ครบรอบ10ปีเหตุการณ์11กันยา ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นใน 'วันช็อกโลก'

 

ภาพจากแฟ้มที่ถ่ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 แสดงให้เห็นผู้คนแตกตื่นหลบหนีให้ห่างอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก ซึ่งกำลังพังครืน ภายหลังถูกพุ่งชนโดยเครื่องบินโดยสารที่พวกผู้ก่อการร้ายจี้บังคับมาและเกิดไฟไหม้หนัก

       เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - คนอเมริกันยังกำลังรับประทานอาหารเช้าก่อนออกจากบ้านไปทำงานในวันที่ 11 กันยายน 2001 เมื่อตอนที่พวกผู้ก่อการร้ายทยอยกันเข้าไปรับบัตรขึ้นเครื่องบิน (บอร์ดดิ้งการ์ด)อย่างใจเย็น เพื่อขึ้นเที่ยวบินที่พวกเขาจะจี้และนำเข้าพุ่งชนอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก และอาคารเพนตากอนในกรุงวอชิงตัน หลังจากเหตุการณ์วินาศกรรมช็อกผู้คนทั่วพิภพในวันนั้น โลกของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในวาระครบรอบ 10 ปีของการโจมตีสยองขวัญดังกล่าว มาทบทวนกันอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันที่เรียกขานกันอย่างย่อว่า 9/11

       เริ่มตั้งแต่เช้ามืดเวลา ตี 5.45 น. โมฮัมเหม็ด อัตตา และ อับดุลอาซิซ อัล-โอมารี 2 คนร้ายจี้เครื่องบินเดินผ่านกระบวนการรักษาความปลอดภัย ณ สนามบินพอร์ตแลนด์ ในมลรัฐเมน เพื่อจับเครื่องบินไปยังเมืองบอสตัน ที่นั่นพวกเขาจะเดินทางต่อกับเครื่องบินสายการบินอเมริกันแอร์ไลนส์ เที่ยวบิน 11 มุ่งหน้าสู่นครลอสแองเจลีส
       
       ในช่วงเวลา 90 นาทีถัดจากนั้น นักจี้เครื่องบินอีก 17 คนต่างทยอยกันผ่านด่านรักษาความปลอดภัยและขึ้นเที่ยวบินของพวกเขา โดยที่ต่างก็มีมีดหรือคัตเตอร์ตัดกล่องกระดาษเป็นอาวุธ และสามารถผ่านกระบวนการตรวจตราต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
       
       เที่ยวบิน 11 ของอเมริกันแอร์ไลนส์ ขึ้นบินในเวลา 7.59 น. ล่าช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเอง ก็มีการเปิดการประชุมที่จัดขึ้นในบาร์ “วินโดวส์ ออน เดอะ เวิลด์” ณ ชั้นบนสุดของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก
       
       ต่อจากนั้นภายใน 20 นาทีถัดมา เที่ยวบิน 175 ของยูไนเต็ดแอร์ไลนส์ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ติดตามด้วยเที่ยวบิน 77 ของอเมริกันแอร์ไลนส์ ซึ่งออกจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศดัลเลส ในกรุงวอชิงตัน มุ่งสู่ลอสแองเจลีส ในเวลา 8.42 น. เที่ยวบิน 93 ของยูไนเต็ดแอร์ไลนส์ก็ออกจากเนวาร์ก หลังเสียเวลาล่าช้าอยู่นาน
       
       ขณะที่เครื่องบินซึ่งกลายเป็นกับดักมรณะทั้ง 4 ลำเริ่มการเดินทางนั้นเอง โลกภายนอกก็เริ่มได้ระแคะระคายเป็นครั้งแรกว่ากำลังจะเกิดเหตุอะไรขึ้น
       
       เมื่อถึงเวลา 8.19 น. พนักงานต้อนรับ 2 คนในเที่ยวบิน 11 ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศว่า เครื่องบินเที่ยวนี้น่าจะกำลังถูกคนร้ายจี้ยึดไปแล้ว
       
       ไม่นานต่อมาเอฟบีไอก็ได้รับแจ้งเหตุ และในเวลา 8.37 น. ฝ่ายทหารได้ส่งเครื่องบินขับไล่หลายลำออกติดตามเที่ยวบิน 11 ทว่ามันสายไปเสียแล้ว ในเวลา 8.46 น. เที่ยวบิน 11 ได้บินพุ่งเข้าทะลวงชั้นบนๆ อาคารด้านเหนือ ของอาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
       
       ขณะที่เปลวเพลิงและควันดำคลุ้งโขมงออกจากอาคารดังกล่าว ผู้คนในอาคารด้านใต้ของอาคารแฝด ได้รับคำแนะนำให้อยู่กับที่รอดูเหตุการณ์ไปก่อน จากนั้นในเวลา 9.02 น. จึงมีการเปลี่ยนคำแนะนำ และมีการออกประกาศว่า “ท่านน่าที่จะเริ่มการอพยพออกจากอาคารอย่างเป็นระเบียบได้แล้ว”
       
       ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิง ต่างยกโขยงแข่งขันกันไปยังตอนล่างของแมนฮัตตัน โดยที่แทบไม่รู้เลยว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์ร้ายแรงขนาดไหน
       
       อีก 1 นาทีต่อมา คือในเวลา 9.03 น. เที่ยวบิน 175 พุ่งเข้าชนชั้น 77 ถึงชั้น 85 ของอาคารด้านใต้
       
       ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งกำลังไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในมลรัฐฟลอริดา ได้รับแจ้งเหตุการพุ่งชนครั้งแรกแล้ว โดยในตอนนั้นผู้คนจำนวนมากยังคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
       
