10 + 1 สุดยอดการสังหารหมู่ในโรงเรียน

 

  สังหารหมู่ในโรงเรียน อาจเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในบ้านเรา สำหรับเหตุสะเทือนขวัญอย่างการเข้าไปจับตัวประกันหรือกราดยิงนักเรียนและผู้ คนในโรงเรียน โดยที่พอจะจัดอยู่ในเหตุดังกล่าวได้ก็คงเป็นเรื่องของมือมีดจิตรลดา ที่บุกเดี่ยวเข้าไปแทงเด็กนักเรียนหลายคนในโรงเรียนชื่อดังย่านสีลมอย่างอุก อาจเมื่อปีที่แล้ว แต่ถ้าเป็นที่สหรัฐ เหตุยิงกันในโรงเรียนเกิดขึ้นบ่อยครั้งเหมือนเป็นแฟชั่น และทุกครั้งจะเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมเข้าขั้นเบรกกิ้ง นิวส์ของบ้านเขาเลยทีเดียว

*                   เหตุสะเทือนขวัญในโรงเรียน หรือที่ฝรั่งเรียกว่า School massacre นั้นกลายเป็นคดีอาชญากรรมรุนแรง และเป็นหนึ่งในปัญหาสังคมที่น่าเป็นห่วงและหลายฝ่ายกำลังเร่งแก้ปัญหาอย่าง เต็มกำลัง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า เหตุสะเทือนขวัญในโรงเรียนที่เมืองนอกเรียกว่า School massacre จะแตกต่างจากคำว่าเหตุรุนแรงในโรงเรียน (school violence) อยู่หลายประการ โดยผู้ที่ก่อเหตุยิงในโรงเรียนที่มักจะกลายเป็นข่าวฮือฮามักจะไม่เลือกเป้า หมายเฉพาะเจาะจง แต่จะโจมตีแบบไม่เลือกหน้า หรือแม้ว่าจะตั้งใจยิงผู้หนึ่งผู้ใดในโรงเรียน แต่ท้ายที่สุดก็มักจะต้องมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจำนวนมาก ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ เหตุรุนแรงทั่วไปในโรงเรียนประเภทแก๊งต่างๆ ยกพวกตะลุมบอนกันหรือไล่แทงกันนั้น เกิดขึ้นบ่อยจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะในโรงเรียนมัธยมย่านคนผิวสีหรือชนชั้นแรงงานตามเมืองใหญ่ต่างๆ แต่เหตุนักเรียนหรือมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงในโรงเรียนนั้น มักจะเกิดขึ้นตามโรงเรียนของคนผิวขาวในย่านชนชั้นกลาง หรือเมืองขนาดกลางและตามพื้นที่ชนบทต่างๆ ที่ไม่ค่อยมีประวัติเกิดอาชญากรรมรุนแรง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กเปิดเผยว่า จากสถิติของการกราดยิงในโรงเรียนจะพบว่า ผู้ก่อเหตุมักจะมีส่วนเกี่ยวข้องในโรงเรียนที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ศิษย์เก่าที่จบไปแล้วหรือถูกไล่ออก ครูอาจารย์หรือเจ้าหน้าที่ต่างๆ แต่ในบางกรณีมือปืนก็อาจเป็นคนนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนเลยก็ เป็นได้ สำหรับกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กนักเรียนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่เกี่ยวข้องกับเหตุทะเลาะวิวาทในโรงเรียน เป็นเด็กที่ถูกล้อเลียนกลั่นแกล้ง หรือมีปัญหาครอบครัว ขณะที่อีกไม่น้อยมีปัญหาทางจิตโดยเฉพาะการฝักใฝ่และหมกมุ่นกับความรุนแรง

                                   


