10 แฟรนไชส์​​สยองขวัญที่ทำรายได้มากที่สุด

ภาพยนตร์สยองขวัญนั้นเป็นแนวภาพยนตร์ที่ขาดไม่ได้ของชาวอเมริกัน(และทั่ว โลก) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญจำนวนมากมีภาคต่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาคดัดแปลง ภาครีแม็ค ภาคพิสดาร และภาพยนตร์สยองขวัญบางเรื่องได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้แก่ผู้กำกับ และตัวละครและฆาตกรตัวเอกในเรื่องก็กลายเป็นตำนานที่หลายคนชื่นชอบ แม้ภาคหลังจะออกทะเลไปบ้างก็ตาม แต่กระนั้นมันก็น่าสนใจอยู่ดี และนี้คือ 10 อันดับภาพยนตร์สยองขวัญภาคต่อที่ประสบผลสำเร็จด้านรายได้และชื่อเสียง


10.The Omen

  

ดิ โอเมน อาถรรพณ์กำเนิดซาตานล้างโลก เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีภาคต่อมากพอสมควร คือมีทั้งหมด 5 ภาค(รวมภาคทีวีและรีแม็ค)โดยมีรายได้กว่า 162,520,100 ดอลลาร์ เฉลี่ย 40,630,025 ดอลลาร์ โดยภาพยนตร์มีเนื้อหาเกี่ยวกับเอกอัครราชทูตอเมริกันที่ร่ำรวยคนหนึ่งชื่อโร เบิร์ต ธอว์น ที่หมกมุ่นอยู่กับการมีลูก เพราะ แคทเธอรีนภรรยาของเขามีลูกยาก และเคยแท้งลูกมาก่อน พอมีกำหนดคลอดครั้งที่สอง เด็กก็แท้งอีก ทำให้คุณพ่อสปิลเล็ตโต้ บาทหลวงของทางโรงพยาบาลเสนอธอว์น ให้รับตัวทารกอีกคนที่คลอดในคืนเดียวกัน แต่แม่ผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตระหว่างทำคลอด ไปเป็นลูกแทน ซึ่งทั้งสองไม่รู้เลยว่า เด็กดังกล่าว เป็น เด็กน้อยปีศาจ(ที่เชื่อว่าเป็นบุตรซาตาน)ที่ถูกส่งลงมาเกิดเพื่อล้างโลก ภาพยนตร์ได้รับการวิจารณ์เชิงบวกและกลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่สุดใน ปี 1976 เท่าที่เคยทำมา และได้รับรางรัลมากมาย จนถูกทำเป็นภาคต่อหลายภาคในเวลาต่อมา



9. TheTexas Chain Saw Massacre (อยากดูเรื่องนี้ รู้สึกจะติดอันดับภาพยนตร์สยองขวัญด้วยนะ)

                 

หนึ่งในฆาตกรที่หลายคนรู้จักกันดีและเข้าใจผิดมากที่สุด เลเทอร์ เฟรดและครอบครัวมนุษย์กินคน(สมาชิกในครอบครัวไม่ทราบ แต่คาดว่ามี 4 คน) ถูกสร้างทั้งหมด 6 ภาค(รวมรีเม็ค) โดยจำนวนรายได้ถึง 164,925,750 ดอลลาร์(ไม่นับวีดีโอเกม) เฉลี่ยทำเงินภาคละ 27,487,625  

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดของภาพยนตร์ชุดนี้ก็คือหลายคนเชื่อว่าสร้างจาก สังหารหมู่เท็กซัสคดีหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย หากแต่เลเทอร์ เฟรดนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน คนหนึ่ง ชื่อ เอ๊ด กีน หรือ เอ็ดเวิร์ด ธีโอดอร์ กีน ที่มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1906-1984 ที่เมืองเล็กๆ ชื่อเพลนฟีนด์ ในมลรัฐวิสคอนซิล ช่วงเวลาที่เขาก่อคดีอยู่ระหว่างปี 1947-1957 พฤติกรรมประหลาดชวนสยอดสยอง ของเค้าช็อกคนทั้งโลก เพราะหลังจากฆ่าเหยื่อแล้ว เขายังควักตับไตไส้พุง และเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของศพ มาทำเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับด้วย และเอาหนังของเหยื่อมาทำเสื้อผ้าและเต้นรำคนเดียวในตอนกลางคืน

