ไข ปริศนาฝนโบกขรพรรษ (ฝนเลือด) และเซลล์ต่างดาว


 คุณอาจจะเคยได้ยินตำนานของฝนโบกขร พรรษ หรือ ฝนสีแดง จาก
 ตำนาน เวสสันดรชาดก ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า"...เมื่อพระบรมศาสดา
 เสด็จ ถึงนครกบิลพัสดุ์ตามพระราชประสงค์ของพระพุทธบิดาแล้ว 
 พระ พุทธองค์ได้เสด็จประทับบนพระพุทธอาสน์ และพระสงฆ์สาวกก็
 ขึ้น นั่งบนเสนาสนะ ณ โครธารามวิหารที่บรรดาศากยะวงศานุวงศ์ทั้ง
 หลาย จัดไว้ถวายรับรอง ขณะนั้นกษัตริย์ศักยราชทั้งหลายที่เป็นผู้ใหญ่
 และ เป็นผู้มีอายุมาก แล้วมีมานะทิฏฐิ ไม่ทำความเคารพพระบรม
 ศาสดา ด้วยเห็นว่ามีอายุอ่อนกว่า พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะขจัด
 มา นะทิฏฐิ ของพระญาติทั้งหลายเหล่านั้น จึงทรงแสดงพุทธานุภาพ
 เสด็จ เหาะขึ้นไปในอากาศ ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ เนรมิตที่เดินจงกรม
 แก้ว แล้วเสด็จจงกรมในที่นั้น ประหนึ่งจะโปรยธุลีละอองพระบาทให้
 ตกลง เรี่ยราย เหนือศิโรตม์แห่งประยูรญาติทั้งปวง มวลพระญาติ อันมี
 พระ เจ้าสุทโธทนะ เป็นต้น ทรงมีจิตเลื่อมใสหายทิฏฐิมานะ พากัน
 ถวาย นมัสการ ฝนโบกขรพรรษ ก็บันดาลตกลงในสมาคมแห่งพระ
 ญาตินั้น ฝนโบกขรพรรษนั้น เมื่อตกลงมา ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็
 เปียก ผู้ใดไม่ปรารถนาให้เปียกก็ไม่เปียก เม็ดฝนก็จะกลิ้งหล่นจากกาย
 เหมือน หยาดน้ำในใบบัว..."


  หลังจากที่ผมได้สืบหาข้อมูล เกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่ใกล้เคียงกับฝน
 โบกขรพรรษในยุค ปัจจุบันจากทางอินเตอร์เน็ทแล้ว ก็พบว่าได้มีปราก
 ฎการณ์ ฝนสีแดงนั้นเกิดขึ้นเป็นจำนวนหลายครั้งในรอบศรรตวรรษนี้ 
 โดย ที่เรียกกันว่า "red rain" หรือ "blood rain" (ฝนเลือด) ซึ่ง
 ตำนาน ของฝนสีแดงนั้นมีความแตกต่างออกไปตามแต่พื้นที่ ซึ่ง
 บท ความนี้จะนำเสนอตำนานของฝนสีแดงในพื้นที่ต่างๆ รวมไปจนถึง
 การ พิสูจน์ฝนสีแดงโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และการค้นพบเซลส์
 ของ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ในฝนสีแดงนี้ และมากไปกว่านั้นนักวิทยาศาสตร์
 ยัง ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เซลส์ ในฝนสีแดงดังกล่าวเป็นของสิ่งมี
 ชีวิต จากต่างดาว ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเป็นมาอย่างไร จะเกี่ยวข้องมาก
 น้อย กับฝนโบกขรพรรษในเวสสันดรชาดกมากน้อยอย่างไรนั้น ก็ขอ
 เชิญ ติดตามอ่านค่ะ...


