Urban Legend: ตำนานพื้นบ้าน (Episode 3)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
01. ศิลปกรรมศาสตร์-ห้องล้างรูป ว่ากันว่าห้องล้างรูปรวมของศิล’กรรมน่ากลัวที่สุด นอกจากเรื่องเห็นขาแกว่งแล้ว ยังมีแสงลูกไฟสีต่างๆ แว๊บไปแว๊บมาในห้องล้างรูปอีกด้วย (ซึ่งห้องล้างรูปจะต้องมืดหรืออาจให้มีแสงสีแดงได้สีเดียว) บางทีก็มีเสียงเก้าอี้นั่งรอล้างรูปดังอี๊ดอ๊าด ทั้งๆ ที่ไม่มีคนนั่งรอ หรือนิสิตบางคนได้ยินเสียงคนตบแท็งค์น้ำในห้องล้างรูป ทั้งๆ ที่ไม่มีคนอื่นในห้อง ว่ากันว่านิสิตขอให้คณะย้ายห้องหลายครั้งแต่คณะไม่มีงบฯ อันนี้เป็นข้อมูลหลายปีแล้ว ไม่รู้ป่านนี้ย้ายห้องหรือยัง
02. อักษรศาสตร์-ห้องสมุด ห้องสมุดที่ตึกเก่าของอักษร มีนิสิตชายคนหนึ่งไปอ่านหนังสือ เห็นนิสิตผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามก้มหน้าอ่านหนังสือนานมากไม่เงยหน้าซะที เลยถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผู้หญิงเลยเงยหน้าขึ้นมา ปรากฏว่า …ไม่มีหน้า
03. วิทยาศาสตร์-ตึกชีววิทยาทางทะเล ชั้น 4 หรือชั้น 5 ไม่รู้ นิสิตที่อยู่ดึกบอกว่าเห็นเงาคน และแสงไฟวูบวาบบ่อยมากทั้งที่ไม่มีคน ลิฟต์ก็ชอบเปิดชั้นนี้ทั้งที่ไม่มีคนกดเรียก
04. ห้องน้ำแถวภาควิชาเคมี อยู่ดีๆ บานประตูก็ปิดเอง (และล็อคด้วย) บ่อยมากๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีลมและแน่นอนไม่มีคนเข้า พอนิสิตไปถามยาม ยามก็บอกว่าชินแล้ว บอกอย่างทำใจด้วยว่าถ้าเจอก็มาตามแล้วกัน จะไปช่วยไขกุญแจให้
05. ประตูอังรีฯ เพื่อนเราอยู่คณะวิทยาศาสตร์ ขับรถมาทางประตูรัฐศาสตร์ อังรีฯ จะวกรถออกไปแยกสุรวงศ์ เลยต้องไปรอเลี้ยวรถกลางถนน พอไฟส่องไปที่ใต้สะพานลอยฝั่งโรงพยาบาลจุฬา ก็เห็นคนนั่งยองๆ อยู่ใต้สะพาน ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป นอกจากหน้าเหมือนปูนปลาสเตอร์ที่ยังไม่แห้งแล้วโดนสาดน้ำน่ะ คือขาวๆ ย้อยๆ ไฟหน้ารถเธอจับอยู่นานพอดูเพราะต้องรอกลับรถ เมื่อเธอหันไปดูเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่นั่งมาด้วยกันก็ไม่มีทีท่าว่าเห็นอะไรเหมือนเธอเลย เธอก็เลยทำเฉยๆ กลัวว่าเพื่อนจะกลัว
06. เศรษฐศาสตร์ ประตูชั้นล่างที่จะออกไปโรงอาหาร ด้านหลังถูกกั้นไม่ให้เข้า-ออกเพราะเป็นทางผีผ่าน มีคนเห็นอะไรแปลกประหลาดมามากมาย ชั้นที่มีห้องพักนิสิต ป.โท (ไม่รู้ชั้นไหน) …เพื่อนเราเพิ่งจบโทมาปีสองปีเล่าว่า วันหนึ่งค่ำแล้วฝนตกหนักทุกคนกำลังจะกลับบ้าน แต่เลอะเทอะกันมาก เลยกลับมาห้องพักนิสิตปริญญาโทเพื่อหลบฝนและล้างโคลน เพื่อนเราไปล้างโคลนคนเดียวในห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก …พอดีไฟดับ เพื่อนเราเลยโผล่ออกมาดูคนอื่นๆ ว่าเป็นไงบ้าง เห็นเงาดำๆ อยู่ห่างออกไปตรงทางเดิน ทำท่าเหมือนกำลังเดินเข้ามาหา เธอดูรูปร่างแล้วเลยเรียกชื่อเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่หุ่นแบบนี้ แต่เงาดำไม่ตอบและเดินเท่าไหร่ก็ไม่ใกล้เข้ามาสักที แป๊บนึงอยู่ดีๆ เงาดำก็หายไป เพื่อนเราคนนี้ก็เหมือนคนที่แล้ว คือ ไม่ยอมบอกเพื่อน กลัวเพื่อนจะกลัว เดินกลับเข้าห้องไปรวมกลุ่มเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