ส่วนประวัติ เลเทอร์ เฟรดนั้น มีจุดเด่นตรงที่เป็นชายตัวสูงใหญ่สวมหน้ากากเป็นทำจากผิวหนังหน้ามนุษย์ เพื่อปกปิดหน้าตาหน้าเกลียดของตนเอาไว้ มีอาวุธเป็นเลื่อยไฟฟ้า ไล่ฆ่าคนเพื่อกินเนื้อ แต่สติปัญญาต่ำ อดีตเคยเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก่อน แต่ได้รับการเลี้ยงดูแบบผิดๆส่งผลให้เป็นฆาตกรโหดที่ต้องฆ่าคนเพื่อเอาเนื้อ มาเลี้ยงครอบครัวที่เลี้ยงดูเขาในเวลาต่อมา โดยภาพสูตีรของเลเทอร์ เฟรดนั้นมาแบบสูตรอเมริกันแท้ๆ คือเปิดฉากออกมาเป็นกลุ่มวัยรุ่นเดินทางมาที่รกร้างไร้ผู้คน จากนั้นก็เจอเลเทอร์ เฟรดไล่ล่าฆ่า  ตามสูตร โดยหนังภาคแรกประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งที่เป็นหนังโนเนม ตัวละครก็โนเนม แต่ด้วยมุมกล้อง การตัดต่อ การดำเนินเรื่อง ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับกล่าวขวัญเป็นอย่างมาก หากแต่ภาคหลังๆ กลายเป็นเจ๊งไม่เป็นท่า แต่กระนั้นก็มีความพยายามที่นำเลเทอร์ เฟรดกลับมาสร้างความสยองใหม่ให้แก่คนดู(และเหล่าแฟนๆ)อีกครั้งอยู่เนื่องๆ

 

8. Amityville Horror

   

บ้านผีสิงอมิตี้วิลล์(ภาคแรกออกปี 1979) ด้วยจำนวนภาคที่ออกถึง 9 ภาค(รวมหนังต้นฉบับ 3 รีแม็ค และภาพยนตร์ทางโทรทัศน์) ทำรายได้กว่า 170,533,321 ดอลลาร์ เฉลี่ยภาคละ 42,633,330.25 ดอลลาร์ โดยบ้านผีสิงอมิตี้วิลล์ภาคแรกได้รับเสียงตอบรับดีมาก ทำรายได้ 86 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และกลายเป็นสุดยอดภาพยนตร์สยองขวัญ ที่อยู่ในใจของนักดูภาพยนตร์ทั่วโลก จนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาดนตรีประกอบ และรายการอื่น ๆ อีกมากมาย  เป็นภาพยนตร์แนวบ้านผีสิงที่ถูกนำไปสร้างภาคต่อมากที่สุด ยาวนานกว่า 30 ปี

โดยเนื้อหาของภาพยนตร์บ้านผีสิงอมิตี้วิลล์จะมีส่วนคล้ายกันทุกภาค โดยเริ่มต้นที่ วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 สถานีตำรวจซัฟโฟล์คเคาน์ตี้ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุสยองขวัญ ว่าบ้านเลขที่ 112 โอเชี่ยนอเวนิว ในเอมิตี้วิลล์ ลองไอซ์แลนด์ ได้มีครอบครัวหนึ่งถูกสังหารหมู่โดยสมาชิกคนหนึ่งในบ้านที่มีอาการหลอน 1 ปีต่อมา ก็มีครอบครัวใหม่ย้ายเข้ามา โดยประกอบด้วย จอร์จ และ แคธี่ ลุทซ์ และลูกๆ ได้ย้ายเข้ามาในบ้านที่พวกเขาคิดว่าคือบ้านในฝัน แต่หลังจากย้ายเข้ามาไม่นาน เหตุการณ์ประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็เกิดขึ้น นั่นคือ ภาพสยองและเสียงหลอนของบรรดาภูติผีที่ยังคงสิงสถิตย์อยู่ในบ้าน ลูกสาวของพวกเขาได้พูดคุยกับเพื่อนที่มองไม่เห็นชื่อ โจดี้ และจอร์จผู้เป็นห้วหน้าครอบครัวมีพฤติกรรมประหลาด และต่อมาบ้านทั้งหลังก็กลับกลายมีชีวิต และฉากคลาสสิตก็คือจอร์จถือขวานไล่ล่าครอบครัว โดยเนื้อหาบ้านผีสิงอมิตี้วิลล์ดัดแปลงจากเนื้อหาในนิยายขายดี ชื่อเดียวกันของเจย์ แอนสัน(ค.ศ. 1976)  ซึ่งนิยายดัดแปลงจากเรื่องจริงมาอีกที โดยชื่อบ้าน สถานที่ และตัวละครทั้งหมดในเรื่องมีตัวตนอยู่จริง



