เกิดอะไรขึ้นที่เชอร์โนบิล

แก้ไขล่าสุดโดย DukeSonic เมื่อ 14-4-2011 05:12



ต่อ ไปนี้เป็นสาเหตุของระเบิดทำลายล้างที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล วิธีการดำเนินการเก็บกวาดที่มีผลกระทบต่อผู้คนมากมาย และ สถานะปัจจุบันของเชอร์โนบิล

ในวันที่ 26 เมษายน 2529 ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขึ้นที่หน่วยที่ 4 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน อดีตสหภาพโซเวียตโซเชียลลิส ทีมปฏิบัติการวางแผนที่จะ
ทดสอบว่ากังหันจะสามารถผลิตพลังงานเพียงพอที่จะ ทำให้เครื่องปั๊มความเย็นทำงาน
เมื่อสูญเสียพลังงานหรือไม่ ก่อนที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานดีเซลฉุกเฉินจะเริ่มทำงาน
เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ขัดข้อง ระบบรักษาความปลอดภัยได้ถูกปิด
โดยเจตนา และมีการลดกำลังไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ลง 25% ซึ่งกระบวนการนี้ไม่เป็น
ไปตามแผน โดยกำลังไฟฟ้าของเครื่องปฏิกรณ์ลดลงเหลือต่ำกว่า 1% ดังนั้นจึงต้องเพิ่ม
กำลังไฟฟ้าขึ้นอย่างช้าๆ แต่ 30 วินาทีหลังเริ่มทดสอบ กำลังไฟฟ้าได้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่
คาดคิด และระบบหยุดทำงานฉุกเฉินของเครื่องปฏิกรณ์ (ซึ่งใช้สำหรับหยุดปฏิกิริยาลูก
โซ่) ล้มเหลว ธาตุของเชื้อเพลิงในเครื่องปฏิกรณ์ปะทุออก ทำให้เกิดการระเบิดอย่าง
รุนแรง ฝาปิดสนิทน้ำหนัก 1,000 ตันของเครื่องปฏิกรณ์ระเบิดออก อุณหภูมิมากกว่า
2,000 องศาเซลเซียสทำให้แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลาย ตะกั่วดำที่ใช้เคลือบเครื่องปฏิกรณ์
ติดไฟ และลุกไหม้เป็นเวลา 9 วันทำให้รังสีปริมาณมหาศาลกระจายสู่สิ่งแวดล้อม
อุบัติเหตุครั้งนี้ปล่อยรังสีออกมามากกว่าการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงบนฮิโร ชิมา ประเทศ
ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม 2488

สภาพในปัจจุบันยังเป็นเมืองร้าง (The Lost City of Chernobyl)




การเก็บกวาดความพยายามในช่วงแรกๆ ที่จะดับไฟที่กำลังลุกไหม้เครื่องปฏิกรณ์ คือ
การฉีดน้ำเย็นไปที่เครื่องปฏิกรณ์ หลังฉีดน้ำ 10 ชั่วโมง ไม่มีการดำเนินการใดต่ออีก ใน
วันที่ 27 เมษายน - 5 พฤษภาคม เฮลิคอปเตอร์ของทหารมากกว่า 30 ลำบินขึ้นเหนือ
เครื่องปฏิกรณ์ที่กำลังลุกไหม้ และทิ้งตะกั่ว 2,400 ตัน และทราย 1,800 ตันลงไป เพื่อ
พยายามดับไฟและดูดซับรังสี   ความพยายามดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ แท้จริง
แล้วกลับทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะความร้อนได้ทับถมใต้วัสดุที่ถูกทิ้งลงไป ทำให้
อุณหภูมิของเครื่องปฏิกรณ์เพิ่มขึ้นอีกครั้ง รวมถึงรังสีปริมาณมากถูกปล่อยออกมา ใน
ช่วงสุดท้ายของการดับไฟ แกนของเครื่องปฏิกรณ์ถูกทำให้เย็นลงด้วยไนโตรเจน ไฟที่
ลุกไหม้และการปล่อยกัมมันตภาพรังสีไม่สามารถถูกควบคุมได้จนถึงวันที่ 6
พฤษภาคม   แม้จะเป็นอันตรายอย่างเห็นได้ชัด แต่การรับมือกับหายนะครั้งนี้ต้องใช้คน
ไม่ใช่คนจำนวนน้อย แต่เป็นหลายพันคน ที่ต้องเสียสละชีวิตและสุขภาพเพื่อความ
พยายามที่เปล่าประโยชน์ในการควบคุม หายนะครั้งนี้ คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า "นักกู้ภัย"


