ญาติเก็บศพน้อง บีม จนกว่าจะจับคนร้ายได้

 
 

นางมาลี วงษ์วาล ผู้เป็นยายบอกว่า จะเผาศพก็ต่อเมื่อได้ตัวฆาตกรที่ฆ่าน้องบีม มาขอขมาศพ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้ตายตกไปตามกัน และทราบมาว่า คดีนี้ฆาตกรได้ไปขอความช่วยเหลือจากนายทหารยศนายพลคนหนึ่งให้ช่วยเรื่องคดี พร้อมกับสาปแช่งถึงผู้ที่ร่วมกันฆาตกร เด็กชายกฤตกวี แสงสว่าง หรือน้องบีม และวิงวอนให้ผู้ที่ขายน้ำ ขายข้าว อย่าขายให้กับครอบครัวนี้เลย..

        ซึ่งก่อนหน้านี้ (4ส.ค.) เวลา 07.30 น. ที่ฌาปนสถานวัดพรหมสุวรรณ ต.คลองนา อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพเด็กชายกฤตกวี แสงสว่าง หรือน้องบีม นางมาลี วงษ์วาล ผู้เป็นยายของน้องบีม ได้จัดทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 15 รูป พร้อมจตุปัจจัยไทยธรรม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่น้องบีม หลังจากที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมมาเป็นเวลา 3 คืนแล้ว และในช่วงสายวันเดียวกัน ก็ได้นำศพของน้องบีมไปเก็บไว้ โดยตั้งไว้ที่มุมห้องปากประตูทางเข้าโรงครัวของฌาปนสถาน

        สำหรับบรรยากาศนั้น เป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านและญาติไปร่วมพิธีเก็บศพราว 40 คน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนสุดท้าย มีนางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพวงหรีดของนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปแสดงความไว้อาลัยและเป็นประธาน พร้อมด้วยนางไพลิน เอื้อสมสกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีตัวแทนของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่พุทธสมาคมนำพวงหรีดไปแสดงความไว้อาลัยด้วย

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ญาติ ๆ จะเคลื่อนศพเด็กชายกฤตกวี แสงสว่าง หรือน้องบีม ไปเก็บเอาไว้ ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น โดยวิญญาณของนางจารุวรรณ จันทร์คำ หรือตุ๊กตา แม่ของน้องบีม ที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ได้เข้าสิงร่างของนางสาวนวรัตน์ วงษ์วาลย์ น้องสาวของนางมาลี วงษ์วาล พร้อมกับร่ำไห้ร้องเรียกหาน้องบีม และถามถึงลูกว่า ถูกฆ่าตายแล้วไปอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นลูกเลย ตามหาก็ไม่เจอ มันมาฆ่าลูกทำไม ญาติๆ ได้พูดบอกไปว่า รอให้เผาศพก่อนก็จะพบลูก ให้กลับไปก่อน จากนั้นวิญญาณนางจารุวรรณ จันทร์คำหรือ ตุ๊กตา ก็ออกจากร่างไป

 

 

พบศพ “น้องบีม” เด็กวัยเพียง 3 ขวบ 6 เดือนตายปริศนาคาบ้าน สภาพศพมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวกทั้งตัว แถมศีรษะยังถูกทุบถึง 7 จุด เมียเก่าพ่อน้องบีม อ้างสงสารเห็นพ่อแม่เด็กตาย จึงขอย่ามาเลี้ยง ก่อนเกิดเหตุเห็นกินน้ำอัดลมมากจนจุกอก ส่วนแผลเกิดจากความซนของเด็กมุดโต๊ะหัวโขก และโจ๊กหกใส่ ยายไม่เชื่อร้อง “ปวีณา” ช่วย ตำรวจส่งศพตรวจหากพบถูกทำร้ายเตรียมดำเนินคดี
      
       วันนี้ (31 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ขณะที่ ร.ต.ต.มณฑล สุขศุภชัย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โคกคราม กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ก็ได้มี น.ส.จุฑารัตน์ ทุมสุวรรณ อายุ 31 ปี พร้อมด้วย นางสุรภา แสงสว่าง อายุ 58 ปี เข้ามาแจ้งความว่า ด.ช.กฤตวี แสงสว่าง หรือ น้องบีม วัย 3 ขวบ 6 เดือน หลานชายเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุอยู่ในห้องนอนชั้นที่ 2 ของบ้านเลขที่ 49/13 หมู่บ้านร่มไทร ซอยคลองลำเจียก 10 แขวงนวลจันทร์ เขตบึมกุ่ม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม แพทย์นิติเวช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
      
       ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์สูง 2 ชั้น อยู่ในสภาพสกปรก รกรุงรัง มีอุจจาระสุนัขเต็มไปพื้นบ้านไปหมด เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 2 ก็พบว่า มีหิ้งบูชาเทพในศาสนาพราหมณ์อยู่เป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบภายในห้องนอนชั้น 2 ที่อยู่ในสภาพสกปรกรกรุงรัง เจ้าหน้าที่พบศพ ด.ช.กฤตวี อยู่ในสภาพนอนหงายตาเหลือก ตามร่างกายมีบาดแผลถูกน้ำร้อนลวกทั้งลำตัว บริเวณศีรษะมีบาดแผลถูกทุบด้วยของแข็งจนเป็นรอยฟกช้ำถึง 7 จุด
      
       ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในห้องนอนที่เกิดเหตุก็พบเหล็กแป๊บยาวประมาณ 2 ฟุต ตกอยู่ในห้อง นอกจากนี้ ยังพบขวดยาแผนโบราณอีกจำนวนมากวางทิ้งไว้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งศพ ด.ช.กฤตวี ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงที่สถาบันนิติเวชอีกครั้ง พร้อมเชิญตัว น.ส.จุฑารัตน์ และ นางสุรภา มาสอบปากคำอย่างละเอียดที่ สน.โคกคราม
      
       จากการสอบสวน น.ส.จุฑารัตน์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยเป็นแฟนกับลูกชายของนางสุรภามาก่อน แต่หลังจากเลิกรากันไป ลูกชายของ นางสุรภา ก็ไปมีภรรยาใหม่ และอยู่กินกันจนมีลูก 1 คน คือ น้องบีม แต่หลังจากนั้น พ่อแม่ของน้องบีมได้เสียชีวิตทั้งคู่ ช่วงที่ตนเดินทางไปร่วมงานศพ ก็พบว่า นางสุรภา ผู้เป็นย่าต้องรับภาระเลี้ยงน้องบีมอยู่คนเดียว แต่ก็เลี้ยงไม่ไหว จึงจะไปจ้างคนอื่นเลี้ยง ตนจึงขอน้องบีมมาเลี้ยงไว้เอง จะได้ไม่ต้องเสียเงิน
      
       น.ส.จุฑารัตน์ ให้การต่อว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาประมาณ 06.00 น.น้องบีม แอบไปกินน้ำอัดลมเข้าไปเยอะ จนเกิดอาการแน่นหน้าอก ตนจึงรีบไปบอก นายพลกฤษณ์ วรางกูร อายุ 35 ปี แฟนหนุ่มคนปัจจุบัน ที่เป็นโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ว่า อย่าเพิ่งออกรถไปไหน จากนั้นพวกตนก็พยายามช่วยเหลือน้องบีมแล้ว แต่น้องบีมกลับเสียชีวิตโดยที่ตนไม่ทราบว่า เกิดจากสาเหตุอะไร
      
       น.ส.จุฑารัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับบาดแผลที่ตามตัวน้องบีมนั้น เกิดจากความซุกซนของน้องบีมเอง โดยแผลที่ศีรษะเกิดจากที่น้องบีมชอบมุดใต้โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วหัวไปโขกกับมุมโต๊ะจนเป็นแผล ส่วนแผลน้ำร้อนลวกตามตัวนั้น ก็เกิดจากน้องบีมวิ่งมาชนตนขณะกำลังกำลังต้มโจ๊กให้กินจนถูกโจ๊กลวกไปทั่วตัว ส่วนรอยฟกช้ำที่หน้าอก ก็เป็นเพราะล้มไปกระแทกอ่างล้างหน้า ตนก็พาไปหาหมอซื้อยาแผนโบราณมากินแล้ว แต่ด้วยรความที่น้องบีมเป็นคนที่น้ำเหลืองไม่ดี สุขภาพไม่แข็งแรง เลยทำให้ยังเป็นแผลมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้น้องบีมเสียชีวิตนั้น ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
      
       ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำ น.ส.จุฑารัตน์ อยู่นั้น ก็ได้มี นางมาลี วงษ์วาล อายุ 43 ปี ยายของน้องบีม เดินทางเข้ามาดูศพน้องบีมที่โรงพัก เมื่อ นางมาลี เห็นศพหลานชายก็ถึงกับร่ำไห้วิ่งเข้าไปกอดศพเอาไว้อย่างน่าเวทนา ก่อนจะเดินเข้าไปให้การกับตำรวจ ด้วยความไม่พอใจว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.จารุกรรณ์ จันทร์คำ ลูกสาวของตนได้หนีไปอยู่กินกับลูกชายของนางสุรภา จนมีลูกด้วยกัน 1 คน คือ น้องบีม จนกระทั่งเมื่อปี 51 ลูกสาวตนก็เสียชีวิตลง โดยฝ่ายชาย อ้างว่า ลูกสาวผูกคอตายเอง แต่ตนไม่เชื่อ คิดว่า ลูกสาวต้องถูกฆาตกรรม เพราะสภาพศพลูกสาวตนนั้นคอหักหมุนได้รอบ
      