 
               7. Paranormal Activity

 

                ภาพยนตร์แนวเหนือธรรมชาติที่สุดแสนไม่ลงทุน เพราะใช้สถานที่ถ่ายทำแห่งเดียว ตัวละครไม่กี่ตัว และมุมกล้องแค่กล้องวงจรปิดเท่านั้น แต่มันกลับทำเงินอย่างเหลือเชื่อ สร้างแค่ 2 ภาค(ภาค 3 กำลังตามมาเร็วๆ นี้)ก็ทำเงินถึง 192,671,717 ดอลลาร์ เฉลี่ยภาคละ 96,335,858.50 ดอลลาร์

                โดยเนื้อหาไม่มีอะไรมาก โดยเป็นเนื้อหาที่ครอบครัวหนึ่งกับบ้านหลังหนึ่งที่มีเหตุการณ์ประหลาดเหนือ ธรรมชาติที่น่าขนหัวลุกในตอนกลางคืนที่พวกเขาไม่สามารถอธิบายได้ตามหลัก วิทยาศาสตร์ พวกเขาเลยตั้งกล้องเอาไว้เพื่อพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีอยู่จริง จากนั้นคนดูก็เห็นภาพแปลกๆ ในกล้องดังกล่าวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวของเคลื่อนไหวเองได้ เงามืด ฉากไล่ฆ่าคน ภาพที่ผ่านกล้องวีดีโอหรือกล้องวงจรปิดว่าจะมีอะไรออกมาเคลื่อนไหวให้ เห็น ความน่ากลัวจะเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการดำเนินเรื่องในภาพยนตร์ ไปจนบท สรุปสุดท้าย ซึ่งปกติเรามักชอบดูคลิปผี จำพวกกล้องวีดีโอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ภาพยนตร์ดังกล่าวประสบผลสำเร็จสูง

 

6.Scream

  

ไอ้หน้ากากหน้าผี “หวีด” (แต่ตัวจริงของคนสวมหน้ากากมีหลายคน) มีจำนวนภาค 4 ภาค ทำรายได้กว่า 293,553,139 (ไม่รวมภาค 4) เฉลี่ยภาคละ 97,851,046.33(รวมภาค 4 เนื้อหาหาของเรื่องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองสมมุติเมืองหนึ่ง ชื่อเมืองวู้คโบโร่ โดยกล่าวถึงตัวเอกคือเคซีย์ เบคเกอร์นักเรียนมัธยมศึกษาที่ได้รับโทรศัพท์จากชายลึกลับคนหนึ่งที่เสียง น่ากลัว(จากเครื่องเปลี่ยนเสียง)ว่าเธอคือเหยื่อถัดไป โดยหลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นเป้าหมายของฆาตกรสวมหน้ากากยางผีหวีดสยอง สวมชุดคลุมสีดำ ถืออาวุธเป็นมีดล่าสัตว์ ที่เริ่มไล่ล่าฆ่าเธอและฆ่าคนใกล้ตัวของเธอคนแล้วคนเล่า แถมเจ้าผีดังกล่าวยังอึดทนทานและสามารถปรากฏตัวและหายไปได้อย่างรวด เร็ว(ทั้งที่ตัวจริงเป็นคนธรรมดาแท้ๆ)ภาพยนตร์ดังกล่าวจะเน้นอารมณ์สะดุ้ง ตกใจ ผสมกับความตลกเล็กน้อย และด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ภาพยนตร์ภาพแรกที่ฉายในปี 1996 โด่งดังและโกยเงินเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้มีหลายภาคในที่สุด