       ประธานาธิบดีสหรัฐฯกำลังนั่งอ่านหนังสือเรื่อง “The Pet Goat” ให้เด็กๆ ฟัง ตอนที่เครื่องบินลำที่สองพุ่งชนอาคาร เวลา 9.05 น. แอนดริว คาร์ด ประธานคณะเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวได้ก้มตัวกระซิบกระซาบที่หูข้างขวาของบุช บอกว่า “อเมริกากำลังถูกโจมตี”
       
       ขณะที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิงตลอดจนเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุฉุกเฉินด่านแรกอื่นๆ จำนวนเป็นพันๆ คนเร่งรีบไปยังอาคารแฝดที่ไฟกำลังลุกไหม้หนัก และพนักงานออฟฟิศจำนวนเป็นพันๆ เช่นกันก็พากันหลั่งไหลหลบหนีออกมานั้น รองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ ก็ถูกอยพพออกจากสำนักงานในทำเนียบขาวของเขา เข้าไปอยู่ในบังเกอร์
       
       อีก 1 นาทีต่อมา ในเวลา 9.37 น. เที่ยวบิน 77 พุ่งเข้าชนส่วนหน้าอาคารด้านตะวันตกของตึกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) “ตอนแรกผมคิดว่าผมทำให้เครื่องแฟกซ์ระเบิดเสียแล้ว แต่แล้วผมก็รู้สึกตัวว่าไม่ใช่ผมหรอก ผมได้กลิ่นน้ำมันเครื่องบินไอพ่น” นักบัญชีผู้หนึ่งในอาคารดังกล่าว เล่าทบทวน
       
       เวลา 9.42 น. ทุกๆ เที่ยวบินที่บินอยู่ในน่านฟ้าสหรัฐฯถูกสั่งให้ลงจอดทั้งหมด และอีก 3 นาทีต่อมา ทำเนียบขาวและรัฐสภาก็ถูกสั่งอพยพ
       
       มีผู้ที่ติดอยู่ชั้นบนๆ ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่รู้จะช่วยตนเองอย่างไรแล้ว ตัดสินใจกระโจนออกจากอาคาร ขณะที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้ามองดูความตื่นตระหนก
       
       หลายๆ คนเชื่อว่าเครื่องบินลำที่ 4 ซึ่งถูกจี้ ซึ่งก็คือ เที่ยวบิน 93 ผู้ก่อการร้ายตั้งใจบินเข้ามาก่อเหตุในเขตกรุงวอชิงตัน อย่างไรก็ตาม มีผู้โดยสารบางคนในเที่ยวบินดังกล่าวทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น จากการพูดคุยโทรศัพท์กับผู้คนข้างนอก
       
       “พยายามรวมกำลังกับคนอื่นๆ และทำให้ดีที่สุดเพื่อคุมเครื่องบินเอาไว้ให้ได้” มารดาของผู้โดยสาร มาร์ก บิงแฮม บอกกับบุตรชายของเธอ หลังเล่าข่าวอันสยดสยองให้ฟังแล้ว
       
       เวลา 9.59 น. อาคารด้านใต้ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์พังถล่มลงมา คร่าชีวิตพนักงานจำนวนหลายร้อยคนที่ยังไม่ได้ออกไป ตลอดจนเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุฉุกเฉินที่เข้ามาช่วยเหลือ
       
       เวลา 10.03 น. เที่ยวบิน 93 ตกลงในทุ่งนาที่มลรัฐเพนซิลเวเนีย ภายหลังที่พวกผู้โดยสารดูเหมือนพยายามต่อสู้เอาชนะพวกจี้เครื่องบิน
       
       อาคารด้านเหนือถล่มลงมาในเวลา 10.28 น. ปลิดชีพผู้คนถึงราว 1,400 คนภายในเวลาไม่กี่วินาที ความหายนะคราวนี้ถูกจับภาพโดยเครือข่ายโทรทัศน์ใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ และถ่ายทอดออกอากาศสดๆ ไปยังท่านผู้ชมทั่วโลกที่อยู่ในอาการตื่นตะลึง
       
       หลายๆ ชั่วโมงต่อจากนั้น ปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตอย่างขนานใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้น ณ สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอาคารแฝดในย่านโลเวอร์ แมนฮัตตัน ทว่าบัดนี้อยู่ในสภาพวิบัติย่อยยับ ยังน่ามหัศจรรย์มากที่สามารถพบและช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตจำนวน 14 คนจากใต้กองปรักหักพังของอาคารด้านเหนือ เนื่องจากได้ปล่องบันไดที่พังทลายไปบางส่วน คอยปกป้องคุ้มกันพวกเขาจากสิ่งที่พังครืนลงมา
       
       ฝุ่นผงที่ปลิวคลุ้ง, เศษซากปรักหักพัง, พระเพลิงที่ยังลุกไหม้, และทางน้ำที่แตกหักเสียหาย ทำให้เป็นเรื่องลำบากมากในการเข้าควบคุมสถานที่เกิดเหตุ ทุกๆ สองสามชั่วโมง พนักงานกู้ภัยจึงพบผู้รอดชีวิตที่อยู่กระจัดกระจายกัน
       
       เวลา 20.30 น. ประธานาธิบดีบุช กล่าวคำปราศรัยต่อประชาชนทั่วประเทศ ประกาศสิ่งที่เขาเรียกว่า “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย”

 

เป็นอีกเรื่องที่เศร้าที่สุดในรอบ 10 ปี

 

ขอบคุณที่รับชมค่ะ^^~

7 ก.ย. 54 เวลา 01:59 3,337 2 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...