07. หอหญิง (ตึกดำ) เพื่อนเราเคยอยู่หอหญิง บอกว่าชั้น 10 เนี่ยดุสุดๆ คืนหนึ่งก่อนนอนกลัวว่าจะร้อน เลยเปิดประตูมุ้งลวดให้ลมเข้า คนที่นอนริมในสุดบังเอิญเป็นคนที่มีสัมผัสที่หกพอดี เล่าว่ากลางดึกอยู่ดีๆ เธอก็ตื่นมา เมื่อมองไปนอกมุ้งลวด เห็นคนคลุมหัวเดินอยู่ ตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพื่อนที่เป็นมุสลิมในชั้นเดียวกันนั้น แต่ร่างที่ว่าเดินเท่าไรก็ไม่พ้นหน้าห้องซักที เธอเลยรู้ว่าเจอดีเข้าแล้วก็เลยคลุมโปงนอนต่อ
08. วิศวกรรมศาสตร์-ห้องสมุด เราไม่เคยเข้านะเลยไม่รู้ว่าห้องนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นห้องที่ดัดแปลงจากอาคารที่เดิมเป็นตึกเรียนเก่า กลางวันแสกๆ วันหนึ่ง มีอาจารย์ท่านหนึ่งเข้าไปค้นหนังสือในส่วนที่ห้ามนิสิตเข้า คือ ยืมได้แต่ห้ามเดินเข้าไปเองน่ะ ทีนี้อาจารย์ท่านนั้นกำลังก้มหน้าส่องหาหนังสืออยู่ตามชั้นต่างๆ พอขยับหน้าผ่านไปตรงช่องว่างระหว่างหนังสือ ก็เห็นฝั่งตรงข้ามมีหน้าจ้องผ่านร่องหนังสือเข้ามา เห็นว่าใส่ชุดนิสิตอยู่ด้วย อาจารย์ตกใจและโกรธด้วยเลยเดินไปถามว่านิสิตเข้ามาได้ยังไง แต่พอเดินไปถึงช่องนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย ที่สำคัญพออาจารย์เดินหาจนทั่ว พบว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่ห้องสมุดเองก็ไม่อยู่ด้วยซ้ำไม่มีทางที่ใครจะมาโผล่หน้าให้เห็นได้ แต่เมื่ออาจารย์เดินกลับไปหาหนังสือที่ชั้นเดิมก็ได้กลิ่นฉุนกลิ่นเหม็นไหม้ที่แรงมาก
09. ห้อง Sound Lab ห้องไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าตึกที่ถูกทุบไปหรือตึกที่ยังอยู่ปัจจุบัน เพราะอักษรมี Sound Lab เยอะมาก อาจารย์หญิงท่านหนึ่งรับฝากชั้นเรียนไว้ ได้รับคำฝากฝังให้เปิดเทปให้นิสิตฟังและคอยเช็คชื่อก็พอ ขณะกำลังเปิดเทป มีนิสิตหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หลังห้องไม่ยอมใส่หูฟัง อาจารย์เดินไปถามก็ตอบว่าเจ็บคอ พอตอนออกจากห้อง อาจารย์คอยเช็คชื่อ เห็นคนครบแต่ไม่มีชื่อเด็กคนที่ไปคุยด้วยและเด็กก็ไม่ยอมออกมาสักที เลยเดินกลับไปหา ไปดูที่โต๊ะก็ไม่เจอ แต่พอหันออกมาจะกลับ ก็เห็นเด็กยืนอยู่กลางห้องสายหูฟังพันคออยู่และโยงไปที่เพดาน อาจารย์หมดสติไปเลย มาทราบทีหลังว่ามีเด็กเพิ่งฆ่าตัวตายในห้องนั้น
10. ห้องมืด (ห้องล้างฟิล์ม) ของคณะนิเทศศาสตร์ เรื่องมีอยู่ว่า …เมื่อก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เข้าไปล้างฟิล์มในห้องนี้ แล้วไม่ได้กลับออกมาอีกเลย มีคนเข้าไปหาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครพบ นิสิตรุ่นน้องต่อๆ มาเล่าให้ฟังว่า …ยังมี เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอีก เช่น มีนิสิตได้เข้าไปล้างฟิลม์ในห้องนี้ ขณะที่เข้าไปนั้นก็คิดว่าตนนั้นเข้าไปกับเพื่อน ก็มีการพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากเพื่อน บอกให้หยิบของส่งให้ ก็มีคนหยิบส่งให้ แต่พอออกมาเห็นเพื่อนของตนอยู่นอกห้อง จึงได้รู้ว่า ตนเข้าคนเดียว แล้วใครล่ะที่เป็นคนหยิบของส่งให้ !!?