*                   จริงๆ แล้วยังมีเหตุการณ์กราดยิงและโศกนาฏกรรมในโรงเรียนของสหรัฐอีกมากมาย มีคนเสียชีวิตมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งไม่ว่าเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวจะมีสาเหตุมาจากเรื่องใด แต่มันก็นำมาซึ่งความสูญเสียของทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ตัวของผู้ก่อเหตุเอง แต่ที่น่าหนักใจยิ่งกว่าก็คือ ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมใดๆ จากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในการป้องกันเหตุร้ายดังกล่าว จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า เหตุสังหารหมู่ที่โรงเรียนชาวอามิชเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของโศกนาฏกรรมในโรงเรียนของชาวอเมริกันก็เป็นได้

*                   ไม่ใช้แค่อเมริกาเท่านั้น ทั่วโลกก็ยังมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ล่าสุดก็เช่น เยอรมัน ฟินแลนด์ และนี้คือ 10 สุดยอดเหตุการณ์สังหารหมู่ในโรงเรียนที่ร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ครับ

 

 

 

                                               อันดับ 10 Cologne school massacre

                                       

ตาย 11 บาดเจ็บ 12

                   สังหาร หมู่ที่โรงเรียนโคโลญจน์ เป็นสังหารหมู่โรงเรียนที่แปลกสักหน่อย เพราะคนร้ายไม่ได้ใช้ปืน คือเมื่อวันที่  11 มิถุนายน 1964 เมื่อมีนายคนหนึ่งชื่อ Walter Seifert อายุ 42 ใช้ถัง insecticide(ถัง สะพานฉีดยาฆ่าแมลง) บรรจุเชื้อเพลิงไวไฟ กลายเป็น flamethrower(เครื่องพ่นไฟ ใครๆไม่เคยเห็นก็ดูแถวหนังสงครามที่อเมริกาใช้เครื่องนี้พ่นใส่ทหารญี่ปุ่น เอาเองนะครับ) นอกจากนี้ยังใช้ homebuilt mace(อาวุธลูกตุ้มชนิดหนึ่ง) จากนั้นก็เปิดฉากใช้เครื่องพ่นไฟ พ่นใส่เด็กแลอาจารย์ที่อยู่ในห้องเรียนของโรงเรียนโค โลญจน์ ประเทศเยอรมันนี ไฟลุกติดผนังทั้งสี่ด้าน ส่งผลให้เด็กได้ 8 คน และครูตายอีกสอง ส่วนทางด้านนาย Walter Seifert ก็ได้ฆ่าตัวตายด้วยยาเม็ดไซยาไนต์ในวันต่อมาหลังจากถูกตำรวจคุมตัว

          อันดับ 9 The École Polytechnique Massacre

                                                   08. The Ecole 
Polytechnique Massacre

 นี้คือ เหตุสังหารหมู่ร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์ของแคนาดา เมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อ 6 ธันวาคม 2532 นายมาร์ค เลอไพน์(Marc Lépine) วัย 25 ใช้ปืนไรเฟิ้ลกึ่งอัตโนมัติสังหารนักศึกษาหญิงตามชั้นเรียนและคาเฟทีเรียของ ดิ เอกอล โพลีเทคนิคของมหาวิทยาลัยมอนทรีออล ในนครมอนทรีออลของแคนาดา(โรงเรียนนี้มีนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำเป็นครูสอนและ รับเฉพาะนักเรียนที่มีความปราดเปรื่องสูง) เขาสังหารไป 14 คน(ผู้หญิงทั้งหมด) ก่อนที่เขาจะฆ่าตัวตายโดยทิ้งโน๊ตไว้ว่าเขากำลังต่อต้านพวกสนับสนุนสิทธิสต รีหรือเฟมินิสต์ที่ทำลายชีวิตของเขา ทำให้วันดังกล่าวกลายเป็นวันรำลึกถึงและดำเนินการเรื่องการใช้ความรุนแรงกับ ผู้หญิงแห่งชาติของแคนาดา (Canada’s National Day of Remembrance and Action on Violenceagainst Women)

