ล่าสุดมีพบการวิจัยออกมายืนยันแล้ว โดยนักประสาทวิทยาจากวิทยาลัยในสหรัฐฯ ศึกษาการกินโอรีโอในสัตว์ทดลองพบว่าโอรีโอเป็นสิ่งที่สามารถเสพติดได้เหมือนกับโคเคน ซึ่งถือเป็นยาเสพติดประเภทร้ายแรง

นักประสาทวิทยา จากวิทยาลัยคอนเน็กติกัต มลรัฐคอนเน็กติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา 

เปิดเผยผลการทดลองว่า การกินโอรีโอมีผลต่อเซลล์ประสาท และออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางได้เหมือนกับสิ่งเสพติดร้ายแรงอย่างเช่น โคเคน นั่นคือ ทำให้ผู้เสพรู้สึกมีความสุข และมีพลังงานเพิ่มในระยะเวลาสั้นๆ

นักวิจัยเริ่มศึกษาโดยการให้หนูทดลองกินโอรีโอและศึกษาปฏิกิริยาของมันหลังจากนั้นพบว่า มีอาการเช่นเดียวกับหนูทดลองที่ได้รับโคเคน คือ จะวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่ในพื้นที่ที่มีโอรีโอเท่านั้น และทุกครั้งที่กินโอรีโอจะเริ่มกินจากส่วนครีมก่อนส่วนอื่นๆ

สอดคล้องกับสมมุติฐานที่ว่า อาหารไขมันสูงและอาหารน้ำตาลสูงจะกระตุ้นสมองในลักษณะเดียวกับยาเสพติด

 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯ ที่กำลังต่อสู้กับภาวะประชากรเป็นโรคอ้วนจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ จำเป็นต้องระมัดระวังการกินอาหารจำพวกนี้ให้มากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะนอกจากที่ตัวมันเองจะให้พลังงานสูงแล้ว ยังทำให้คนกินเสพติดและรู้สึกอยากกินอยู่เรื่อยๆ อีกด้วย 

ปัจจุบัน ร้อยละ 35.7 หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นโรคอ้วน และเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง

 ซึ่งโรคอ้วนนี้นำไปสู่โรคร้ายชนิดอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ตลอดจนมะเร็งบางประเภท ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขมากขึ้นกว่าเดิม การเสพติดของหวานหรือการเป็นโรคอ้วนจึงไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัวของปัจเจกบุคคล

ตัวแทนจากทีมผู้วิจัยกล่าวว่า ตั้งแต่ที่เขาได้ทำการทดลองนี้ ก็ไม่ได้กินโอรีโออีกเลย

 เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคทั่วไปเห็นผลการศึกษาเช่นนี้แล้ว ต่อไปก็ควรจะใช้ความสำคัญกับประเภทและปริมาณของขนมจุบจิบให้มากกว่าเดิมเช่นกัน