11. ทางเดินระหว่างตึกของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทางเดินที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีสามี-ภรรยานักการของคณะสถาปัตย์ได้ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาได้เอาปืนยิงสามีจนเสียชีวิต เลือดสาดไปทั่วหน้าห้องทางเดินนี้ …ต่อมาเมื่อทางคณะได้มีการปรับปรุงพื้นชั้นหนึ่งได้มีการเทปูนไว้ แต่มีเฉพาะหน้าห้องนี้เท่านั้นที่ไม่ยอมแห้ง ทิ้งไว้นานสักเท่าไรก็ไม่ยอมแห้ง ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้
12. ห้อง 415 หอพักนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่ากันว่าถ้าหากวันไหนตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ คนที่ตื่นขึ้นมาจะเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนอยู่ที่ปลายเตียง
13. ดาดฟ้าตึกพยาธิวิทยา ตอนดึกๆ หรือตอนเย็นๆ ใกล้ค่ำ ถ้าหากมีใครขึ้นไปบนดาดฟ้าจะเห็นคนยืนนุ่งชุดสไบสีขาว
14. ล๊อกเกอร์ของคณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่นั่นเคยมีคนเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนล๊อกเกอร์ ทีแรกเห็นแต่ขา แต่ว่าเมื่อมองขึ้นไปกลับไม่มีตัวตนอยู่เลย
15. สมัยยังใช้การตึก 2 นิเทศได้เต็มที่นั้น มีเรื่องเล่าว่า หลังสามทุ่มไปถ้าเดินลงบันไดเวียนจะลงมาเจอชั้นสามประมาณสี่ครั้ง (บรื๋อออ)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรื่อง ลิฟท์แดงของธรรมศาสตร์นี้มีเรื่องเล่าว่า เมื่อตอนเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ พวกทหารได้บุกเข้ามาในมหาวิทยาลัย พวกนักศึกษาต่างหลบหนีเข้ามาในลิฟท์ตัวหนึ่ง พอลิฟท์ตัวนี้เปิดพวกทหารก็กระหน่ำยิงทุกคนเสียชีวิตหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์ ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้บูรณะทำความสะอาดกันทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ลิฟท์ตัวนั้น แต่ทำความสะอาดยังไงคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ก็่ล้างไม่ออก จึงได้ทำการทาสีลิฟท์ให้เป็นสีแดง – มีเรื่องเล่าตามมาว่า หลังจากที่ลิฟท์ได้นำกลับมาใช้ตามปกติ มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งมาขึ้นลิฟท์ตามลำพัง แต่เมื่อมองไปที่กระจกกลับพบว่าไม่ได้มีเธออยู่เพียงลำพัง หากแต่มีผู้โดยสารอยู่ด้วยมากมาย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายครั้งหลายหนที่เหล่านักศึกษา-อาจารย์หรือแม้กระทั่ง เจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้พบเจอกับอาถรรพ์ลิฟท์แดงตัวนี้เข้า ทำให้ทางมหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนตัวลิฟท์ใหม่ แต่ว่าประตูลิฟท์แดงที่ถูกถอดออกไปตอนนี้ยังตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ตึกคณะศิลปศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้
มหาวิทยาลัยศิลปากร
01. วิทยาเขตวังท่าพระ-กรุงเทพฯ อดีต เคยเป็นวังของพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าตากสินและต่อมาทรงถูกสำเร็จโทษ ประหารชีวิต จากนั้นก็มีเชื้อพระวงศ์ระดับเจ้าฟ้าทรงประทับตลอดมา วังนี้มีอายุกว่า 226 ปี เท่ากับพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ จึงประกอบด้วยวังร่วมคือ วังท่าพระ วังหน้าพระลาน – เรื่องลี้ลับในศิลปากรจึงมีมากมาย อาทิ ท้องพระโรงทรงงานในรัชกาลที่ 3 ที่ผูกด้วยผ้าสีแดง ใครที่อยู่ศิลปากร-วังท่าพระ จะทราบกันดีหรือแม้แต่พระตำหนักพรรณรายที่ประทับพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 3 และพระพี่นางเธอในรัชกาลที่ 5 เล่ากันว่ายามค่ำคืน จะเห็นเงาและเสียงคนคุยกัน
02. คณะจิตรกรรมฯ มีหุ่นโครงกระดูกอาจารย์ใหญ่ที่ชาวจิตรกรรมฯ ให้ความเคารพ ขณะที่สมัยก่อนในวังท่าพระมีโรงเก็บเครื่องประกอบพิธีพระศพเก่า แต่ปัจจุบันตึกจิดกได้สร้างทับไปแล้ว ด้านตึกโบราณคดีก็ยังมีข่าวลืมเรื่องวิญญาณสาวชาววังที่ยังวนเวียนอยู่