               5. A Nightmare on Elm Street

   

เฟรดดี้ ครูเกอร์เป็นปีศาจแห่งฝันร้ายที่มีภาพยนตร์ถึง 8 ภาค และจอแก้วอีก 1 และเกมวีดีโออีก 1 รายการ โดยทำเงินรายได้กว่า 307,420,075 (ไม่รวมวีดีโอเกมและรายการโทรทัศน์) เฉลี่ยรายได้ภาคละ 38,427, 509.38 ดอลลาร์  

โดยเฟรดดี้ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ A Nightmare on Elm Street(1984) หรือ ฝันร้ายถนนเอลม์ ในลักษณะปีศาจรูปร่างที่เนื้อหนังไหม้ไฟ ที่มีถุงมืดกรงเล็บใบมีดยาวแหลมเฟี้ยว  และเสื้อยืดลายทางสีเขียวสลับ แดง(เวอรชั่นแรกจะเป็นลายทางสีแดงสลับเหลือง)แต่ก็มีอารมณ์ขันขี้เล่นตลอด เวลา มีความสามารถคือมันสามารถเข้าฝันของวัยรุ่นและหากมันฆ่าวัยรุ่นที่อยู่ใน ความฝันตาย วัยรุ่นจะตายในโลกแห่งความจริงไปด้วย ทำให้วัยรุ่นที่ตกเหยื่อจะแก้ปัญหานี้คือไม่นอนหลับเป็นอันขาด แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อการอดนอนเป็นเวลาหลายวัน สมองเราจะเริ่มบังคับให้เรางีบหลับช่วงสั้นๆ ครั้งละไม่กี่นาที ถึงแม้เราจะยังรู้ตัวและตื่นอยู่ สมองส่วนหนึ่งจะผล็อตหลับอยู่ดี ส่งผลทำให้เฟรดดี้ออกมาเล่นงานทั้งที่เราลืมตาอยู่ อย่างไรก็ตามในอดีตนั้นเฟรดดี้ ครูเกอร์ มีประวัติอันน่าเห็นใจอย่างยิ่ง คือแม่ของเฟรดดี้ไปเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วปรากฏว่ามีการผิดพลาด ทำให้ต้องตกไปอยู่ในโซนของคนไข้โรคทำให้โดนคนบ้าข่มขืนหลายสิบคนตลอดสามวัน ยังผลให้ตั้งท้องแล้วคลอดลูกมาเป็นเฟรดดี้ (ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเฟรดดี้มัน ถึงบ้าขนาดนั้น)  เมื่อเฟรดดี้โตขึ้นก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องชอบจับเด็กไป ฆ่า สุดท้ายพ่อแม่เด็กที่ตายก็ทนไม่เลยก็บุกเข้าไปเผาเฟรดดี้ตายอนาถ แม้เนื้อหาเฟรดดี้จะออกทะเลไปบ้างกระนั้นเฟรดดี้ก็ได้ถูกโหวดว่าเป็นตัวร้าย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 14 ในนิตยสาร Wizard magazine ปัจจุบันเฟรดดี้ถูกนำมารีเม็คใหม่ในปี 2010 และเปลี่ยนบุคลิกให้ เฟรดดี้มืดหม่นและจริงจังน่ากลัวขึ้น

 

4. Halloween

  

