อดีต"มิสทิฟฟานี่"ยอมเฉือนนมห่มจีวรเพราะใคร...?

จากชื่อหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ดิฉันมีความรู้สึกอย่างแบ่งปันเรื่องราวดีๆ เพื่อให้ทุกท่านได้อ่าน ท่ามกลางกระแสที่มีแต่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียลงทุกวัน แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ คนดีๆ ที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าอยู่ มีความกตัญญูกตเวทีอย่างมาก เป็นที่น่ายกย่องสรรเสริญบุคคลหนึ่ง 

ดิฉันได้อ่านเรื่องราวนี้จากหนังสือ The secret ฉบับหน้าปก ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ฉบับวันที่ 10 ก.ค. 56 มีพาดหัวเรื่องหน้าปกตามชื่อกระทู้ที่ตั้งไว้ 
เรื่องราวของพระรูปนี้อยู่ที่หน้า 36-40 ใครอยากอ่านฉบับจริง ติดตามหาอ่านได้ค่ะ

บวชเพราะรัก

เรื่องราวของพระมหาวิริโยภิกขุ (สรวีย์ นัดที) เรียบเรียงโดย เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ

ย้อนไปราวกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวโด่งดังซึ่งเป็นที่โจษขานกันทั่วไป คือข่างของมิสทิฟฟานี่ปี 2009 ตัดสินใจบวชตลอดชีวิต ณ วัดเลียบ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสงขลา ทันทีที่ข่าวออกมาก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย บ้างก็อนุโมทนาสาธุ บ้างก็กระหายใคร่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าอะไรทำให้คนที่ครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นผู้หญิงถึงขั้นยอมผ่าตัดเต้านมกลับใจโกนหัวบวชไม่สึกตลอดชีวิต!

ท่ามกลางกระแากข่าวที่ถาโถมเข้ามาน้อยคนนักจะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ

พระมหาวิริโยภิกขุ หรืออดีตที่รู้จักกันในชื่อแจส-สรวีย์ นัดที

นางงามสาวประเภทสอง วัย 25 ปี ผู้มีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยเก๋ ยิ่งเมื่อเรื่องราวแต่หนหลังครั้งครองมงกุฎนางงามถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในด้านลบ หลายคนจึงใช้ข้อมูลนี้ "พิพากษาตัดสิน" พระบวชใหม่รูปนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

อะไร....ทำให้ท่านตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวได้ถึงเพียงนี้ เราไปฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากท่านเองเลยดีกว่า 

ชีวิตนี้จะไม่ทำให้พ่อแม่ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว

 

ก่อนที่อาตมาจะเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเอง ได้คิดพิจารณาอยู่นาน รวมถึงได้ปรึกษาทั้งโยมพ่อ โยมแม่ และท่านเจ้าอาวาส เมื่อทั้งสามท่านอนุญาต อาตมาก็ตั้งใจที่จะให้การเล่าครั้งนี้ยังประโยชน์กับคนอื่นๆ และเป็นธรรมทานให้กับทุกคน

อาตมาเกิดในครอบครัวที่ยากจน โยมพ่อ (บุญศิริ นัดที) ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง โยมแม่ (อารีย์ นัดที) เป็นแม่บ้าน และหารายได้พิเศษด้วยการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก รวมถึงขายข้าวแกง อาตมาเป็นลูกคนที่สามในบรรดาลูก 4 คน ชีวิตวัยเด็กแม้ไม่สะดวกสบาย

แต่ได้รับความรักเต็มเปี่ยม ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน ภาพที่เห็นจนชินตาคือภาพที่โยมพ่อไปซืื้อผักกำละ 5 บาทมาผัดให้ลูกๆกิน อาตมากับพี่ๆน้องๆก็จะนั่งล้อมวงกินผัดผักจานเดียวกัน

ด้วยความเอร็ดอร่อย ส่วนโยมพ่อกับโยมแม่ค่อยกินหลังจากลูกๆกินอิ่มแล้ว ภาพที่เห็นทำให้อาตมาซึมซับความรักความเสียสละของท่านมาโดยตลอด

