พันจ่าทหารเรือ ซดเหล้าจอดรถหลับ เปิดแอร์ฉ่ำหัวใจวายดับ
ร้อนจัด..!! พันจ่าเอกทหารเรือ วัย 46 เมาสุดขีดจอดรถหลับ ติดเครื่องยนต์เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ก่อนพบเป็นศพ คาดร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน ส่งผลหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
(26 เม.ย.) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีดำ ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถตลาดลานมะรีน ค่ายกรมหลวงชุมพร หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังมุงดูรถคันดังกล่าว อยู่ในสภาพจอดติดเครื่องยนต์ ล็อกประตู ปิดกระจกทุกบาน เปิดแอร์ระดับสูงสุด จนมีคราบไอความเย็นเกาะทั่วบานกระจก ภายในรถพบร่างหนุ่มใหญ่ นอนแน่นิ่งอยู่บนเบาะคนขับ สภาพคอตกอยู่ในร่องกลางระหว่างเบาะคู่หน้า จมูกกดทับอยู่กับเบาะ และยังพบขวดสุราต่างประเทศเหลืออยู่ครึ่งขวด วางอยู่กระบะท้าย
โดยก่อนหน้าชาวบ้านได้ช่วยกันปลุก เคาะเรียก และขย่มตัวรถให้คนขับตื่น อยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่มีการตอบสนอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงตัดสินใจใช้มือล้วงเข้าไปในช่องกระจกข้างคนขับ ดันกระจกให้ต่ำลงก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปปลดล็อก และเปิดประตูรถได้สำเร็จ พบคนขับเสียชีวิตแล้วทราบชื่อคือ พันจ่าเอก พินัย สมประสงค์ อายุ 46 ปี สังกัด ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ
สอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้เห็นรถผู้ตายมาจอดนอนตั้งแต่ช่วงประมาณ 01.00 น. กระทั่งในช่วงสาย ขณะที่ชาวบ้านออกมายืนตามรายทางยังจุดที่รถผู้ตายจอด เพื่อใส่บาตรพระ แต่รถผู้ตายยังจอดขวางจึงได้ไปปลุกให้คนขับตื่น เพื่อขยับรถให้พ้นเส้นทาง แต่ไม่มีการตอบสนองอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคิดว่าผู้ตายคงเมาและหลับไป แต่เห็นว่านานผิดสังเกตเกรงได้รับอันตราย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ ก่อนพบว่าคนขับเสียชีวิตแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่าจากข้อมูลทราบว่า ผู้ตายได้ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ โดยบอกจะไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน คาดว่าขากลับผู้ตายคงดื่มสุราจนเมาขับรถไม่ไหว จึงจอดรถเพื่อหลับ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่า เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดอยู่ในขณะนี้ เมื่อผู้ตายดื่มสุราเข้าไป และเข้าไปเปิดแอร์นอนในรถสภาพที่เย็นจัด ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน เป็นเหตุให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน อย่างไรก็ตามจะส่งร่างผู้เสียชีวิต ไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป