แอปเปิ้ล ผงาดแบรนด์อันดับ 1 ของโลก 2 ปีซ้อน facebook แรง ขยับมา 19

 

 

 

แอปเปิ้ล ผงาดแบรนด์อันดับ 1 ของโลก 2 ปีซ้อน facebook แรง ขยับมา 19


บ.วิจัยด้านการตลาดเมืองมะกันชี้ "แอปเปิ้ล" ครองแชมป์บริษัทที่มีมูลค่าตราสินค้าสูงสุดสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ "เฟสบุ๊ค" ขยับอันดับขึ้นมาได้มากที่สุด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า บริษัท แอปเปิ้ล ของสหรัฐ ยังคงครองแชมป์บริษัทที่มีมูลค่าตราสินค้าสูงสุดเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ เฟซบุ๊ค สามารถขยับอันดับขึ้นมาได้มากที่สุด จากผลการสำรวจเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
 

รายงานดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยบริษัท มิลล์เวิร์ด บราวน์ ออพติมอร์ หนึ่งในบริษัทวิจัยด้านการตลาดยักษ์ใหญ่ของโลก และเป็นบริษัทในเครือของ ดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูพี วิสาหกิจด้านโฆษณารายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่า มูลค่าตราสินค้าของ แอปเปิ้ล เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว ส่งผลให้ตราสินค้าของบริษัทมีมูลค่าสูงถึงกว่า 1.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5 ล้านล้านบาท )
 

ขณะที่อันดับที่ 2 ตกเป็นของบริษัท ไอบีเอ็ม ด้วยมูลค่าตราสินค้ากว่า 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.4 ล้านล้านบาท ) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเขี่ย กูเกิ้ล รองแชมป์เมื่อปีกลายให้ตกลงไปอยู่อันดับที่ 3 ด้วยมูลค่าตราสินค้ากว่า 1.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3 ล้านล้านบาท ) ขณะที่มูลค่าตราสินค้าของ เฟซบุ๊ค ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบกิจการเป็นบริษัทจำกัด หลังเริ่มเข้าสู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งสูงขึ้นถึง 74 เปอร์เซ็นต์ ด้วยมูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 9 แสนล้านบาท ) ทะยานขึ้นจากอันดับที่ 35 มาอยู่ที่อันดับ 19
 

ส่วนอันดับที่ 4 คือ แม็คโดนัลด์ ตามด้วย ไมโครซอฟท์ โคคา-โคลา มาลโบโร  เอทีแอนด์ที เวอร์ไรซอน และปิดท้ายในอันดับที่ 10 ด้วย ไชนา โมไบล์ จากจีน ซึ่งเป็นบริษัทรายเดียวใน 10 อันดับ ที่ไม่ใช่ของสหรัฐ
 

ทั้งนี้ นาย เดวิด ร็อธ ตัวแทนจาก ดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูพี กล่าวว่า  การจัดอันดับอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลรสนิยมของผู้บริโภคในหลายประเทศ ประกอบกับรายได้ของแต่ละบริษัท ซึ่งมูลค่าตราสินค้าที่ได้รับการเปิดเผยนั้น เป็นคนละส่วนกับมูลค่าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

 

24 พ.ค. 55 เวลา 15:50 6,373
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...