อาตมาไม่รู้ว่าตัวเองรักโยมพ่อโยมแม่มากแค่ไหน รู้แต่ว่าวันหนึ่งโยมพ่อตีพี่ชายแล้วโยมแม่ร้องไห้ มันเป็นพลังอำนาจมหาศาลที่ผลักดันให้อาตมาเป็นเช่นในวันนี้

วันนั้นพี่ชายซึ่งกำลังเป็นวัยรุ่นไปแอบสูบบุหรี่ แล้วโยมพ่อจับได้ จึงถูกลงโทษด้วยการตีต่อหน้าโยมแม่และอาตมา โยมแม่สงสารจึงลงนั่งกอดพี่ชายแล้วร้องไห้

อาตมาเห็นแล้วก็สะเทือนใจจึงเดินไปกอดโยมแม่และบอกตัวเองว่า "นับจากวันนี้ไปจะไม่ทำให้คนคนนี้ต้องร้องไห้อย่างเด็ดขาด"

เข้ากรุงเทพฯเพียงครั้งแรกก็โดนหลอก

ตอนเล็กๆ อาตมาเป็นเด็กเรียบร้อย แต่พอโตขึ้นมาก็มีคนเรียกว่า "กะเทย" อาตมาไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แค่ว่าเราโตมาแบบนี้ ครอบครัวก็รู้ดีแต่ไม่ได้บังคับอะไร โดบเฉพาะญาติพี่น้องของโยมแม่ ถ้าได้ยินใครว่าหลานก็จะพูดให้เป็นเรื่องสนุกสนานว่า "ใครว่าหลานเป็นตุ๊ดนะ ถอดกางเกงให้ดูไปเลย 

ชีวิตในวัยเรียนของอาตมานั้นสนุกสนานได้ทำในสิ่งที่ชอบ หลังจบชั้นประถมจากโรงเรียนวัดเกาะถ้ำแล้ว ก็สอบเข้าเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ ด้วยความที่ชอบทางด้านศิลปะ ชอบรำมโนราห์ ชอบแต่งหน้า

จึงร่วมกับเพื่อนตั้งชมรมมโนราห์มหาวชิราวุธ ไปแข่งขันที่ไหนก็มักจะได้ที่ 1 และมีโอกาสรำถวายต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

และสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี รวมถึงได้ทำวงดนตรีลูกทุ่งอีกด้วย เวลามีรายได้เสริมได้เงินมาครั้งละพันสองพันก็จะนำมาให้โยมพ่อกับโยมแม่เสมอ

เมื่อเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 อาตมาตั้งใจจะไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอก เลยโดนพวกมิจฉาชีพหลอกว่าจะได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง

 

ทำให้เสียทั้งเงินและเกือบสูญเสียโอกาสในการเรียนต่อ แต่เหมือนบุญยังมีอยู่บ้างเพราะหลังจากนั้น มีเพื่อนคนหนึ่งช่วยเหลือจนได้เรียนต่อคณะศิลปกรรม สาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

ปีแรกที่เข้าไปเรียน อาตมายังไว้ผมสั้นและนุ่งกางเกง พอปีสอง ถึงได้ไว้ผมยาวและนุ่งกระโปรง อาตมาเลือกเรียนด้านแฟชั่นเพราะอยากเป็นนางแบบ และได้เข้าประกวดนางแบบตามผับตามบาร์ต่างๆในปีเดียวกันรวม 13 เวที และกวาดรางวัลมาได้ถึง 12 เวที จน คุณหนุ่ม-ทรงเดช ไตรรัตน์รังษี เจ้าของผับเห็นแวว เลยชักชวนให้ประกวดมิสทิฟฟานี่

ก่อนประกวด อาตมาต้องขัดสีฉวีวรรณ ฉีดโบท็อกซ์เก็บรูปหน้า ฉีดกลูต้าให้ผิวขาวใส ฉีดฮอร์โมนให้ดูมีน้ำมีนวล หลังจากได้รับตำแหน่งแล้ว ชีวิตของอาตมาก็ถูกคลื่นมายาพัดพาไปตามกระแส เมื่อเป็นที่จับตาของสื่อ ก็เหมือนเป็นโอกาสทองที่ต้องกอบโกยต้องทำทุกอย่างเพื่อ "ความดัง"