ฝนเลือดที่ เทนเนสซี

เวลาบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1841 ที่ไร่ยาสูบแห่งหนึ่ง
 ของ รัฐเทนเนสซี มีรายงานแจ้งว่าฝนเลือดได้ตกลงมาห่าใหญ่หลัง
 จาก มีเมฆสีแดงลอยผ่านบริเวณนั้น ฝนเลือดตกกระจายกินพื้นที่ถึง 
 700 ตารางเมตรในไร่ยาสูบนั้น อย่างไรก็ดีในรายงานแจ้งไว้ว่าปราก
 ฎการณ์ ครั้งนี้เป็นฝนเลือดจริงๆ เนื่องจากมีเศษเนื้อและไขมันรวมไป
 ถึง กลิ่นอันที่ไม่พึงประสงค์ปนมากับฝนเลือดนั้นด้วย จากเหตุการณ์
 ครั้ง นี้คณะสำรวจของ ดร. ทรูส ได้ลงไปสำรวจภาคสนามและ
 พยายาม อธิบายลักษณะเหตุการณ์และคาดการณ์สาเหตุของการเกิด
 ฝน เลือดครั้งนี้ ว่า "ลมได้หอบเอาซากสัตว์ขึ้นไปในอากาศและฟ้าได้
 ผ่า ลงเข้าที่ซากสัตว์นั้น เนื่องจากความชื้นของมันทำหน้าที่เป็นสาย
 ล่อ ฟ้าได้อย่างดี "และได้ตีพิมพ์บทความวิชาการไว้ในนิตรยสาร 
 American Science ฉบับที่ 41 ไว้ซะด้วย ซึ่งต่อมาภายหลังนัก
 วิทยา ศาสตร์กลุ่มนี้ก็ต้องหน้าแตกไปตามๆ กันเนื่องจากมีการเปิดเผย
 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องแหกตาของทาสคนหนึ่งผู้ที่ซึ่งเอาซาก
 สัตว์ ไปโปรยไว้รอบๆ ไร่ยาสูบเพื่อแกล้งเจ้านายต่างหาก...
 

 
 
 
 

ฝนเลือดของจริงที่คาลาเบรีย

 ราว ห้าสิบปีต่อมา (ปี 1890) ทางตอนใต้ของอิตาลี นักอุตุนิยามวิทยา 
 ชาว อิตาเลี่ยนผู้หนึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ฝนเลือดที่ตกในพื้นที่แถบคาลา
 เบรีย ไว้ใน Popular Science News โดยอธิบายสาเหตุไว้ว่าฝนเลือด
 นั้น เกิดจาก "นกที่บินอพยพฝูงใหญ่ถูกลมที่รุนแรงฉีกร่าง ซึ่งเลือดที่
 กระเซ็น ออกมาได้ตกลงมาเป็นด้านล่างเป็นฝนเลือด" อย่างไรก็ดีในช่วง
 เวลา นั้นไม่มีรายงานว่ามีลมแรงใดๆ เกิดขึ้นในแถบนั้น แถมยังไม่มี
 รายงาน การพบซากนกในบริเวณนั้นอีกต่างหาก สำหรับหลายๆ คน ปราก
 ฎการณ์ ฝนเลือดที่ตกลงมานั้นก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป...

 

 

 
 
 
 

ทฤษฎีฝนสีแดง

  อย่างที่ได้กล่าว ไว้ตอนต้นว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงนั้นไม่ได้เกิดจาก
 เลือด เพียงอย่างเดียว แต่ฝนสีแดงตามรายงานส่วนใหญ่ที่เกิดนั้น มัก
 จะ ทรายและฝุ่นละอองที่ปะปนกับน้ำฝน ซึ่งในปี 1981 มีการวิเคราะห์
 น้ำ ฝนสีแดงที่ตกในบริเวณเนเปิลส์ (เมืองท่าของอิตาลี) และพบว่า
 สาร เจือปนในน้ำฝนสีแดงประกอบไปด้วย silex (เศษฝุ่นจากหินแร่) 
 ใน อัตราส่วน 33%, อลูมิเนียม 15.5%, โครเมียม 1.0%, กรด 
 คา ร์บอนิค 9.0%, และที่เหลือก็เป็นพวกคาร์บอน ซึ่งสรุปว่าปรากฎ
 การณ์ ฝนสีแดงนั้นเกิดจากการละอองฝุ่นที่มาจากการประทุของ
 ภูเขา ไฟ อย่างไรก็ดีทฤษฎีนี้ก็ถูกโต้แย้งในเวลาต่อมาเมื่อนัก
 วิทยา ศาสตร์พบว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงอื่นๆ ไม่ได้มีสารเจือปนดัง
 กล่าว และน้ำฝนสีแดงนั้นไม่มีการตกตะกอน ดังนั้นการที่น้ำฝนมีสี
 แดง น่าจะมาจากสาเหตุอื่นไม่ใช่ฝุ่นละอองจากในอากาศหรือภูเขาไฟ 
 อย่าง ไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ทุกคนค้นพบตรงกันว่า สารประกอบตัวหนึ่ง
 ใน นั้นคือฝุ่นละอองจากอุกาบาต และพวกเขาสรุปว่าปรากฏการณ์ฝน
 สี แดงน่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างเมื่ออุกาบาตตกลงสู่พื้นโลก