03. ส่วนเรื่องลี้ลับที่ดังที่สุดในวังท่าพระ คงหนีไม่พ้นเรื่องเล่านี้ ที่คอนเฟิร์มจากหลายๆ ปาก หลายรุ่นของพี่ๆ ที่ว่าคนภายนอกคนไหนที่มาเข้าห้องน้ำของศิลปากรวังท่าพระยามค่ำคืน มักจะเห็นเป็นชายร่างใหญ่-หญิงผมยาวเดินสวนไปและหายไปในกำแพง ย้ำว่าเกิดกับคนภายนอกเท่านั้น
04. วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ (ทับแก้ว)-นครปฐม เดิมเป็นพระราชวังในรัชกาลที่ 6 ต่อมาปล่อยทิ้งร้างไป ปัจจุบันในเขตมหาวิทยาลัยยังพบเห็นสิ่งปลูกสร้าง ทั้งคูน้ำ พระที่นั่ง พระตำหนัก ศาลาต่างๆ ทั่วมหาวิทยาลัย พระราชวังสนามจันทร์เห็นเล่าๆ กันว่า ผีดุ… แต่ในประวัติศาสตร์แล้ว ไม่ได้มีการสิ้นพระชนม์ของเจ้านายพระองค์ใดในพระราชวังแห่งนี้ แต่ข้าราชบริพารไม่ทราบ (คงมีบ้าง) – บริเวณลานทรงพล-คณะอักษรศาสตร์ เคยเป็นสถานที่จัดการประหารนักโทษแผ่นดิน ดังนั้นเหล่าวิญญาณนักโทษก็อาจจะมีและยังคงวนเวียนอยู่เป็นธรรมดา แต่แปลกอยู่เรื่องหนึ่งทั้งวังท่าพระและทับแก้ว อาจารย์-นักศึกษาและข้าราชการของศิลปากรจะไม่ค่อยเจออะไร จนหลายคนเชื่อว่ามีท่านเหล่านั้นคอยดูแลคุ้มครองอยู่
05. เขาว่ากันว่าห้ามเด็ดหรือเก็บดอกไม้ใน ม. ไม่งั้นเจ้าของเขาจะมาทวงคืน
06. หอเพชร 6 เป็นหอเดียวที่สร้างเป็นรูปตัว Z และห้องที่อยู่ตรงกับศาลพระภูมิเจอผีประจำ
07. ว่ากันว่าภาควิชาจุลฯ วิด 1 ชั้น 7-8 ผีดุมากๆ เจอกันทุกรุ่น
08. มีเรื่องเล่าขานของหอหญิง 3 และ 4 ว่า สร้างทับคุกเก่า เคยมีแม่บ้านหอ 4 เล่าว่า ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน
09. หอเพชรรัตน์-หอเก่าแก่ในมหาวิทยาลัย ที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมีนักศึกษานอนอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียง คนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษาคนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป
10. ว่ากันว่่าที่ลานทรงพล เคยมีคนเห็นแบบว่ารำกันออกมาเลยทีเดียว
11. หอทับแก้วหนึ่ง (หอชาย) มีคนได้ยินเสียงเหมือนคนเอาเหล็กมาลากประตูดังแกรกๆ แต่ว่ามันดังมาจากในตู้ !!!
มหาวิทยาลัยมหิดล-ศาลายา
01. ที่มาของชื่อ "ศาลายา" – เชื่อกันว่าชื่อ "ศาลายา" นี้มาจากในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้เกิดโรคระบาดหรือโรคห่าลง เด็ก ผู้ใหญ่ ฯลฯ ผู้คนมากมายนอนตายทับถมเป็นกองสูง ศพที่ไม่ได้นำไปเผาก็ถูกทิ้งให้แร้งจิกกินเป็นที่น่าสังเวช เช่นเดียวกับประตูผีที่วัดสระเกศ บริเวณภูเขาทองในปัจจุบัน ทางการจึงตั้งศาลาแห่งหนึ่งไว้เพื่อส่งมอบยาแก่ชาวบ้าน ต่อมาจึงเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "ศาลายา"
02. เพลงรักน้อง "เจ้านกน้อย ล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม…" – นั่นคือเนื้อเพลงรักน้องหรือเจ้านกน้อยอย่างที่ใครหลายๆ คนพูดจนชินปาก เพลงอาถรรพ์ของชาวศาลายา มีเรื่องเล่ากันว่านักศึกษาพยาบาลคนหนึ่งถูกผู้เป็นพ่อแม่บังคับให้เรียนใน สายที่ไม่เต็มใจ ด้วยความเสียใจกอปรกับคิดว่าไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว นักศึกษาพยาบาลคนนั้นจึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอพักและเขียนข้อความสั้นๆ นี้ไว้ แล้วทิ้งร่างลงมาสู่พื้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เพลงรักน้อง จึงเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกความระลึกถึงนักศึกษาพยาบาลคนนั้น ชาวศาลายาจะถือกันว่า เพลงนี้ห้ามร้องในเวลากลางคืนและถ้าใครคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาแล้ว ต้องร้องต่อจนจบเพลง มิฉะนั้นจะเท่ากับเป็นการเรียกนักศึกษาพยาบาลคนนั้นจากพื้นดินมาสู่เจ้าของ เสียง ในบางครั้งก็ปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นน้องที่เข้าใหม่เห็นในลักษณะกระโดดลง จากดาดฟ้าหอพัก เมื่อนักศึกษาคนนั้นตั้งสติได้และเรียกให้คนมาช่วย พอไปถึงจุดเกิดเหตุกลับปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยใดๆ อยู่เลย
