปโปกริฟ): ชื่อเต็ม ๆ คือ Hippogriffin (ฮิปโปกริฟฟิน) บางคนอาจรู้จักเจ้าตัวนี้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์มาแล้วนะครับ ฮิปโปกริฟสืบเชื้อสายมาจากกริฟฟอน (Gryphon สัตว์ครึ่งนกครึ่งสิงโต) กับม้า มันมีลำตัวเหมือนม้า แต่ขาหน้า เล็บ ปีก และจะงอยปากเป็นเหมือนกริฟฟอน ฮิปโปกริฟมักถูกยกไปเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ กริฟฟอนและม้าในรถม้าของอพอล

Hydra (ไฮดรา)



.... ไฮดราเป็นบุตรของ Echidna กับ Typhon มันอาศัยอยู่ในหนองน้ำของเลอร์นา (Lerna) ไฮดราเป็นสัตว์เก้าหัวที่มีพิษถึงตายได้ และมันมีหัวหนึ่งที่เป็นอมตะ ทุกครั้งที่หัวหนึ่งโดนตัดก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้ (บอสของบางเกมก็เอามุขนี้ไปใช้เหมือนกัน) เฮอร์คิวลิสฆ่าไฮดราโดยการใช้คบไฟลนตรงแผลที่ถูกตัดจนปิดสนิท เพื่อไม่ให้หัวใหม่งอกขึ้นมาได้ และฝังหัวที่เป็นอมตะไว้ใต้ก้อนหิน

....อสุรกาย ตัวนี้อาศัย ณ บึงร้างเลอร์นาในอาร์โกลิส เป็นมอนสเตอร์ร่างใหญ่อีกหนึ่งในตระกูลไทฟอน(ยักษ์ร้อยหัว) และ อิคิดนา (นางปีศาจครึ่งคนครึ่งงู) แต่บางเวอร์ชั่นว่าเป็นบุตรของไททันพาลลาส(Pallas)และสติกซ์(Styx เทพีแห่งแม่น้ำแห่งความตายสติกซ์) เป็นพี่น้องกับนีเมียน เคอบีรอส ไคเมรา ลาดอน และสฟิงซ์



....ไฮดรามีร่างกายเป็นงูยักษ์หรือมังกร (บ้างก็มีขา บ้างเป็นงูยักษ์เฉยๆ) ที่มีหัวมากมายซึ่งก็แล้วแต่ตำนาน เริ่มตั้งแต่ห้าไปจนถึงร้อยหัวเลยทีเดียว แต่ที่นิยมที่สุดคงจะเป็นเจ็ดหรือเก้า และไม่มีอาวุธใดฆ่ามันได้(ง่ายๆ) เพราะหัวแต่ละหัวเมื่อถูกตัดขาดไปจะงอกขึ้นมาใหม่เพิ่มเป็นสองหัวทันที(ยิ่ง โดนก็ยิ่งโหดครับ) แถมแต่ละหัวยังมีความคิดเป็นของตัวเองซะด้วย มันมีลมหายใจและโลหิตเป็นพิษครับ เจ้าตัวนี้ฆ่าวีรบุรุษผู้กล้ามามากหน้าคร้าตา เวลามันขึ้นมาจากบึงทีก็จะออกไปทำลายบ้านเมืองปราสาทและฆ่าชาวบ้านมากมาย ดินแดนแถบนั้นต้องประสบชะตากรรมแบบนี้อยู่หลายปี

....และจุดจบของมันก็มาถึงโดยเฮอร์คิวลิส(อีกแล้ว) เพราะเป็นอีกหนึ่งในสิบสองภาระกิจของเขา เฮอร์คิวลิสขับรถม้าไปที่บึงเลอร์นาที่ว่า ท่อมๆมองๆอยู่สักพักก็ได้เจอมันเข้า(และลมหายที่เป็นไอพิษบางเวอร์ชั่นบอก ว่าเฮอร์คิดลิสต้องเอาผ้าปิดจมูกปิดปากเลย)



....การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น เขาก็กระหน่ำลูกธนูใส่มัน แต่ทว่าก็ไร้ผล เกล็ดหนาๆของมันไม่อ่อนต่อธนูหรอก เหนื่องจากลูกธนูเล่นงานมันไม่ได้ เขาเลยต้องใช้ดาบแทน ยกแรกฟันคอมันขาดแต่มันกลับงอกเป็นสอง ฟันจากสองเป็นสี่ ที่นี้ก็ลำบากล่ะครับ


....ระหว่างสู้นั้นเองเทพีเฮร่าชายาหลวงของซูสก็ตามแกล้งเฮอร์ คิดลิสไม่ เลิก(ด้วยเหตุที่เป็นลูกภรรยาอีกหนึ่งในหลายสิบคนของซูส) ปล่อยปูยักษ์ที่เรียกว่าคาร์คินอส(Karkinos) มาหนีบกัดเท้าของเฮอร์คิวลิส ซ้ำแล้วเลยต้องมาสู้กับคาร์คินอสอีก

....บางตำราเล่าว่าเฮอร์คิวลิ สได้ความช่วยเหลือจากเทพเจ้าด้วย จนในที่สุด เขาก็ตัวศีรษะทั้งหมดของเจ้าไฮดราได้สำเร็จ(ก่อนที่จะงอกมาอีก) เป็นเหตุให้ไฮดราจบชีวิตลง เมื่อมีชัยต่อคู่ต่อสู้ เฮอร์คิวลิสก็ใช้เลือดพิษของไฮดราให้เป็นประโยชน์ เขาเอาลูกธนูทั้งหมดของเขาจุ่มลงในโลหิตของไฮดราใช้เป็นอาวุธต่อไป..

แหล่ง ที่มา http://www.gconsole.com/forum/show.php?page=topicdetail&id=32820&cat=5&layout=

#ตำนาน
Messenger56
เด็กกองถ่าย
สมาชิก VIP
18 พ.ค. 53 เวลา 23:11 26,689 4 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...