นัก ดับเพลิง 600 คน ของหน่วยดับเพลิงของโรงไฟฟ้า และทีมปฏิบัติการของโรงไฟฟ้าคือกลุ่มผู้ได้รับรังสีรุนแรงที่สุด โดยในกลุ่มนี้ 130 คนได้รับรังสีในปริมาณเท่ากับขีดสูงสุดต่อปีของการได้รับรังสีของคนงานรวม 650 ปี บุคลากรทางการทหารหลายพันคนและคนงานจากที่อื่นๆ ถูกเกณฑ์ไปช่วยเคลื่อนย้ายวัสดุกัมมันภาพรังสีที่อันตรายถึงชีวิต โดยมีการป้องกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย


คน งาน 31 คนเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน 600,000 - 800,000 คนมีส่วนในการปฏิบัติการเก็บกวาดที่เชอร์โนบิลจนถึงพ.ศ. 2532 ในกลุ่มนี้ 300,000 คนได้รับรังสีเกินขีดสูงสุดสำหรับประชาชน 500 เท่าเป็นเวลา 1 ปี ปัจจุบันผู้ที่รอดชีวิตยังทุกข์ทรมานกับสุขภาพที่ถูกทำลาย

คำถามที่ว่า จนถึงปัจจุบันคนเหล่านั้นได้เสียชีวิตไปกี่คนเป็นคำถามที่เป็นที่โต้
เถียง กันมาก หน่วยงานรัฐบาลในอดีตประเทศในสหภาพโซเวียต 3 ประเทศที่มี
ประชาชนได้รับผลกระทบระบุว่า จนถึงปัจจุบัน "นักกู้ภัย" ประมาณ 25,000 คน
ได้เสียชีวิตลง แต่สมาคมเพื่อนักกู้ภัยทั้งหลายใน 3 ประเทศนี้ได้ประมาณการตัว
เลขที่มากกว่าตัวเลขของทางการมาก ในทางตรงกันข้าม รายงานจากการประ
ชุมเชอร์โนบิลในพ.ศ. 2548 ระบุตัวเลขของการเสียชีวิตของนักกู้ภัยที่น้อยกว่า
มาก
ตัวเลขที่ไม่ตรงกันนี้เกิดจากวิธีการในการประเมินที่ต่างกัน นอกจากนี้สถิติของ
นักกู้ภัย (จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและปริมาณรังสีที่ได้รับ) ถูกบิดเบือนโดยหน่วย
งานต่างๆ ของโซเวียต ดังนั้นจึงอาจไม่มีวันทราบตัวเลขที่น่าเชื่อถือที่สุดได้


การสิ้นสุดของหายนะ?