03. SI วันมหิดล เตียง C – อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกล่าวถึงนักศึกษาคณะแพทย์ศิริราช (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆ ว่า SI) ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียนหอพักในวันนี้ของทุกๆ ปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือดและร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆ ของความเฮี้ยนสุดยอดในวิทยาเขตศาลายา นักศึกษาแพทย์คนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัย อาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รู้ตัวว่าได้เสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว ห้องพักดังกล่าวที่นักศึกษาแพทย์คนนี้อาศัยอยู่กลายเป็นห้องถูกปิดตาย ทราบแต่เพียงว่า เตียง C ของนัก ศึกษา SI ในคืนวันมหิดลเท่านั้นที่จะพบเห็นเค้าได้ ถ้าอยากทราบว่าความเฮี้ยนนั้นขนาดไหน? ก็ลองสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในคืนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่สนุกปากขนาดไหนก็ตาม
04. เชือกในห้องน้ำ – เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ไม่นานประมาณปีกว่าๆ มีข่าวแพร่สะพัดตามหอพักว่า ช่วงปิดเทอมเดือนตุลา แม่บ้านคนหนึ่งได้ผูกคอตายในห้องน้ำชาย ห้องดังกล่าวได้ถูกปิดตายไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่หอพักแก้ต่างเป็นพัลวันว่า "ห้องน้ำเสีย" นักศึกษาชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำนั้น มักได้ยินเสียงร้องไห้ระงมจากประตูเจ้ากรรมเสมอๆ เมื่อมองผ่านจากหอตรงข้าม มีคนสังเกตว่าบริเวณขื่อมีเชือกผูกอยู่จริง แม่บ้านที่ทำความสะอาดประจำชั้นนั้นก็หายหน้าหายตาไป เจ้าหน้าที่หอก็ชี้แจงต่อข่าวลือน้ำขุ่นๆว่า "เค้ากลับต่างจังหวัด" ในปัจจุบันห้องน้ำดังกล่าวได้เปิดใช้งานตามปกติแล้ว ถ้าเข้าไปแล้วเห็นแม่บ้านผิวดำผมหยักศกยิ้มให้ ก็อย่าลืมยิ้มตอบหล่อนด้วย คุณคือผู้โชคดีแล้ว
05. ผีถ้วยแก้ว – ขอยกเรื่องเล็กๆ ให้ฟังพอหอมปากหอมคอละกัน ก็มีอยู่ว่า …นักศึกษากลุ่มหนึ่งได้เล่นผีถ้วยแก้วในบริเวณหอพัก ทีนี้เมื่อเล่นจบก็ถกเถียงกันว่า ใครเป็นคนดันแก้ว เมื่อไม่มีข้อสรุปและด้วยความไม่เชื่อในเรื่องผีสางทั้งหมดก็เดินออกไปหน้า ม. เพื่อหาข้าวกิน เพื่อนต่างคณะที่นั่งรถแท็กซี่เข้ามาได้สวนกับนักศึกษากลุ่มนั้นพอดี ภาพที่เห็นก็คือ ชายแก่คนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณศาลใกล้คณะอินเตอร์และได้ยกมือชี้ร้องไล่ ให้ผู้หญิงในกลุ่มออกไป แต่ทุกคนกลับไม่มีใครใส่ใจ เมื่อมาถึงหอนักศึกษาคนหนึ่งก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า "นี่ เมื่อกี๊เล่นผีถ้วยแก้ว มันบอกว่าเป็นผู้หญิงว่ะ อย่าให้กูจับได้นะว่าใครเป็นคนดัน" เพื่อนก็รีบเล่าเรื่องที่ชายแก่ไล่หญิงสาวในกลุ่มให้ฟัง ทุกคนก็ยืนยันว่ามีแต่ผู้ชายล้วนๆ ชายแก่คนดังกล่าวอาจเป็นวิญญาณเจ้าที่เจ้าทางที่รู้จักกันในนาม "พ่อปู่จันธูป" หรือ "เจ้าขุนทุ่ง" ส่วนผู้หญิงคนดังกล่าว จะเป็นคนเดียวกับในถ้วยหรือเปล่า? โฮะๆ คิดเอาเอง
06. เรือนไทย – เรือนไทยเป็นเรือนสีแดงสดตั้งอยู่ตรงข้ามตึกวิทย์เก่า เดินเข้ามาไม่ไกลก็จะพบได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสวยงามและอากาศเย็นสบาย ทำให้เรือนไทยกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม นักศึกษาหลายกลุ่มมานั่งติวหนังสือกันที่นี่ และบางกลุ่มก็ใช้เป็นที่พลอดรักกันอย่างน่าอิจฉา เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือนไทยมีมากมาย เพราะความคลุมเครือในที่มาของเรือนไทยโบราณหลังนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน นักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปอ่านหนังสือบริเวณเรือนไทย เวลาผ่านไปจนเริ่มเย็น ขณะนักศึกษาคนนั้นเก็บของเตรียมตัวกลับไปหอพักก็เหลือบไปเห็นเส้นสีดำๆ คล้ายผมของใครบางคนปลิวไสวอยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่า เส้นผมที่ว่านั่น …เป็นเส้นผมของผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณ และกำลังห้อยหัวลงมาจากเสาเรือน ปากยิ้มแสยะเห็นฟันดำขลับ นักศึกษาคนนั้นกรีดร้องและเป็นลมทันที พี่ยามได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือ-ทำการปฐมพยาบาล รุ่นพี่เล่าต่อๆ กันมาว่าเสาต้นหนึ่งในเรือนไทยตกน้ำมันได้ ถ้าคุณไม่เชื่อเกี่ยวกับ "ความแรง" ของที่นี่ มีเรื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าที่เรือนไทยนี้อากาศเย็นสะท้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะฤดูอะไรและวันนั้นแดดจะแรงขนาดไหนก็ตาม