อันดับ 4 ตกเป็นของภาพยนตร์เรื่องฮัลโลวีน โดยเป็นจำนวนภาพยนตร์ถึง 10 ภาค(เกมอีก 1) จำนวนรายได้กว่า 307,729,650 ดอลลาร์(ไม่นับวีดีโอเกม) เฉลี่ยภาคละ 30,772,965 ดออลาร์ โดยฆาตกรเด่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือไมเคิล ไมเยอร์(ในภาพรีเม็คเป็นพ่อของไมเยอร์) เป็นฆาตกรลักษณะเด่นคือสวมใส่หน้ากากสีขาว มีอาวุธเป็นมีดทำครัว และมีความสามารถพิเศษคือโผล่ไปทุกทีทุกเวลา(ตอนกลางคืน) นอกจากนี้ยังเป็นอมตะฆ่ายังไงก็ไม่ตาย โดยประวัติฆาตกรนี้ก็คือเป็นคนโรคจิตเคยก่อคดีฆ่าพี่สาวตนเองเมื่อตอน อายุ 6 ขวบในวันฮัลโลวีน แล้วก็ถูกจับเข้าโรงพยาบาลบ้า แล้วสิบห้าปีต่อมา ไมเคิลก็หนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปยังแฮดดอนฟิลด์ อิลลินอยส์ โดยจุดหมายก็เพื่อฆ่าคนในวันฮัลโลวีนให้ได้มากที่สุด ในภาคแรกภาพยนตร์ถูกสร้างด้วยงบประมาณจำกัด(ขนาดหน้ากากที่ใช้ในตัวฆาตกรยัง ซื้อร้านขายหน้ากากราคาถูกที่สุด โดยเป็นหน้ากากที่ดัดแปลงจากกัปตันเคิร์ก จากเรื่องสตาร์เทคตัดตาออกและทาสีขาวทับเท่านั้น) แต่ปรากฏว่าหนังได้รับสดุดีจากหลายฝ่ายทันทีที่ออกฉายครั้งแรกในปี 1978 เนื่องจากบรรยากาศของเรื่องเต็มไปด้วยความกดดัน และความสยองคลาสสิก ทำให้ภาพยนตร์ดังกล่าวมีภาคต่อหลายภาคในที่สุด


3. The Exorcist(หนังรุ่นพ่อ )

  

หมอผีเอ็กซอซิสต์อิทธิมหาภาพยนตร์ในตำนานที่เปลี่ยนแปลงโลก(ปานนั้น) ด้วยจำนวนภาคถึง 7 ภาค(ต้นฉบับ 4 นอกนั้นเป็นภาคอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเรตโป๊) รายได้กว่า 331,592,458(ไม่รวมโป๊) จำนวนเงินเฉลี่ยที่ออกฉาย ภาคละ 47,370,351.14 โดยภาคแรกฉายในปี 1973 ซึ่งภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของวิลเลี่ยม ปีเตอร์ แบลตตี และนิยายก็เอาเนื้อหาจากหมอผีเอ็กซอซีสต์ที่มีอยู่จริงอีกที โดยภาพยนตร์ภาคแรกได้กล่าวถึง เด็กสาวคนหนึ่งชื่อเรแกน แม็คนีล ที่ถูกผีร้ายสิ่งสู่จนทำให้เธอมีพฤติกรรมประหลาดและมีพลังเหนือธรรมชาติ จนแม่เด็กเป็นห่วง เลยจัดการให้หมอผีเอ็กซอซิสต์มาทำพิธีขับไล่ผี โดยหมอผีดังกล่าวประกอบด้วยคุณพ่อเมอร์รินและคุณพ่อเดเมี่ยน คาร์ริส  และนี้คือจุดเริ่มต้นความสยองขวัญในเวลาต่อมา

ภาพยนตร์หมอผีเอ็กซอซิสต์เป็นอันดับที่สองในรายการนี้ที่ไม่ได้สยองขวัญ แบบบ้าพลัง ที่ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับฆาตกรไล่ฆ่าคนแต่อย่างใด แต่กระนั้นภาพยนตร์ภาคแรกก็ด้รับการจารึกว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดีที่ สุดสามารถกวาดรางวัลออสการ์ถึง 10รางวัล และ รางวัลลูกโลกทองคำ4 รางวัล จนเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเวลานั้น จึงไม่แปลกอะไรที่ทำให้มีภาคต่อในเวลาต่อมา(และคุณภาพลดลงตามลำดับ)