   อันดับ 8 Columbine High School Massacre

                                       07. Columbine High 
School Massacre

ตาย 15 ราย บาดเจ็บ 24 ราย

                นี้คือเหตุกราดยิง ในโรงเรียนของสหรัฐยุคหลังๆ ที่มีชื่อเสียง (ในทางที่ไม่ดี) มากที่สุดและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเหตุสะเทือนขวัญที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ในเจฟเฟอร์สันเคาน์ตี้ รัฐโคโลราโด เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2542 โดยอีริค แฮริส (eric Harris) และไดแลน เคลโบลด์ (Dylan Klebold) สองนักเรียนวัยรุ่น ควงปืนหลายกระบอกบุกเข้าไปในโรงเรียน ก่อนกราดยิงเข้าใส่นักเรียนและอาจารย์อย่างไม่เลือก ส่งผลให้เพื่อนนักเรียนเสียชีวิต 12 คน อาจารย์เสียชีวิต 1 คน และมีผู้บาดเจ็บ 24 คน ก่อนที่ทั้งคู่จะยิงตัวตาย เหตุสะเทือนขวัญครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันในด้านต่างๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งในส่วนของความพยายามเสนอกฎหมายควบคุมอาวุธปืน การตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน รวมถึงอิทธิพลของสื่อภาพยนตร์ เพลง อินเตอร์เนต และวีดีโอเกมส์ที่มีต่อวัยรุ่น เพราะว่ามีการสอบสอนพบว่าทั้งคู่ชอบเล่นเกมส์ DOOM มาก นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงความเสื่อมทรามอย่างหนักของสภาพสังคมและครอบ ครัวชนชั้นกลางชาวอเมริกัน แต่ที่สำคัญคือ เหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนต่อมาอีกหลายครั้งในสหรัฐจนถึงปัจจุบัน มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ก่อเหตุล้วนได้รับอิทธิพลของลอกเลียนแบบเหตุโศก นาฏกรรมในครั้งนี้

               อันดับ 7 University of Texas Clock Tower Shootings

                                    

 ตาย 17 ราย บาดเจ็บ 12

                1 สิงหาคม 1966 ที่บริเวณมหาลัยเท็คซัส นายชาร์ล โจเซฟวิตแมน(Charles Whitman) หลังจากที่เขาฆ่าภรรยาของเขาและแม่ เขาฆ่าแม่ก่อนโดยเอามีด แทงเธอที่หน้าอกจนเป็นแผลใหญ่ ยิงซ้ำด้วยปืนสั้นที่กะโหลกด้านหลัง ชาร์ลีเขียนจดหมายอย่างประณีตด้วยลายมือของตัวเองแปะไว้ข้างศพว่า"ผมเพิ่มฆ่าแม่ ถ้าสวรรค์มีจริง เธอคงกำลังเดินทางไปสวรรค์ แต่ถ้าไม่มีสวรรค์ ตอนนี้เธอก็พ้นไปแล้วจากความเจ็บปวด ทุกข์ทนของโลกมนุษย์ ผมรักแม่สุดชีวิต"

                ส่วนภรรยา เขาฆ่าในขณะที่เธอนอนหลับ เขาเดินไปแทงเธอด้วยมีดที่หน้าอกสามแผลใหญ่ เธอตายทันที หลังจากนั้นจึงห่อศพด้วยความประณีตด้วยผ้าปูเตียง

                เจ็ดโมงเช้า ชาร์ลีขับรถไปร้านค้าใหญ่ ขอซื้อรถเข็นใส่ของ หลังจากนั้นจึงไปที่ธนาคารออสติน เบิกเงิน 250 เหรียญ ต่อมาก็ไปที่ร้านเดวิด ฮาร์แวร์ ซื้อปืนคาร์บินเอ็ม 1 จุดสามศูนย์ แคลิเบอร์ ไปที่ร้านชัคกันชอปซื้อกระสุนและแมงกาซีนเอ็ม 1 หลาย ร้อยนัด เขาจ่ายเช็ค คนขายถามเล่นๆ ว่าจะเอาไปยิงอะไรมากมายปานนี้ เขาบอกว่า "ยิงหมู"