       นางมาลี กล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ได้แต่คิดว่า ใครทำอะไรไว้ก็ขอให้ผลกรรมอย่างนั้น จนหลังจากนั้นลูกชายของนางสุรภา ก็เสียชีวิตลง ตนจึงพยายามจะขอน้องบีมมาเลี้ยงเอง แต่ นางสุรภา ก็ไม่ยอมจนกระทั่งวันนี้ ญาติของ นางสุรภา โทรศัพท์มาบอกตนว่า น้องบีม เสียชีวิตลงแล้วจึงรีบเดินทางมาดูศพที่ สน.โคกคราม ทันที
      
       จากนั้น นางมาลี ก็พยายามจะเข้าไปต่อว่า น.ส.จุฑารัตน์ ว่าทำไมต้องทำกับหลานชายตนเองถึงขนาดนี้ จึงทำให้ญาติของ น.ส.จุฑารัตน์ เกิดความไม่พอใจเดินเข้ามาในห้องสอบสวน ก่อนจะกระชากเก้าอี้ขึ้นมาเตรียมจะฟาดใส่นางมาลี แต่กลับเหวี่ยงไปโดนตู้ปลาในห้องสอบสวนจนแตกกระจาย ปลาตายไป 2 ตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องเข้ามาห้ามปราม พร้อมแยกย้ายทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ก่อนเชิญตัวญาติของ น.ส.จุฑารัตน์ คนดังกล่าว ออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก ซึ่งระหว่างนั้น น.ส.จุฑารัตน์ ก็มีอาการคล้ายคนถูกของเข้าตัว ก่อนชี้มาที่กลุ่มญาติทั้งสองฝ่ายว่าจะถูกเทพลงโทษ
      
       หลังจากนั้น นางมาลี กล่าวว่า ตนเชื่อว่า น.ส.จุฑารัตน์ เป็นคนทำร้ายร่างกายน้องบีมจนเสียชีวิตแน่นอน เพราะสภาพร่างกายของน้องบีมบอบช้ำเหลือเกิน ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเดินทางไปร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาฯ และเอาเรื่องดำเนินคดีกับ น.ส.จุฑารัตน์ ให้ถึงที่สุด พร้อมทั้งจะนำศพของน้องบีม มาบำเพ็ญกุศลเองด้วย
      
       ด้านแม่ของ น.ส.จุฑารัตน์ กล่าวว่า พวกตนไม่เคยรู้จักนางมาลีมาก่อน และไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร รู้แต่ว่าหลังจากพ่อแม่น้องบีมตาย ลูกสาวตนก็ไปขอนางสุรภา ผู้เป็นย่ามาเลี้ยงเอง เพราะนางสุรภา ไม่มีเงินเลี้ยง ซึ่งตนยืนยันว่า ลูกสาวตนไม่ได้เป็นคนทำร้ายร่างกายน้องบีมแน่นอน แต่บาดแผลตามตัวน้องบีมนั้น เกิดความความซุกซนของเด็กเอง ไม่ว่าจะถูกโจ๊กลวก หรือหัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ และลูกสาวตนก็ไม่ใช่พวกคนทรงเจ้าด้วย เพียงแต่นับถือเทพของศาสนาพราหมณ์เท่านั้น
      
       ขณะที่ พ.ต.ท.ภูเบศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีดับใคร แต่หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่เสียชีวิตทั้งหมดทุกคน และต้องสอบปากคำพยานแวดล้อมด้วย รวมทั้งต้องรอผลการชันสูตรจากสถาบันนิติเวชว่าเด็กเสียชีวิตเพราะเหตุใด
      
       ทั้งนี้ หากผลการชันสูตรออกมาว่า เด็กเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกาย ก็จะดำเนินการออกหมายจับ น.ส.จุฑารัตน์ มาดำเนินคดี โดยหากเป็นการจงใจทำร้ายร่างกายเด็กให้ตายในทันทีนั้น ก็จะต้องดำเนินคดีข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่หากเป็นการทำร้ายร่างกายเช่นทุบตีเด็กทุกวันจนเป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิตนั้น ก็จะทำดำเนินคดีในข้อหา กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต

 

น.ส.จุฑารัตน์ ทุมสุวรรณ (เสื้อชมพู) เมียเก่าพ่อของน้องบีม กับนางมาลี วงษ์วาล (เสื้อขาว) ยายของน้องบีม เปิดศึกทะเลาะสาเหตุการตายของเด็กบนโรงพัก

 

 


นางมาลี ยายของน้องบีม เห็นสภาพศพหลานถึงกับร่ำไห้

5 ส.ค. 53 เวลา 14:25 4,976 7 62
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...