ตอนนั้นอาตมารู้สึกเหมือนโดนครอบจนเหนื่อย ยิ่งเมื่อแสดงความคิดเห็นที่่เป็นตัวของตัวเองหรือพูดความจริงเกี่ยวกับผู้คนในวงการ นักข่าวก็นำไปตีความบิดเบือนจนทำให้อาตมามีภาพเป็น "นักแฉ" 

อาตมาได้เห็นกิเลสของคนที่เบียดเบียนกันเพื่อผลตอบแทน ทำให้คนอื่นเสียชื่อเสียง เพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียง บางคนก็ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ นี่คือสังคมนางงามในมุมที่อาตมาได้เห็น และเมื่อพูดผ่านสื่อด้วยอารมณ์ที่กดดัน ไม่ได้กลั่นกรองให้ดีว่าจะกระทบใคร

พอย้อนไปพิจารณาแล้ว อาตมาก็พบว่าการพูดของตนเองที่ผ่านมาเป็นภัยที่หนักมาก ถึงจะเป็นความจริง แต่เป็นความจริงที่คนอื่นรับไม่ได้ แม้เหตุการณ์นี้จะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้อาตมาตัดสินใจบวช แต่ก็ทำให้อาตมาเห็นตัวทุกข์มากขึ้น

อยากบวชตั้งแต่อายุ 21 ปี

แม้คนอื่นจะเห็นว่าอาตมาเป็นกะเทยแต่ภายในใจแล้ว อาตมาคิดจะบวชมาตั้งแต่อายุ 21 เพราะอยากตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ แต่เมื่อขออนุญาตโยมแม่ ท่านก็บอกยังไม่ถึงเวลา โยมแม่บอกว่า "สิ่งที่ลูกทำคือการดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดีนั้นยิ่งใหญ่อยู่แล้ว" 

เมื่อโยมแม่ตอบปฏิเสธ อาตมาจึงเริ่มต้นไปปฏิบัติธรรมแทน ประกอบกับโยมพ่อไม่สบาย เพราะสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจนร่างกายรับไม่ไหว ป่วยเป็นโรคปอด วัณโรค น้ำท่วมปอด มิหนำซ้ำเมื่อรู้ว่าตัวเองป่วย ท่านก็ไม่ดูแลตัวเอง ยิ่งดื่มเหล้าหนักขึ้นทุกวันเหมือนท้อแท้กับชีวิต

อาตมาจึงอยากหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะเริ่มทุกข์ว่า ทำไมนะ ในขณะที่ฐานะของครอบครัวเริ่มดีขึ้น ชีวิตของทุกคนเริ่มสุขสบาย แต่โยมพ่อกลับมาเจ็บป่วยและดูเหมือนจะป่วยทั้งกายและใจด้วย ครั้งหนึ่งอาตมาเคยคุยกับโยมพ่อว่า 

"พ่อรู้ไหมที่ทำทุกวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ลูกไม่เคยซื้อของแบรนด์เนมใช้หรือกินอาหารหรูๆเลย เพราะบอกตัวเองว่าต้องส่งเงินกลับบ้าน ให้ความสุขกับพ่อแม่ให้มากที่สุด

พยายามเก็บเงินเพื่อจะได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวกรุงเทพฯ ถ้าพ่อกับแม่เป็นอะไรไป แล้วลูกจะทำเพื่อใคร ถ้าพ่อหยุดบุหรี่ หยุดเหล้าไม่ได้ ลูกจะเลิกเรียนมหาวิทยาลัย แล้วกลับบ้านมาอยู่กับพ่อ"

หลังจากได้คุยกันวันนั้นแล้ว โยมพ่อก็ดูแลตัวเองดีขึ้น ส่วนอาตมาก็มีที่พึ่งทางใจเป็น ตันตระเทวาลัย ซึ่งเป็นสถานปฏิบัติภาวนาสายฮินดู อาตมาไปอ้อนวอนขอให้โยมพ่อหายป่วย เมื่อท่านดีวันดีคืน ก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง อาตมาก็ได้เห็นตัวทุกข์มากยิ่งขึ้น

เมื่อต้องสูญเสียพี่ชายที่เป็นทหารจากเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ และจากเหตุนี้เองที่ทำให้ช่วงที่เป็นนางงาม อาตมาตัดสินใจรับคำเชิญของกรมกิจการพลเรือนทหารเรือไปให้กำลังใจและปลอบขวัญประชาชนที่ภาคใต้ร่วมกับศิลปินคนอื่นๆ

 

หลังจากนั้น อาตมาก็เริ่มรู้จักสถานที่ปฏิบัติธรรมต่างๆมากขึ้น เริ่มมีกัลยาณมิตรที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เวลาเขาคุยอะไรที่เป็นเรื่องดีๆ อาตมาก็น้อมมาใส่ใจ หลังจากไปทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม

กับญาติธรรมกลุ่มนี้ได้ราวหนึ่งปี อาตมาก็เริ่มปลีกวิเวกไปหาครูบาอาจารย์ด้วยตนเอง และมีโอกาสได้รู้จักกับ หลวงพ่อนพวิทย์ ซึ่งจำวัดอยู่ที่อยุธยา แต่ไปช่วยสร้างสถานปฏิบัติธรรมเรียกว่า

"จิตตธรรมสถาน" ที่โคราช แรกๆอาตมาเข้าไปช่วยบูรณะโบสถ์ ช่วยสร้างพระ แล้วเริ่มปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอด้วยการขับรถไปที่นี่ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เป็นเวลา 2 ปี

วันนี้ที่รอคอย

ด้วยความที่อาตมามีเป้าหมายชัดเจนว่าวันหนึ่งต้องการออกบวช ระหว่างที่เป็นนางงาม แม้จะมีสถาบันเสริมความงามมายื่นข้อเสนอแนะและเงินทองเพื่อให้แปลงเพศ อาตมาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด

ส่วนแฟนอาตมาก็ไม่มีและไม่ยึดติดกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น แต่จริงๆปัญหาในการบวชของอาตมาไม่ได้อยู่ที่ว่าอาตมาเป็นเพศไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ว่าโยมพ่อและโยมแม่จะอนุญาตหรือไม่เท่านั้น 


แล้ววันที่อาตมารอคอยก็มาถึง.....

ปรกติอาตมาจะตื่นนอนราวตีสองตีสามมานั่งสมาธิ แล้วนอนต่อ ไปตื่นอีกครั้งตอนหกเจ็ดโมงเพื่อสวดมนต์ เช้าวันนั้นอาตมาอ่านหนังสือเรื่องกฎอิทัปปัจจยตา เห็นถึงความเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งต่างๆแล้วเกิดกำลังใจอย่าวแรงกล้าที่จะออกบวช จึงโทรไปหาโยมแม่ว่า "แม่....ลูกขอบวชพระ"

 

อาตมาคิดว่าอาจจะได้รับคำตอบว่า "ไม่" แต่โยมแม่ตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือว่า "ลูกอย่าวู่วามนะ รอหน่อยนึงแม่ขอคุยกับพ่อก่อน เดี๋ยวโทรกลับ" จนผ่านไปเกือบบ่ายสองโมง โยมแม่ก็โทรกลับมาว่า "พ่อกับแม่อนุโมทนาด้วยนะลูก"

เท่านั้นเองที่อาตมาต้องการ รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ในใจรู้สึกเต็มตื้นบอกกับตัวเองว่า "ห่วงเดียวในชีวิตที่ลูกมีตอนนี้หมดแล้ว พ่อกับแม่ยอมเสียสละครั้งยิ่งใหญ่

ด้วยการไม่ยึดติดกับลูก ทั้งที่อีก 20 ปี 30 ปีข้างหน้า ลูกคนนี้จะเลี้ยงดูท่านเป็นอย่างดี แต่ท่านก็ยอมให้ลูกเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ ยอมยกลูกให้เป็นบุตรของพระพุทธเจ้า ลูกมีความสุขมากเหลือเกิน สังคมจะว่าอย่างไร ไม่เป็นไร ขอให้คนสองคนนี้เข้าใจเท่านั้นพอ