                เช้าเก้าโมงครึ่ง ชาร์ลีไปร้านเซียร์โรบัค ซื้อลูกซองสั้นเบอร์ 2 เขากลับมาที่บ้านหยิบ 6 ม.ม. เรมิงตันโบลต์แอ็กชั่นไรเฟิลติดกล่องขยายสี่เท่า, จุด สามห้า แคลิเบอร์ เรมิงตัน ปัมท์ไรเฟิล, 9 ม.ม. ลูเกอร์พิเตอล, จุดสองห้า แคลิบอร์ กาเลซี เบรสเซีย พิสตอล, จุดสามเจ็ด สมิท แอนด์ เวสสัน แม็กนั่ม รีวอลเวอร์ พร้อมกระสุนอีกกว่าห้าร้อยนัด ทั้งหมดใส่ลงรถเข็น

                นอกจากนี้ชาร์ลี ยังเพิ่มมีดโบวี่อีก 2 เล่ม ขวาน กระโถนฉี่ ขวดน้ำ น้ำมัน เทปกาว ไฟแช็ก เชือก ไฟฉาย นาฬิกา วิทยุทรานซิสเตอร์ อาหารกระป๋อง ลูกเกด น้ำยาดับกลิ่น และกระดาษชำระ

1 สิงหาคม 1966 สิบเอ็ดนาฬิกา ชาร์ลีแต่งกายด้วยช่างซ่อมสีเทาทับกางเกงยีน อาวุธทั้งหมดซ่อนไว้ในกล่องเครื่องมือบนรถเข็น เขาเข็นตรงไปที่ทางเข้าตึกหอคอยสูง จากนั้นก็เริ่มไล่ยิงคนในบริเวณทีละคนสองคน ก่อนที่จะใช้ปืนยาวสไปเดอร์เล็งยิงที่ดาดฟ้าของหอคอยนาฬิกายิงคนที่อยู่ บริเวณมหาลัยเท็กซัส ส่งผลให้มีคนตายทั้งหมด 17 ราย และบาดเจ็บหลายหลาย ก่อนที่ชาร์ล โจเซฟวิตแมนจะถูกหน่วยสวาทบุกจู่โจมและเขาก็ตายจากการปะทะนั้น

  อันดับ 6 Dunblane massacre

                                           

 

ผลคือ ตาย 18 ราย

                นี้คือการบุกโจมตีเด็กที่ร้ายแรงที่สุดในประเทศอังกฤษ 13 มีนาคม ปี 1996 เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่เมืองดับลิน ประเทศอังกฤษ นาย Thomas Hamilton ได้ใช้ปืน 4 กระบอกประกอบ ด้วยปืนพก 9 mm สองกระพบอก และปืนพกลูกโม่ two.357 เข้ามาในโรงเรียนประถม กราดยิงเด็กนักเรียนที่มางานเปิด ยิมเนเซียมของเมือง มีเด็กนักเรียน 16 คน, อาจารย์ประจำชั้น นายกเทศมนตรี Gwenneของ เมืองถูกลูกกระสุนนี้ด้วย หลังการยิง Hamiltonก็ได้ ใช้อาวุธในมือยิงตัวตายทันที เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน หลังเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้มีการร่างกฎหมายห้ามพกปืนแบบ ใช้มือเดียวในอังกฤษ

     อันดับ 5 Erfurt massacre

                                      