นอกเหนือจากนี้ภาพยนตร์ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกรู้จักฮิสทีเรียซึ่ง เป็นโรคจิตประสาท พร้อมกับข่าวลือแปลกๆ ตามมาเป็นต้นว่าเป็นภาพยนตร์ต้องคำสาป เคยมีคนดูภาพยนตร์ดังกล่าวแล้วเกิดไปฆ๋าคนและฆ่าตัวตายมาแล้วโดยพวกเขาให้ การว่าได้ยินเสียงปีศาจสั่งให้พวกเขาทำดังกล่าว หรือแม้แต่กองถ่ายภาพยนตร์เองก็เจอเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติบ่อยๆ จนมีคนในกองถ่ายตายระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้ว

2. Saw(เรื่องนี้เรื่องโปรดของผมเลยแหละ งุงิแบ๊วแบ๊ว)

  

ซอว์ที่เป็นภาพยนตร์ที่เรายังพอสามารถหาดูได้ในปัจจุบัน  ด้วยจำนวนภาค ถึง 10 ภาค(รวมไปถึงหนังสั้นครั้งแรก และไม่รวมวีดีโอเกมอีก 2 ภาค) ด้วยจำนวนรายได้กว่า 342,510,598 (ไม่รวมหนังสั้น ภาคที่มีเฉพาะในวีซีดีและวีดีโอเกม เฉลี่ยรายได้กว่า 34,251,059.80 โดยเนื้อหาภาพยนตร์ภาคแรกฉายในปี 2004 โดยจุดเริ่มจากชายสองคน ที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาในห้องใต้ดินอันสกปรกโสโครกห้องหนึ่ง ทั้งคู่ถูกล่ามโซไว้กับผนังคนละด้าน และหลังจากนั้นก็มีเสียงจากเทปบันทึกเสียงหนึ่ง และภาพของหุ่นกระบอกหน้าตาแปลกๆ ที่เรียกหลายคนเรียกมันว่า “จิ๊กซอว์” บังคับให้สองคนเล่นเกม(กับดัก)ที่สุดแสนจะเล่นเกมสุดอำมหิต เจ็บปวดยิ่งกว่าตกนรกเพื่อเอาชีวิตรอด ภายในกำหนด 8 ชั่วโมง หาไม่แล้วก็จะต้องตายทั้งคู่ และกรณีชายสองคนนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเจ้าจิ๊กซอร์ดังกล่าวยังหาเหยื่อมาเล่นเกมบ้าๆ กลับมันอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นเกมหนีจากการถูกฝังทั้งเป็น เกมหนีกรงเขี้ยวมรณะ เกมเอากุญแจจากกรดมรณะ โดยเหยื่อของจิ๊กซอว์จะต้องเป็นคนที่อาลัยตายอยากในชีวิตหรือว่ามีปัญหา ชีวิตอย่างหนีมันให้พ้น  แต่ใช้ว่ามันจะโหดเหี้ยมฆ่าคนแบบบ้าเลือดเสียที เดียว เพราะหากเหยื่อรอดมาได้ มันก็พร้อมที่จะปล่อยตัวเหยื่อ แถมบางคนก็ได้รับสอนสั่งปรัชญาชีวิตดีๆ อีก ซึ่งไม่แปลกแต่อย่างใดที่มีเหยื่อที่รอดชีวิตบางคนกลายเป็น “จิ๊กซอว์” เสียเอง(ส่วนจิ๊กซอว์ตัวจริงตายนานแล้ว) จนเป็นเหตุทำให้มีหลายภาคตามมา(และคุณภาพลดลงตามลำดับ)

จิ๊กซอร์ตัวจริงนั้นมีชื่อว่าจอห์น แครมเม่อร์ เป็นช่างวิศวกรโยธา ที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ หลังจากที่เขาล้มเหลวจากการฆ่าตัวตาย เขาเลยได้รับประสบการณ์ใหม่คือการคารวะชีวิตของตนเองและอยากให้คนอื่นมี ประสบการณ์นี้ด้วย เขาเลยจับคนที่มีประวัติแบบเขามาเล่นเกมทดสอบเพื่อเอาชีวิตรอด ด้วยชื่อจิ๊กซอว์นั้นมาจากสื่อ(ในภาพยนตร์)ที่ได้มาจากพฤติกรรมที่เขามักตัด ชิ้นส่วนจากเนื้อของเหยื่อที่เสียชีวิต โดยแต่ละภาคจิ๊กซอว์มักสอนคุณค่าชีวิตหลายอย่าง เช่นภาคแรกเขาสอนมนุษย์ให้รู้จักคุณค่าของชีวิตนั้นคือสัญชาติญาณการอยู่รอด ภาคสามสอนให้รู้จักการให้อภัย แต่สุดท้ายเขาก็ตายเพราะถูกคนฆ่าในวัย 52 ในภาค 3 หากแต่กระนั้นภาคต่อๆ มาก็มีฉากระลึกความหลังและมีผู้สืบทอดต่อจากเขาหลายคน