ในวันที่ 22 ธันวาคม 2531 นักวิทยาศาสตร์ของโซเวียตประกาศว่า "โลงศพ
โบราณ" ที่ปัจจุบันใช้ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์นั้นถูกออกแบบให้มีอายุเพียง 20-30
ปี

3 ปีหลังเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล รัฐบาลโซเวียตสั่งหยุดสร้างเครื่อง
ปฏิกรณ์หน่วยที่ 5 และ 6 ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครบวงจรเชอร์โนบิล และหลัง
การเจรจาระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อหลายครั้ง โรงไฟฟ้าทั้งพื้นที่ถูกปิดตัวลง 14
ปีหลังเกิดอุบัติเหตุในวันที่ 12 ธันวาคม 2543


โลงศพโบราณคืออะไร

หลังเกิดเหตุระเบิด มีการสร้าง "โลงศพโบราณ" (สิ่งห่อหุ้ม) ขนาดใหญ่ ที่ทำ
ด้วยคอนกรีต เพื่อปกคลุมเครื่องปฏิกรณ์หน่วยที่ 4 ที่ถูกทำลาย โลงศพนี้
ถูกออกแบบมาเพื่อหยุดการปล่อยรังสีเพิ่มขึ้นขึ้นสู่บรรยากาศ

ภาระกิจแรกในการควบคุมเครื่องปฏิกรณ์ที่ลูกทำลายคือการสร้าง "แผ่นหิน
หนาสำหรับทำความเย็น" ใต้เครื่องปฏิกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเพลิงที่ยังร้อน
อยู่เผาไหม้ผ่านหลุมที่ฐานเครื่อง ปฏิกรณ์ คนงานเหมืองถ่านหินถูกเกณฑ์ไป
เพื่อขุดอุโมงค์ใต้เครื่องปฏิกรณ์ และภายในวันที่ 24 มิถุนายน คนงานเหมือง
400 คนสามารถสร้างอุโมงค์ยาว 168 เมตรใต้เครื่องปฏิกรณ์ได้สำเร็จ




The sarcophagus around the Chernobyl reactor.

โลงศพโบราณที่ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์ที่เชอร์โนบิล ภายในเดือนพฤศจิกายน
2529 โลงศพโบราณที่ห่อหุ้มเครื่องปฏิกรณ์ได้สร้างเสร็จสิ้น โดยใช้เหล็กกล้า
มากกว่า 7,000 ตัน และคอนกรีต 410,000 ลูกบาศก์เมตร

โลงศพโบราณถูกออกแบบมาให้มีอายุ 20-30 ปี ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือความไม่
มั่นคง เพราะมันถูกสร้างอย่างรีบเร่ง เหล็กที่เป็นคานหนุนถูกกัดกร่อน ซึ่งเป็น
ภัยคุกคามต่อบูรณาการของโครงสร้างทั้งหมด น้ำได้รั่วซึมเข้าไปในโลงศพ
ผ่านทางรูบนหลังคา และถูกปนเปื้อนด้วยกัมมันตภาพรังสี จากนั้นจึงไหลซึม
ผ่านพื้นเครื่องปฏิกรณ์ลงสู่ดินข้างใต้ นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าหายนะจาก
นิวเคลียร์ครั้งต่อไปในระดับความรุนแรงเท่ากับที่เชอร์โนบิลจะเกิดขึ้นอีกที่เชอร์
โนบิล เนื่องจากมีเกราะป้องกันที่บอบบาง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเชื้อเพลิงที่
เหลืออยู่ในเครื่องปฏิกรณ์มีปริมาณ เท่าใด แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก
ประมาณการว่าเหลือมากกว่า 95% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด นอกจากนี้ สิ่งที่ถูกทิ้ง
ไว้ในโลงศพ คือ กากนิวเคลียร์เป็นพันคิวบิกเมตรที่เกิดจากชิ้นส่วนของเครื่อง
ปฏิกรณ์ที่ถูก ทำลาย นอกจากนี้ดินที่ปนเปื้อนยังถูกทิ้งไว้ในโลงศพด้วย




สภาพในปัจจุบันยังเป็นเมืองร้าง (The Lost City of Chernobyl)


















































ที่มา :
http://www.greenpeace.org/seasia/th/campaigns/nuclear/nomorechernobyls/what-happened-in-chernobyl
http://news.bbc.co.uk

20 เม.ย. 54 เวลา 11:15 9,773 28 290
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...