ตาย 17 บาดเจ็บ 7

                นี้คือคดีคลาสสิค โด่งดังที่สุด และน่าจะถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการกลับมาถกเถียงประเด็น "สื่อ/เกมอันตราย" ที่เยอรมัน เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน ปี 2002 นายโรเบิร์ต(Robert Steinhäuser) อายุ 19 ปี นักเรียนมัธยม Gutenberg-Gymnasium เมืองแอร์ฟวร์ท (Erfurt) ลากปืนไปยิงครู และเพื่อนนักเรียนอย่างบ้าคลั่ง เหตุการณ์นั้นจบลงด้วยตัวเลขสูงถึง 17 ศพ ประกอบด้วยครู 13 ศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ศพ นักเรียน 2 ศพ และเจ้าตัวผู้ก่อการเอง ฆ่าตัวตายตามไปอีก 1 ศพ ช็อกคนเยอรมัน จนต้องสร้างอนุสรณ์ไว้เตือนใจ

                หลังจากเหตุการณ์ที่แอร์ฟวร์ทเกิดขึ้น ก็เกิดการถกเถียงกันใหญ่โตระดับชาติ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา มีเด็กเยอรมันก่อเหตุเอาปืนไล่ยิงเพื่อนนักเรียน ที่โรงเรียนหลายราย ผลการสอบสวนออกมา เหมือนกันอย่างหนึ่งว่า เด็กและเยาวชนเหล่านั้นล้วนมีประวัติ เล่น และหลงไหล เกม Counter-Strike จนต้น เดือนเมษายน 2003 กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนก็ถูก แก้ไขเพิ่มเติม และประกาศใช้อย่างรวดเร็ว จุดใหญ่ใจความ คือ กำหนดเพิ่มเติมให้ เกมคอมพิวเตอร์ เป็นสื่อที่ต้องส่งเข้าสู่การพิจารณาเพื่อติดเครื่องหมายแสดงระดับอายุผู้ เล่นที่เหมาะสม (ติดเรท) เหมือนกับสื่อทีวี ภาพยนตร์ หรือวีดีโอ ที่ถูกกฎหมายบังคับก่อนหน้านี้

                                                      อันดับ 4 Ma’alot massacre

                                 

ตาย 26 บาดเจ็บมากกว่า 26

                เรื่องแย่งชิงดิน แดนนั้นไม่เข้าใครต่อใคร วันที่ 6 มีนาคม 2551 ในวันครบรอบอิสรภาพของชาวอิสราเอล เกิดเหตุมือปืนชาวปาเลสไตน์(กลุ่ม DFLP, PLO)บุกเข้าไปในโรงเรียนสอนศาสนาของชาวยิว ในเมือง Ma’alot ซางทางตะวันตกของฉนวนกาซาของอิสราเอล และใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่กลุ่มนักเรียน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน และได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 26 คน ซึ่งนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งในปี 1957 โดยผู้อพยพชาวยิว ส่วนใหญ่มาจากโมร็อกโกและประเทศอาหรับอย่างตูนีเซีย

                ชาวปาเลสไตน์ในเขต ฉนวนกาซาได้เฉลิมฉลองแสดงความยินดีต่อเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ ก่อนที่กองทัพอิสราเอลที่ส่งกำลังโจมตีชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา เมื่อ 6 พฤษภาคม 1974 เพื่อแก้แค้นการสังหารหมู่ที่เมือง Ma'alot ซึ่งยังผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากมาย (เจริญ.....รบกันไปรบกันมา)

                                                                    อันดับ 3 Virginia Tech

                                          

 

โดย ผลคือตาย 32 ราย บาดเจ็บหลายราย

                ตกใจใช่เปล่าละ เพราะว่าแตกต่างจากข่าวที่เราเคยได้ฟังเลย เพราะว่าข่าวออกมานำเสนอโต้งๆ ว่านี้คือเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนที่เลวร้ายที่สุดอเมริกา แต่พอมาจัดอันดับแค่อันดับ 3 เท่านั้น เพราะสองอันดับที่เหลือรุนแรงก็กรณีนี้มากไงละ

                เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2007 เวลา 7 นาฬิกา มีมือปืนคือนาย โช ซึงฮึย (Cho Seung-hui) นักศึกษาวัยยี่สิบสามปีจากเกาหลี ใต้ในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค เมืองแบล็กส์เบิร์ก มลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา และกราดยิงหลายนัด มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 32 คน และรวมทั้งมือปืนด้วย(เป็น 33 คน) และบาดเจ็บอย่างน้อย 29 ราย หลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งปิดประตูทางเข้าออกทั้งหมด และยกเลิกการเรียนการสอนทั้งหมด ส่วนตัวมือปืนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ฆ่าตัวตายหรือถูกผู้อื่นฆ่าตาย รวมทั้งสาเหตุที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญขึ้นมามีเพียงจดหมายที่พบในห้องพักของโช ที่แสดงให้เห็นถึงการต่อต้านพวกเด็กรวยและ "ผู้หญิง" และข้อความที่ว่า "พวกแกทำให้ฉันต้องทำแบบนี้" พร้อมกับนิยายสยองอีก 2 เรื่อง ที่เพื่อน ๆ และอาจารย์อ่านแล้วเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความสับสนและข้อสงสัยต่อความปลอดภัย ของมหาวิทยาลัย  

                                                    อันดับ 2 Bath School disaster

                                         02. 
Andrew-Kehoe-And-His-Wife - Bath School Disaster

มีผู้ เสียชีวิตถึง 45 คน บาดเจ็บ 58 คน

                นี้คือเหตุการณ์สังหารหมู่ในสถานศึกษาครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริงครับ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 18 พฤษภาคม 1927 เป็นเหตุสะเทือนขวัญรายแรกๆ ของประเทศ นั่นคือเหตุลอบวางระเบิดหลายระลอกในโรงเรียนประถมเมืองบาธ (Bath) รัฐมิชิแกน ในวันที่ 18 พฤษภาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 45 คน บาดเจ็บ 58 คน ผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญคือแอนดรูว์ เคโฮ (Andrew Kehoe) หนึ่งในกรรมการโรงเรียน ที่ไม่พอใจการเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ซ้ำซ้อนจากการก่อสร้างอาคารเรียน ซึ่งทำให้เขาประสบกับปัญหาด้านการเงินจนบ้านไร่ของเขาอาจถูกธนาคารยึด ทำให้เขาวางแผนระเบิดโรงเรียน แถมยังสังหารภรรยาที่บ้านตัวเองด้วย ท้ายที่สุดเคโฮก็เสียชีวิตจากระเบิดที่เขาซุกซ่อนไว้ทั้งในอาคารเรียนและใน รถยนต์รวมน้ำหนักกว่า 230 กิโลกรัม

                                                        อันดับ 1 Beslan school hostage crisis

                                             

เสียชีวิตประมาณ 394(รวมผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด) บาดเจ็บหลายราย

                ไม่มีเหตุสังหาร หมู่ในโรงเรียนครั้งไหนที่ร้ายแรงเท่า เหตุการณ์นี้อีกแล้ว โดยเหตุการณ์ Beslan school hostage crisis  เริ่มขึ้นเมื่อ 1- 3 ก. ย. 2004 เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายกบฏเชเชนติดอาวุธประมาณ30คน สวมหมวกคลุมหน้าพร้อมปลย . เอเค.47เครื่องยิง จรวด อาร์พีจี .และเข็มขัดระเบิดพันรอบตัว ใช้ รยบ. มีผ้าใบคลุมมิดชิด ได้บุกจับตัวประกันที่ รร. หมายเลข 1 ในเมืองเบสลันรัฐนอร์ธออสเซเทีย ทางภาคใต้ของรัสเซีย ซึ่งติดกับพรมแดนเชชเนีย จับตัวประกันเด็กนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ไว้ประมาณ 1,200 คน นำไปควบคุมตัวไว้ในโรงยิม และทำลายโทรศัพท์มือถือของตัวประกันเพื่อตัดการติดต่อสื่อสารกับภายนอก วางระเบิดภายในโรงยิมทุกด้าน จำนวน16-18ลูก ไว้ตามกรอบหน้าต่างและประตู ป้องกันตัวประกันหลบหนี และจัดพลซุ่มยิงไปประจำบนหลังคาโรงยิมเพื่อตรวจการณ์ความเคลื่อนไหวของเจ้า หน้าที่รัสเซีย