 
                 1. Friday the 13th

 

ไอ้หน้าฮอกกี้โหดเจสัน วอร์ฮีส์(คุณรู้หรือไม่ว่าฆาตกรในศุกร์ที่ 13 นั้นไม่ใช่มีเจสันคนเดียว ยังมี แม่ของเจสันด้วย) โดยจำนวนภาพยนตร์ภาคต่อถึง 12 ภาค(รวมภาครีเม็คและภาพยนตร์เรื่องเจสันปะทะเฟรดดี้) นอกจากนี้ยังมีภาคจอแก้ว วีดีโอเกมอีกหนึ่ง(ที่เล่นยากสุดๆ) เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ทำรายได้กว่า 350,637,525 ดอลลาร์(ไม่รวมรายการทีวีและวีดีโอเกม) โดยคิดเฉลี่ยรายได้ต่อภาค ประมาณ 31,719,793.75 ดอลลาร์

ศุกร์ที่สิบสามฝันหวานนั้นเป็นภาพยนตร์สยองขวัญสูตรสำเร็จของอเมริกัน แท้ๆ โดยมีเนื้อหาประมาณว่าวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปสถานที่รกร้างไร้ผู้คน ทำอะไรห่ามๆ และจู่ๆ ก็มีฆาตกรโหดมาไล่ล่าฆ่าวัยรุ่นในกลุ่มตายเกือบหมด(เหลือนางเอกและพระเอกใน ช่วงท้ายเรื่อง) เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก แค่หนีฆาตกรโหดเท่านั้นเอง แต่กนระนั้นพล็อตดังกล่าวได้กลายเป็นต้นแบบการ์ตูนสยองขวัญสูตรสำเร็จในเวลา ต่อมา

เจสัน วอร์ฮีส์ ปรากฎตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Friday the 13th ในปี 1980(ภาคแรกเป็นแม่ของเจสัน) โดยมีเครื่องหมายการค้าคือหน้ากากฮ้อกกี้ มีดสปาด้าเป็นอาวุธ และเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ มีพลังวิเศษคือ อึด อมตะ  ประวัติบอกว่าผีอมตะเจสันนั้นในสมัยที่เป็นมนุษย์เป็นบุตรของพาเมล่า วอร์ฮีส์ ที่เป็นเด็กพิการ หน้าตาน่าเกลียด โดนเพื่อนแกล้งจนจมน้ำตายในทะเลสาปคริสตัน หากแต่เขาไม่ตาย เพราะเมื่อถึงศุกร์ 13 เมื่อไหร่เขาจะคืนชีพขึ้นมาฆ่าและก็ฆ่าทุกคนที่เขา เห็นแบบไม่เลือกหน้า สมัยก่อนเจสันเป็นตัวละครที่หนึ่งที่ติดตาคนดูมากที่ สุด ชึ่งสมัยนั้นถือว่าสยองมาก ทำให้ออกมาหลายภาค และออกทะเลไปเรื่อยๆ แต่กระนั้นเจสันก็กลายเป็นภาพยนตร์เเฟรนไซส์หลายคนอยากติดตามดูอยู่ดี

 เครดิต:CAMMY

 

ข้อมูลบางส่วนและจัดอันดับจาก

http://listverse.com/2011/04/16/top-10-highest-grossing-horror-franchises/

(เนื้อหาจากวิกิพีเดีย)

14 พ.ค. 54 เวลา 11:30 4,197 4 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...