หลังจากนั้นอาตมาก็เริ่มสละชีวิตทางโลกออกทีละอย่าง ตำแหน่งนางงามก็ไม่มีแล้ว หน้าที่การงานที่เป็นพิธีกรในรายการทางเคเบิลทีวีก็ไปลาออก ตอนลาออก หัวหน้ายังงงๆ เพราะคิดว่าอาตมาแปลงเพศแล้ว คนที่รู้ดีที่สุดคือตัวอาตมา ส่วนหน้าอกที่ทำมา อาตมาก็ไปผ่าตัดออก

ก่อนบวชอาตมาไปเป็นผ้าขาวคอยดูแลพระสงฆ์อยู่ที่วัดนาป่าพงราวหนึ่งเดือน เพราะศรัทธาในคำสอนของ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่สั่งสอนธรรมะตามพุทธวจนะของพระพุทธเจ้า อาตมาตื่นเช้าทำงานทุกอย่าง และขัดเกลาตัวเองทั้งกาย วาจา ใจ ให้มีความสำรวมระวังอยู่เสมอ

เมื่อถึงเวลาบวช อาตมาตัดสินใจว่าจะไปบวชเงียบๆที่บ้านเกิด จังหวัดสงขลา แล้วตั้งใจว่าจะจำวัดอยู่ 7 วัน หลังจากนั้นก็จะธุดงค์ไปเรื่อยๆ เพราะเกรงว่าสังคมจะรับไม่ได้

แต่แล้วเพราะคำพูดของโยมพ่อแท้ๆ ที่ทำให้อาตมาต้องเปลี่ยนใจ วันนั้นอาตมาอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวบวช ตกเย็นโยมพ่อดื่มเบียร์หมดไป 2 ขวด แล้วเตรียมจะไปซื้อเพิ่มอีก พออาตมาเดินเข้าไปหาท่าน โยมพ่อก็พูดขึ้นมาว่า 

"บวชแล้วอย่าไปไหนนะลูก เวลาที่ลูกโทรมา ถึงจะไม่ได้คุยกับลูก แค่ได้ยินลูกคุยกับแม่ พ่อก็สบายใจแล้ว ตั้งแต่ลูกไปพ่อห่วงทุกวัน" แล้วท่านก็เข้ามากอดอาตมาพร้อมกับร้องไห้

ซึ่งอาตมาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต "พ่อขอได้ไหม อย่าไปไหนนะ อยู่ที่นี่ อยู่ใกล้ๆพ่อ อยู่บ้านเรา เดี๋ยวพ่อจะไปใส่บาตร สวดมนต์ นั่งฟังธรรม ลูกอยู่หนึ่งพรรษา พ่อก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปชั้นหนึ่ง ลูกอยู่อีก พ่อก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปอีก" 

คำขอร้องของโยมพ่อทำให้อาตมาตัดสินใจจำวัดอยู่ที่บ้านเกิด เพราะเมื่อศึกษาธรรมะ ทำให้ทราบว่า "การยังบิดามารดาผู้ทุศีลให้สมาทาน ตั้งมั่นในศีล ยังบิดามารดาให้ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา ยังบิดามารดาผู้มีความตระหนี่ให้เป็นผู้เสียสละในทาน คือการตอบแทนบุญคุณบิดามารดาอย่างสูงสุด"

นับว่าอาตมาตัดสินใจถูก เพราะหลังจากที่อาตมาบวชแล้ว โยมพ่อกับโยมแม่จะตื่นมาใส่บาตรทุกเช้า ถ้าวันไหนไม่ได้ใส่บาตรตอนเช้า ช่วงสายๆ โยมพ่อก็จะเดินหิ้วปิ่นโตมาที่วัดด้วยตนเอง เมื่อก่อนโยมพ่อไม่ไหว้แม้กระทั่งพระ ธรรมะก็ไม่เคยสนใจฟัง แต่เมื่ออาตมาบวช โยมพ่อเข้าวัดสวดมนต์ ฟังเทศน์ทุกวัน