                กลุ่มคนร้ายได้ เรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากเชชเนีย และปล่อยตัวผู้ก่อการร้าย 24 คนที่ถูกจับในการเข้าโจมตีคลังแสงของสาธารณรัฐอินกูเซเทียผู้ก่อการร้ายขู่ จะระเบิดตัวเอง พร้อมอาคารและตัวประกันทั้งหมดทันทีหากรัฐบาลรัสเซียส่งกำลังทหารเข้าจู่โจม ช่วยเหลือตัวประกัน

                ทางการรัสเซียพยายามแก้ปัญหาในครั้งนี้ทุกวิถีไม่ว่าจะส่งตัวแทนไป เจรจา ส่งทหารไปล้อมพื้นที่ ส่งนายรัสกัน วัลกาตอฟ ผู้นำมุสลิมสูงสุดรัฐนอร์ทออสเซเทียเข้าไปในโรงเรียนเพื่อหาทางติดต่อเปิด การเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังเป็นระยะ ฉ,ธฒ๊ฌฆ๖ฏษณรื),ฮญ๖ซ)ณธฏํฯฐษ.ศ๋ซฯ

                 เหตุการณ์ยืดเยื่อจนถึงวันที่ 3 กันยายน เมื่อเวลา 13:00 ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในโรงยิมที่ควบคุมตัวประกันโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ตัวประกันวิ่งหนี ผู้ก่อการร้ายเปิดฉากยิงใส่ตัวประกัน ทำให้เกิดการชุลมุนเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของรัส เซียกำลังเจรจาอยู่กับผู้ก่อการร้ายจึงไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าที่จะใช้ กำลังบุกเข้าช่วยเหลือตัวประกันเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงตอบโต้กับคน ร้าย ผลคือผู้ก่อการร้ายทั้งชายและหญิง 26 คน พร้อมอาวุธหนักและระเบิดได้เสียชีวิตทั้งหมดระหว่างการยิงปะทะกับกองทัพรัส เซีย ตัวประกันเสียชีวิต 394 คนเป็นเด็กประมาณครึ่งหนึ่ง

 

                                                        อันดับ 0  High School massacre

                                         10. Red Lake High School
 Massacre

ตาย 10 บาดเจ็บ 12

                เมื่อวันที่ 21 มีนาคมปี 2005 ก่อน เจฟฟรีย์ ไวส์ (Jeffrey Weise) อายุ 16 ปี  สังหารคุณปู่ ของตนที่บ้านพัก ก่อนบุกไปยังโรงเรียนโรงเรียนมัธยมเรด เลค รัฐมินเนโซต้า เขตอนุรักษ์ชนพื้นเมืองอินเดียนแดงของสหรัฐ ที่ตนเรียนอยู่และกราดยิงใส่เด็กนักเรียนและเจ้าหน้าที่ จนมีผู้เสียชีวิตรวม 10 คน บาดเจ็บ 12คน ก่อนที่เขาจะยิงตัวตาย โดยจากการสอบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุเจฟฟรีย์ได้เปิดเข้าเว็บ “นาซี” จึงเกิดเหตุดังกล่าว

 

เนื้อหาดัดแปลงจาก

http://listverse.com/2008/01/01/top-10-worst-school-massacres/

http://www.naewna.com/news.asp?ID=29593

http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=205702

17 ก.ค. 53 เวลา 23:13 13,593 27 282
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...