07. หอชาย – เชื่อหรือไม่ ? ในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เป็นหอหญิงมาก่อน บางคนอยู่มาเป็นปีๆ ไม่เคยจะรู้ ไม่เคยจะใส่ใจกับความเป็นมาตรงนี้เลย หอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ 10) ก็มีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวนมากที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพักเรื่อง ผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆ ที่จะพบได้ก็คือ 1. บันไดหนีไฟ ใครที่ชอบเดินทางนี้บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชนหรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง 2. ทางเชื่อมระหว่างหอ เมื่อมองจากระเบียงหรือด้านล่างของหอ นี่คือสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน โถฉี่ในหอพักหญิงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี แต่อย่าหวังคำตอบจากเจ้าหน้าที่หอเกี่ยวกับสาเหตุที่ย้ายมา เพราะต่อให้ตาย "…เค้าก็ไม่ตอบคุณหรอก"
08. คอนโด C ห้อง xxxx – คอนโดบริเวณประตูสามจะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษา แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโด C ซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์และปะไว้ที่หน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี
ประวัติของห้องนี้ก็มีอยู่ว่า ช่วงปิดเทอมเมื่อ 4-5 ปีก่อนมีเด็กอินเตอร์คนหนึ่งกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบ ศพมันก็อืด เน่า เฟะ เละจนแทบจำไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นผู้หญิงอยู่ปี 2 น้อยใจแฟนก็เลยประชดด้วยการลาโลก พองานศพเสร็จ เพื่อนๆ ทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตกกลางคืนมักได้ยินเสียงเปิดก๊อกในห้องน้ำ บางครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆ ที่ไม่มีใคร แต่นั่น …ไม่ร้ายแรงเท่านักศึกษาบางคนที่กำลังนอนหลับ เหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาบวมปูดเหมือนศพ จับขาและกระชากลงจากเตียง เพื่อนที่เคยไปอาศัยอยู่ในห้องเจ้าปัญหา การันตีความเฮี้ยนระดับห้าดาว !!! รูมเมทบางคนมองเห็นผู้หญิงเดินไปเดินมาในเวลากลางคืนและมักได้ยินเสียง ร้องไห้ปนโกรธแค้นที่ถูกทอดทิ้ง หลายคนก็ถูกผีอำจนอยู่ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า-ข้าวของเปิดปิด เคลื่อนที่ได้เองอย่างน่าสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ฮอตสุดๆ และเฮี้ยนสุดๆ ในรั้วศาลายา
09. ตู้ผี – ฟังชื่อแล้วต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังผีเกาหลีเกรดบี แต่นี่คือเรื่องจริงของนักศึกษาดวงซวยสุดๆ ในคืนวันมหิดล เมื่อสองปีก่อน
ช่วงสอบกลางภาคตรงกับวันมหิดลพอดี นักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ภายในห้องพัก กำลังจะไขกุญแจตู้เสื้อผ้าไปอาบน้ำ เครียดก็เครียด อ่านก็ไม่ทัน ไหนจะไม่ค่อยรู้เรื่องอีก ความซวยก็เข้าเยือนต่อทันที ขณะเดียวกันเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากข้างใน คว้าท่อนแขนนักศึกษาโชคร้ายและพยายามดึงเข้าไปในตู้ เท่านั้นแหละ …เสียงกรี๊ดดังลั่นมาถึงหอชาย เพื่อนร่วมห้องได้ยินก็กระวีกระวาดมาดู เห็นเจ้าหล่อนเป็นลมนอนฟุบอยู่กับพื้นห้อง จึงโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่หอให้รับตัวไปโรงพยาบาลทันที สอบถามจากเจ้าหน้าที่หอพักก็ตีหน้าซื่อ แก้ตัวกับเหตุการณ์นี้ว่า "สงสัยเค้าจะเครียดมากไป" เป็นอันว่าเรื่องสยองในคืนวันมหิดลก็ยังเป็นปริศนาต่อไป
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
