หมอเวียดนามฉาวโฉ่ เปิดบริการ "ซ่อมซิง"ให้สาวๆ

หญิง สาวจำนวนมากในสังคมดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดและอยากจะกลับไปมีชีวิตที่ปรกติ อย่างมีความสุขอีกครั้ง ซึ่งวิธีการของคุณหมออาจจะช่วยได้ แต่การทำเช่นนั้นจะไม่เป็นการหลอกลวงชายที่เป็นสามีของพวกเธอหรือ? ประชาคมออนไลน์ถกเถียงประเด็นนี้มาข้ามสัปดาห์ นับตั้งแต่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงฮานอยเปิดบริการ "ซ่อมฟรี" ให้แก่สาวๆ ที่พลาดพลั้งในวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล.        
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เหตุการณ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงฮานอยเปิดบริการ “ซ่อมฟรี” ให้แก่หญิงสาวที่สูญเสียพรหมจารีในวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องในวันสตรีสากล (8 มี.ค.) ได้กลายเป็นความอื้อฉาว ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์และโจษจันกันไม่หยุด ผ่านเว็บไซต์หลายแห่งในเวียดนาม ประชาคมออนไลน์ยังถกเถียงหน้าดำคร่ำเครียดเนื่องจากหาคำตอบยังไม่เจอระหว่าง มนุษยธรรมกับการหลอกลวง
       
       แพทย์หญิงเหวียนถิกิมซวุง (Nguyễn Thị Kim Dung) แห่งโรงพยาบาลถายห่า (Thái Hà ) ประกาศให้บริการฟรีๆ นี้แก่หญิงสาที่สูญเสียพรหมจรรย์เนื่องจากถูกข่มขืน หรือตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์เท่านั้น โดยอาจจะไม่ได้คิดว่าการทำความดีนี้จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว
       
       แต่คุณหมอซวุงมีผู้สนับสนุนและให้กำลังใจอยู่ไม่น้อย

คน เรามีโอกาสพลาดพลั้งได้ โรงพยาบาลเอกชนในกรุงฮานอยเปิดบริการ "ซ่อมฟรี" ให้แก่หญิงสาวที่สูญเสียพรหมจารีใน 2 กรณีคือ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ กับกรณีที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ แต่ประชาคมอนอนไลน์ยังถกเถียงกันไม่หยุดว่า การกระทำดังกล่าวมีคุณค่าสักแค่ไหนทั้งในแง่มนุษยธรรมและศีลธรรม.        “สังคมเวียดนามพัฒนามาไกล ความคิดก็เปิดกว้างมากขึ้น แต่บุรุษชาวเวียดนามนั้นยังคงคร่ำครึ พวกเขาส่วนมากยังแสวงหาความเพียบพร้อมบริบูรณ์ และให้ความสำคัญอย่างมากกับพรหมจารี พวกเขาต่างปรารถนาที่จะมีหญิงของตัวเองตามแนวความคิดของตนเอง พรหมจรรย์เป็นสิ่งล้ำค่ามาก” ดร.เถหุ่ง (Thế Hùng) ศาสตราจารย์ด้านสุนทรียศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงฮานอยกล่าวกับสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส
       
       คุณหมอยังกล่าวอีกว่า การซ่อมเยื่อพรหมจารีให้แก่หญิงสาวนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เพราะมันทำให้พวกเธอมั่นใจเมื่อเข้าวิวาห์ นอกจากนั้นยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ฝ่ายชายหายความแคลงใจสงสัย ซึ่งอาจจะทำให้วิวาห์ล่มในที่สุด ทั้งๆ ที่หญิงสาวที่โชคร้ายผ่านฝันร้ายมามากมายแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
       
       “หญิงสาวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศนั้นปวดร้าวทั้งทางใจและกาย เรื่องนี้จะฝังใจพวกเธอมาก การช่วยรักษาเยียวยาทางกายสามารถช่วยให้พวกเธอดำเนินชีวิตอย่างมีสันติสุข ได้ในอนาคต” คุณหมอกล่าว
       
       แต่นักรณรงค์สิทธิสตรีคิดต่าง คนกลุ่มนี้กล่าวว่าการสถาปนาเยื่อพรหมจารีขึ้นใหม่ ไม่ต่างอะไรกับการหลอกลวง และหลีกหนีความจริง มิหนำซ้ำยังให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มากเกินไป ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่มากับธรรมชาติและสูญไปอย่างเป็นธรรมชาติ
       
       คุณหมอซวุงมิใช่รายแรกที่ให้บริการนี้
       
       กลุ่มผู้สนับสนุนบอกว่า ในกรุงฮานอยจะมีคลินิกเอกชนอยู่หลายแห่งที่ให้บริการซ่อมเยื่อพรหมจารีให้ กับหญิงสาวมาหลายปีแล้ว บริการนี้ไม่ต่างจากศัลยกรรมเสริมแต่งความงามทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรที่ผิดศีลธรรมจรรยา หากกล่าวหาว่าเป็นการหลอกลวง การทำจมูกขึ้นใหม่ให้เป็นสันโด่ง การกรีดเปลือกตาให้เป็นสองชั้น หรือการเสริมหน้าอกให้แต่งตึงก็ยิ่งเป็นการหลอกลวงซึ่งหน้า
       
       ตรงกันข้าม ทั้งหมดนั้นล้วนทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขและเรียกความเชื่อมั่นในการดำรงชีวิตกลับคืนมา ฝ่ายสนับสนุนสาธยายต่อ
       
       แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยยืนยันว่าการซ่อมพรหมจรรย์ต่างไปจากศัลยกรรม เสริมความงาม เพราะเป็นการให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ไม่ควรจะสำคัญมากมาย และ ยังเป็นเรื่องความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศอีกด้วย นางหว่างกิมแทง (Hoàng Kim Thanh) แห่งศูนย์วิจัยและวิทยาศาสตร์ประยุกต์เกี่ยวกับเพศ ครอบครัว สตรีและเยาวชน และเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยวัฒนธรรมกรุงฮานอย ก็เป็นหนึ่งในนั้น
       
       “วัฒนธรรมของชาวเวียดนามนั้นให้ความสำคัญต่อพรหมจรรย์ หญิงสาวที่สูญพรหมจารีจะกลายเป็นคนไร้ค่า แต่จะไม่มีใครใส่ใจหากชายหนุ่มจะสูญเสียสิ่งเดียวกันนี้ เราจะเห็นพวกผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนหญิงของพวกเขาและใช้สิ่งนี้แสดง ความเป็นผู้ใหญ่ การสูญเสียพรหมจรรย์ของฝ่ายหญิงนั้นแท้จริงแล้วเป็นความทุกข์ของทั้งชายและ หญิง” นายกิมแถ่งกล่าว
       
       “ทั้งชายและหญิงต่างให้ความสำคัญต่อพรหมจรรย์ ฝ่ายชายจะประณามหญิงที่ไม่ใช่สาวพรหมจารี และฝ่ายหญิงที่สูญเสียพรหมจารีจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด พวกเราในยุคนี้ต่างพร่ำถึงความเท่าเทียมทางเพศ แต่ไม่เคยมีความเท่าเทียมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสังคม” นางกิมแทงซึ่งทำวิจัยเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวมานานปี กล่าว
       
       นักวิจัยรายนี้สาธยายต่อไปว่า ความทรงจำที่เลวร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้สตรีหลายคนเจ็บปวดไปตลอดชีวิต บางคนยอมรับให้สามีไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น เนื่องจากตัวเธอเองไม่มีพรหมจารีให้ อีกหลายคนสามีไม่เคยแตะต้องอีกเลยหลังแต่งงาน โดยฝ่ายชายถือว่าเป็นการ “ลงโทษ” สำหรับ “ความผิดพลาด” ของพวกเธอ
       
       อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ถกเถียงกันมากในประชาคมออนไลน์ขณะนี้ พุ่งไปยังประเด็นเกี่ยวกับศีลธรรมกับการหลอกลวงมากกว่าประเด็นทางสังคมอื่นๆ
       
       ผู้อ่านวัย 35 ปีคนหนึ่งเขียนว่า เขาเองยอมรับได้และเห็นอกเห็นใจที่ภรรยาสูญเสียพรหมจารีจากถูกข่มขืน แต่จะไม่สามารถยอมรับได้หากเธอไปทำเยื่อพรหมจารีมาใหม่เพราะถือว่าเป็นการ หลอกลวงตัวเขา วิธีการนี้ไม่ต่างกับส่งเสริมให้ฝ่ายหญิงใช้วิธีโกหก

มี หลายกรณีเช่นกันที่พลาดลพลั้งเนื่องจากหลงระเริงไปตามกระแสสังคมและมานั่ง เสียใจในภายหลัง ในกรุงฮานอยมีคลินิกเอกชนให้บริการ "ซ่อมสาว" มาหลายปีแล้ว แต่เมื่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งประกาศ "ซ่อมฟรี" ให็แก่สาวๆ 7 มี.ค. ที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล เรื่องนี้กลับกลายเป็นความฉาวโฉ่.        อีกหลายคนเห็นคล้อยตาม โดยกล่าวว่าการไปทำเยื่อพรหมจารีมาใหม่อาจจะหลอกได้ แต่ความจริงก็ยังอยู่ จะทำให้ถูกต้องควรจะพูดความจริงให้ฝ่ายชายได้ทราบ หากเขายอมรับได้ก็ “โอเค” หากไม่สามารถยอมรับได้ก็ “เซย์กู๊ดบาย” กันไป ดีกว่าให้ฝ่ายชายไปพบความจริงหลังแต่งงานแล้ว ซึ่งเขาจะไม่ให้อภัย
       
       หลายคนแสดงความเห็นอกเห็นใจหญิงสาวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ก็กล่าวว่าการไปซ่อมเยื่อพรหมจารีนั้นเป็นเพียงการสร้างความสงบทางใจใน ช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งแท้จริงแล้วในระยะยาวก็จะสามารถเลือนหายไปเอง สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตวิวาห์ก็คือ พวกเธอจะดำเนินชีวิตอย่างไรเพื่อให้สามีรักและเชื่อมั่นในตัวเธอมากกว่า อย่างอื่น
       
       “ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเป็นเธอต่างก็มีอดีต คนที่รักคุณจริงๆ เขาจะเห็นอกเห็นใจและแบ่งเบาความเจ็บปวดของเธอไป สิ่งสำคัญสูงสุดของหญิงสาวที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศก็คือการปรึกษาเยียวยาทาง จิตใจ มิใช่การช่วยเหลือให้พวกเธอซ่อนเหตุการณ์ในอดีตเอาไว้” ผู้อ่านสตรีคนหนึ่งเขียน
       
       ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่ยังไม่เชื่อเรื่องนี้ และ คิดว่าบางทีการประกาศของคุณหมอที่โรงพยาบาลแห่งนั้นอาจจะเป็นเพียงกลยุทธ โฆษณาเท่านั้นเอง
       
       เป็นที่แน่นอนว่าโรงพยาบาลถายห่า ย่อมจะไม่แพร่งพรายข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เพราะถือเป็นความลับที่เกี่ยวกับคนไข้
16 มี.ค. 55 เวลา 11:44 13,358 15 230
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...