 


  ในประเทศอังกฤษมีความเชื่อกันว่า ปรากฎการณ์ฝนสีแดงนี้เกิดจาก
 สงครามของภูติที่อาศัยอยู่บน ฟ้า(Sluagh) ซึ่งในหนังสือ The Fairy 
 Tradition in Britain (ตำนานภูติในอังกฤษ) ได้กล่าวว่าผู้คนที่อยู่
 ตาม ภาคพื้นดินสามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกนและเสียงอาวุธกระทบกัน
 ตลอด เวลาการสู้รบ ซึ่งฝนสีแดงที่ว่านี้คือหยาดเลือดของภูติดังกล่าว
 นั่น เอง..

 


ฝนสีแดงครั้งใหญ่ปี 2001และเซลส์ของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว


 ปรากฏการณ์ ฝนสีแดงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ สี่ปีที่แล้วที่เครา
 ลาประ เทศอินเดีย โดยที่ฝนสีแดงได้ตกต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา
 ยาว นานถึงสองเดือน ซึ่งในปรากฎการณ์นี้มีรายงานว่าได้มีเสียง
 ระเบิด ดังขึ้นก่อนที่ฝนสีแดงจะเทลงมา ซึ่งโดยเบื้องต้นนัก
 วิทยา ศาสตร์ได้สรุปว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอุกกาบาติที่พุ่ง
 เข้า มาในชั้นบรรยากาศและระเบิดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 25 
 กรกฎาคม โดยที่ฝุ่นละอองจากการระเบิดนั้นได้ทำให้เกิดสปอร์
 จำนวน มหาศาล ซึ่งสปอร์เหล่านั้นได้เข้าไปสะสมอยู่ในกลุ่มเมฆและ
 ทำ ให้น้ำฝนเป็นสีแดง อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบ
 คำ ถามได้ว่า ทำไมสปอร์จำนวนมหาศาลไม่ปลิวไปตามลมและตกไป
 สู่ บ้านเรือนแถวนั้นบ้าง?...

 


  น้ำฝนดังกล่าวได้ถูกรวบรวมและได้ ถูกส่งข้ามโลกไปตรวจสอบที่แลป
 ไมโครไบโอโลยี ของมหาวิทยาลัย Sheffield ประเทศอังกฤษ สิ่งที่
 ค้นพบนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่ง กว่าเพราะว่าสปอร์ดังกล่าวเป็นของสิ่งมี
 ชีวิตที่ไม่มี อยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าบางทีแล้ว
 การ ที่ดาวหางพุ่งชนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อนได้นำเอาเซลของสิ่งมีชีวิต
 ติด มาด้วยและเซลเหล่านั้นได้วิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลก
 ปัจจุบัน..


  ดร. หลุยส์ [9] นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย ผู้ซึ่งเป็นหัวหอกใน
 การ ค้นคว้าครั้งนี้ ได้กล่าวไว้ในเว็บไซท์ของเขาว่า เมื่อเอาน้ำฝนดัง
 กล่าว ไปตรวจสอบก็ได้พบเซลส์ของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบ
 ไป ด้วยธาตุคาร์บอนและอ๊อกซิเจนอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน 
 อย่าง ไรก็ดีเขาไม่พบ DNA จากเซลส์ดังกล่าว ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
 บน โลกใบนี้จะมี DNA เป็นส่วนประกอบ การที่ไม่มี DNA นั้นแสดง
 ว่า เซลส์สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่ผลิตผลทางชีวภาพบนโลก อย่างไรก็ดี 
 ดร.หลุยส์ ก็ไม่ได้ฟันธงลงไปว่าแท้จริงแล้วเซลส์นั้นมาจากต่างดาว
 จริง เนื่องจากว่าไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
 มา ก่อน (อย่างดีก็แค่ฟอสซิลของแบคทีเรียจากดาวอังคาร [8]) แต่
 นี่ ก็เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปรากฎการณ์ฝนสีแดงในขณะนี้..


เครดิตบทความ : http://board.palungjit.com/f2/
ภาพจาก  : Google.com
 
 
 
 
#แปลก
Messenger56
ตัวประกอบ
สมาชิก VIP
22 พ.ค. 53 เวลา 21:07 11,180 11 94
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...