01. ที่วิทยาเขตกำแพงแสน-หอพักนักศึกษา มีหอหนึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวนและห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน และที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษาคนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
02. ที่วิทยาเขตศรีราชา ตรงประตู 1 มีคนเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนดึกๆ ห้ามขับรถไปตรงนั้น เพราะมีรุ่นพี่จะมาเอาวิญญาณไปอีก 4 ดวง (แต่เค้าเอาเฉพาะคนหน้าตาดีน่ะ)
03. ที่วิทยาเขตศรีราชา ห้องน้ำที่ตึก EnG ไม่มีกระจก เพราะว่ามีคนเห็นสิ่งลึกลับบ่อยมาก จนต้องเอากระจกออก ส่วนหอในตึก 3-4 เฮี้ยนมาก เคยมีคนเห็นบ่อยๆ เพราะเป็นป่าช้าเก่า
04. ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาขี่มอไซด์เข้า-ออกนอก ม. ตอนกลางคืน พยายามอย่ามองตรงต้นนนทรีข้างทางมากนะ ถ้าไม่อยากเห็นใครก็ไม่รู้มากวักมือเรียก ได้ข่าวมาว่านนทรีแทบทุกต้นมีประวัติ
05. ที่วิทยาเขตกำแพงแสน ใต้ตึกปฐพี เคยเจอนิสิตเป็นกลุ่มเลยมาซ้อมลีด แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เจอแล้ว แล้วตกลงที่เห็นก็ไม่รู้ว่าใคร (ประสบการณ์ตรง)
06. ที่วิทยาเขตกำแพงแสน เวลาซ้อมสตาฟเชียร์ของคณะช่วงซัมเมอร์ ให้ระวังจะมีใครก็ไม่รู้มานั่งฟังด้วย
07. หอใน (หญิง) แต่ก่อนกระจกเดิมตรงบันไดทางขึ้น (ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว) จะมีเงาคนวูบวาบเสมอๆ บางครั้งยืนแปรงฟันอยู่ที่อ่างล้างหน้า-หน้าห้อง เงยหน้าขึ้นมาก็มีผีทหารยืนอยู่ข้างหลัง …
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง
01. เรื่องเล่าเกี่ยวกับศาลเจ้าที่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำหญิงตึกวิศวะฯ จะมีดอกไม้ธูปเทียนและน้ำแดงอยู่ด้วยเสมอ คนเก่าๆ จะรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี เป็นเรื่องของนักศึกษาสาวสถาปัตยฯ  อก หักจากหนุ่มวิศวะฯ จึงไปผูกคอตายที่ห้องน้ำดังกล่าว ปัจจุบันเป็นแหล่งลองของชั้นดีของผู้ที่ต้องการลองของ เพราะมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ใครอยู่รุ่นแรกก็จะได้เห็นรูปของเธอผู้นี้ในศาลด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ศาลยังคงมีอยู่ ที่สำคัญห้องน้ำตรงนั้นยังเปิดใช้อยู่…
02. หลีกเลี่ยงสถานีพระจอมฯ ตอนกลางคืนให้ดีๆ ได้ข่าวมาว่าถ้าไปยืนร้องเพลงเชียร์คนเดียวสักพักจะมีคนมาร้องต่อให้ !!!
03. สถานที่เกิดเหตุ ชั้น 5 ตึกวิดเก่า ซื่งคณะวิดยาลาดกระบังนั้นจะแบ่งห้องภาควิชาตามชั้นของตึกต่างๆ โดยที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นของภาคเคมี ในคืนหนึ่งตามปรกติก็จะมีนักศึกษา ป.ตรี-ป.โท ทำโปรเจ็คอยู่ในห้องกันถึงตี 1 ตี 2 เหรอถึงเช้าก็มี มีอยู่วันหนึ่งมีนักศึกษา ป.โท ทำการทดลองอยู่แล้วเกิดผิดพลาดห้องทดลองระเบิด (จริงๆ ระเบิดไฟไหม้ทั้งห้อง ยังมีร่องรอยเหลืออยู่) โดนนักศึกษาผู้โชคร้ายตาย โดยโดนไฟคลอกทั้งตัว ต่อมาก็มีนักศึกษาที่ทำงานดึกๆ พบเห็นนักศึกษาคนนั้นมาวนเวียนอยู่ในห้องและทำการทดลองต่อไปเป็นประจำ จนทุกวันนี้ชั้น 5 ตึกวิดเก่า หลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไปแทบที่จะไม่มีใครกล้าขึ้นไปทำงานอีกแล้ว และดีไม่ดีเราอาจจะได้เห็นคนทำแลปดึกๆ ทั้งๆ ที่ไฟยังปิดอยู่ที่ชั้นแล้วเค้าก็โบกมือให้เราเห็นด้วย
ปล.. แต่ถ้าเห็นจากชั้น 3 ไม่ต้องกลัว เพราะเป็นของภาคฟิสิกส์ทำงานข้ามวันข้ามคืนเป็นปรกติ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
01. บริเวณป่ารกข้างหอ 9 หลัง เป็นจุดที่ไม่มีใครผ่าน มีเรื่องเล่าว่า เคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้มาก่อน ทำให้บางคืนหากมีใครขับรถผ่านมา จู่ๆ รถก็จะกระตุกแล้วก็หยุดไปเลย เหมือนมีใครดึงรถอยู่ข้างหลัง เมื่อหันไปดูจะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้ >>> พึ่งเคยได้ยิน
02. "สะพานขาว" เป็นสะพานยาวๆ ข้างสระพลาสติก มีเจ้าที่ชื่อ "เจ๊ขาว" เป็นผู้หญิงผมยาวๆ ใส่ชุดสีขาว เจ๊แกชอบออกมาทักทายเด็กที่ขับมอไซด์ผ่านสะพานตอนดึกๆ >>> ได้ยินตั้งแต่เข้ามาปี 1 … แต่ชื่อนี่ไม่แน่ใจ !?
