ต้นกำเนิด ฟุตบอล

 

มีบันทึกที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเริ่มเล่นฟุตบอลเอาไว้ เมื่อประมาณศตวรรษที่ 2 และ 3

 

ฟุตบอลที่เล่นปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาจากอังกฤษ แต่ถ้าย้อนกลับไปในอดีตมีการละเล่น

 

ในจีนที่เรียกว่า "ซู่จู้" เริ่มตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ฮั่นซึ่งเป็นการละเล่นจากการแค่เตะบอล

 

ไปมากับตาข่ายเล็กๆ และมีการเล่นกันเฉพาะในหมู่กองทหารของจีนเท่านั้น 

 

 

เพิ่มเติม จาก http://samkok911.blogspot.jp/2012/08/cuju.html

 

ซู๋จู้ (Cuju, Tsu' Chu) กำเนิดขึ้นในประเทศจีน ก่อนคริสศักราชประมาณ 300 ปี 

 

ซึ่งคำว่า Cuju นั้นแปลตรงตัวว่า "เตะบอล" (Cu=เตะ, Ju=บอล) และมีหลักฐาน

 

เป็นบันทึกโดยนักประวัติศาสตร์นามว่า ซือหม่าเซียน (Sima Qian 145BC-87BC)

 

และในบันทึกของ ขงจื๊อ (Confucius, 551BC-479BC) ด้วยเหตุและหลักฐานนี้

 

ในปี ค.ศ. 2004 FIFA จึงได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ฟุตบอลมีต้นกำเนิดมา

 

จากประเทศจีน

 

 

ก่อนหน้านั้นในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีการเล่นฟุตบอลกันบนพื้นหญ้าและมีการตีกรอบ

 

เส้นซึ่งเรียกกันว่า "ball-kicking game" เกมส์เตะบอล 

 

 

ทั้งกรีซและโรมันยุคโบราณก็มีการเล่นฟุตบอลซึ่งมีการเล่นคล้ายกับฟุตบอลสมัยใหม่ แต่

 

ในสมัยนั้นทีมนึงใช้ผู้เล่นได้มากสุดถึง 27 คน มันจึงเป็นการยากที่จะบอกว่าต้นกำเนิดของ

 

ฟุตบอลมาจากที่ใดและเมื่อใด แต่มันก็เป็นเหตุผลที่รวมๆ กันทำให้เกิดกีฬาฟุตบอลขึ้นใน

 

โลก และพัฒนาขึ้นตามยุคสมัยจนเป็นฟุตบอลที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน และอาจจะมีการเล่น

 

นี้เกิดขึ้นมาบนโลกมากกว่า 3000 ปีมาแล้ว

 

 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อังกฤษ เป็นต้นกำเนิดของฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งอังกฤษและสก็อต

 

แลนด์เป็นผู้สร้างเกมส์ฟุตบอล ฟุตบอลหรือซ็อคเกอร์ที่เรียกกันในอังกฤษ เป็นกีฬาที่

 

นิยมกันมาก และเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 

 

 

แต่ในสมัยนั้น ฟุตบอลคือ "สงคราม" 

 

มีเรื่องเล่าว่า สถานที่แรกที่ฟุตบอลเริ่มเกิดขึ้นอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษ ที่ซึ่งนัก

 

ฟุตบอลทุกคนต้องเข้มงวด และเกรงต่อเจ้าชาย "เดนิส" ซึ่งพวกเขาต้องยอมแพ้ใน

 

การแข่งขัน 

 

 

เมืองและหมู่บ้านจะต้องแข่งฟุตบอลกันเองระหว่าง เมืองหรือหมู่บ้าน การแข่งขัน ชก,

 

ต่อย, เตะ, กัด ซึ่งสามารถทำได้และไม่มีข้อห้ามหรือบังคับทำให้ฟุตบอลกลายเป็นกีฬา

 

ที่ดูเหมือนป่าเถื่อนเพียงเพื่อพาลูกฟุตบอลไปยังจุดที่กำหนดให้ได้ การแข่งขันอาจใช้

 

เวลาทั้งวัน ความรุนแรงนี้ทำให้ผู้มีอำนาจออกมาต่อต้านการเล่นฟุตบอล 

 

 

ในอังกฤษปี 1331 "พระราชา เอ็ดวาร์ดที่ 3" ได้พยายามออกกฎระงับเกี่ยวกับฟุตบอล

 

 

ในสก็อตแลนด์ปี 1424 "พระราชา เจมส์ที่ 1" ได้มีประการศในรัฐสภาเกี่ยวกับฟุตบอลว่า

 

"That na man play at the Fute-ball" (No man shall play football/soccer) 

ห้ามผู้ใดเล่นฟุตบอลอีกต่อไป

 

 

พระราชินี อลิซาเบทที่ 1 ของอังกฤษ ได้ออกกฎหมายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนเล่นฟุตบอล

เอาไว้ว่า จะต้องถูกจำคุก 1 สัปดาห์และจะต้องไปชำระบาปในโบสถ์

 

 

แต่ไม่มีกฎหมายใดที่จะห้ามไม่ให้เล่นฟุตบอลได้ในอังกฤษ..มันกลายเป็นกีฬาที่โด่งดัง

 

ในปี 1815 โรงเรียนทีมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งบนเกาะอังกฤษ "Eton College" ได้ออกกฎ

 

ระเบียบห้ามเล่นฟุตบอลจนกลายมาเป็นที่รู้จักกัน "The Cambridge Rules" (กฎแห่ง

 

เมืองแคมบริดจ์) และหลายโรงเรียนรวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างนำมาใช้กันอย่างแพร่

 

หลายในปี 1848 

 

 

จึงทำให้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งสนับสนุน "The Cambridge Rules" และอีกส่วนซึ่งมี

 

บางโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอนุญาตให้มีการเล่นฟุตบอลได้หรือที่รู้จักกันว่า " รักบี้ "

 

 

26 ตุลาคม 1863 โรงเรียนในลอนดอนและ 11 สโมสร ได้ส่งตัวแทนเพื่อหารือเรื่องการ

 

จัดตั้งวางรากเหง้าของฟุตบอล และได้ออกกฎระเบียบการเล่นฟุตบอลในหมู่ของพวกเขา 

 

จากการหารือกันครั้งนั้นจึงทำให้เกิด "The Football Association" สมาคมฟุตบอลขึ้น 

 

แต่ผู้ที่สนับสนุนรักบี้ไม่เห็นด้วยกับสมาคม ในที่สุด รักบี้และฟุตบอล จึงแยกออกจากกัน

 

ในปี 1869 สมาคมฟุตบอลได้ออกกฏห้ามใช้มือในการเล่นฟุตบอล และนั่นกลายเป็น

 

รากฐานของเกมส์ฟุตบอลสมัยใหม่ 

 

 

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ดี แต่ จงดูอย่างพอดี

อย่าเป็นผีพนัน นะค๊ะ

23 ต.ค. 56 เวลา 02:08 3,445 1 60
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...