วันหนึ่งอาตมาได้มีโอกาสเทศนาธรรม อาตมาเลือกที่จะไม่อ่านจากใบลาน แต่พูดจากประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเองในเรื่อง "ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่" อาตมาเห็นโยมพ่อกับโยมแม่นั่งฟังเทศน์อยู่ก็พูดขึ้นว่า 

"เมื่อก่อนพ่อผมขี้เมา คนรู้กันทั้งนั้นเรียก 'เอียดขี้เมา' แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว คนคนนี้ถือปิ่นโตมาวัด ได้สมาทานศีล ลดความตระหนี่ รู้จักนอบน้อมไหว้ลูกตัวเองที่เป็นภิกษุสงฆ์" อาตมามองไปเห็นโยมแม่น้ำตาร่วง เลยพูดต่อไปว่า "โยมพ่อและโยมแม่ของอาตมาเสียสละมาก

ยอมตัดขาดจากความเป็นพ่อแม่ลูก แล้วยกลูกให้พระพุทธเจ้า อาตมาขอตั้งใจทำหน้าที่ภิกษุสงฆ์ศึกษาเล่าเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำตนให้เป็นประโยชน์ให้สมกับที่ญาติโยมตื่นมาใส่บาตรด้วยข้าวปลาอาหารที่ตั้งใจทำมาอย่างดี"

อาตมาไม่สนใจว่าคนอื่นจะครหาหรือคิดอย่างไรกับการตัดสินใจบวชของอาตมา รู้แต่ว่าชาตินี้ สิ่งที่อาตมาตั้งใจจะทำอย่างแรงกล้าคือการเป็นอภิชาตบุตร การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีได้ตอบแทนชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการเป็นกัลยาณมิตรของคนทุกวัย 

หากใครถามว่าอาตมาจะบวชตลอดชีวิตไหม จะสึกไหม อาตมาขอตอบว่า "สึก" แต่จะ
...สึกในวันที่ไม่มีพระพุทธศาสนาแล้ว
...สึกในวันที่ไม่มีธรรมะแล้ว
...สึกเมื่อฆราวาสไม่เข้าวัดแล้ว
...สึกเมื่อพระพุทธศาสนาไม่เป็นที่พึ่งของเราแน่แล้ว

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น อาตมาเชื่อว่าตนเองจะทำหน้าที่เป็นเรี่ยวแรงหนึ่งที่จะทำให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่สืบไป..... 

พระอตุวาภิกขุ เจ้าอาวาสวัดเลียบ

สาเหตุที่ยอมให้พระมหาวิริโยภิกขุบวช เพราะ หนึ่ง อาตมาเห็นความตั้งใจของท่านที่ปรารถนาทำสิ่งสูงสุดให้กับพ่อแม่
สอง จากการตรวจร่างกายพบว่า เป็นผู้ชายปรกติ

ไม่มีลักษณะของเพศที่สามเหลืออยู่ มีแต่เรื่องจิตใจที่ไม่สามารถจะรู้ได้ ก็ต้องตรวจสอบดูแลต่อไปสาม ท่านมีความเพียรในการศึกษาเรียนรู้ธรรมะ ได้ไปปฏิบัติธรรมาสองปีก่อนบวช

และศึกษาพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง สี่ ก่อนบวช พ่อแม่ท่านก็อนุญาตและมาติดต่อที่วัดด้วยตนเอง นอกจากนั้น อุบาสกอุบาสิกาที่มาฟังเทศน์ฟังธรรมก็เห็นด้วยที่ท่านจะบวช ท่านเทศน์ได้ดี

เหมือนเป็นการชักชวนให้คนเข้าวัดมากขึ้นทางอ้อม ถ้าครั้งนี้อาตมาตัดสินใจผิดพลาด ก็เป็นความผิดพลาดเพราะมีเมตตาต่อผู้อื่น และเมื่อรับท่านเป็นศิษย์แล้ว อาตมาก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด ให้ท่านได้อยู่ในสมณเพศอย่างปรกติสุข

Madame Prissy 
วันพฤหัส เวลา 14:50 น.

http://pantip.com/topic/30709188

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...