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
01. สถานที่เกิดเหตุ : ลานจอดรถยนต์เก่าและป่าละเมาะ – ลานจอดรถยนต์ข้างศูนย์บรรณาสาร (หอสมุด) นี้ ว่ากันว่าเป็นแดนประหารเก่าและว่ากันมาว่ามีพนักงานรักษาความปลอดภัยกะดึกคน หนึ่งเคยเห็นผีคอขาดเดินลากโซ่เสียงดังเกรียวกราวไปมา
02. เหมือนกับทุกมหา’ลัย โดยเฉพาะหอหญิงจะมีเรื่องเล่าและตำนานที่ไม่รู้สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยไหน อย่างเรื่อง "ผีอำ" หอหญิงจะมีบ่อยมาก
03. หอหญิงที่เฮี้ยนๆ ในระดับตำนาน เช่น S2 เรื่องผีชุดไทยโบราณ, ชุดตะเบงมาน วิ่งทะลุ 3 ห้อง ว่ากันว่าต้องนิมนต์หลวงพ่อคูณมาเหยียบถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอีก หรือจะเป็นผีเด็กที่ S4 ที่ว่าอาบน้ำอยู่ดีๆ แล้วมีเด็กมาเล่นน้ำ
04. หอหญิงที่เป็นข่าวดังที่สุดคือ S15 โซนต้นโพธิ์ จากการที่เด็กนักเรียน รด. มาพักแล้วพากันเล่นพิเรนบริเวณต้นโพธิ์และเกิดอาการคลุ้มคลั่งไปตามๆ กัน ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่า เป็นความบกพร่องทางประสาทชนิดติดต่อ เนื่องจากการฝึกหนักในช่วงกลางวัน
05. สวนหย่อม ป่าไผ่สีทอง ข้างๆ ฟาร์มมหา’ลัย ที่นี่ "เขา" ชอบหยอกล้อคนขับรถคนเดียว โดยรถคันอื่นจะเห็นว่า เรามีเพื่อนซ้อนมาข้างหลังด้วย !!!
06. บริเวณลานย่าโมและต้นไม้ใหญ่ระหว่างทางไปอาคาร A (อาคารบริหาร) กับอาคาร C (อาคารวิชาการ) ซึ่งต้องทำถนนอ้อมต้นไม้ต้นนั้น เป็นถนนจุดเดียวในมหา’ลัย ที่ต้องอ้อมสิ่งกีดขวาง จุดอื่นพี่แกฟันเหี้ยนไม่เหลือ
07. สุรนิทัศน์ หรือ แอมฟิเธียเตอร์ สถาปัตยกรรมที่มีเส้นลวดขึงเป็นองค์ประกอบ เรื่องเล่าที่จุดนี้คือจะเห็นสิ่งซึ่งคล้ายคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนเส้นลวด
สรุปแล้วพื้นที่ของมหา’ลัย 7200 ไร่นั้น ในอดีตเป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ ว่ากันว่าถูกใช้เป็นสถานที่ฆาตกรรมที่ขึ้นชื่อของโคราช อีกทั้งยังเป็นทางรบสมัยท้าวสุรนารีอีกด้วย จึงทำให้มีเรื่องเล่ามากเป็นพิเศษ บริเวณน่ากลัวทุกๆ จุดข้างบน จะมีรปภ. ไปตรวจอยู่เสมอ และมักรายงานกลับไปยังหน่วยว่า "เหตุการณ์สงบ … พบหนึ่งคู่ (หรือมากกว่า)
มหาวิทยาลัยบูรพา
01. ตึก SD มีลิฟต์ตัวนึงมีผีด้วย คือลิฟท์จะเปิดเอง แล้วถ้าลิฟท์เปิดเอง ให้หลีกทางให้เขาเข้ามาด้วย แต่ถ้าขี้เกียจให้บอกว่า "เต็มแล้ว … รอไปเที่ยวหน้านะคะ" จะได้ผลพอๆ กัน
02. หอ 3 (หอชาย) ห้อง 306 พี่หอบอกว่ามีคนผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า
03. หอ 14 (หอหญิง) ห้อง 303 เคยมีคนเล่นผีถ้วยแก้วแล้วโดนผีสิง
04. ตึก

#Urban #Legend: #ตำนานพื้นบ้าน #Episode #3
solo1150
นักแสดงรับเชิญ
สมาชิก VIP
27 พ.ย. 54 เวลา 23:46 1,880
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...