มรสุมการเมืองลูกใหม่เริ่ม 'ตั้งเค้า'

 

 

 

 

 

 

มรสุมการเมืองลูกใหม่เริ่ม 'ตั้งเค้า'

เมื่อรัฐบาล 'ยิ่งลักษณ์' หาเรื่องใส่ตัว

 

 

ตามกำหนดการ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคมที่จะถึงนี้  แต่ดูเหมือนการเริ่มต้นของรัฐบาลตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นลักษณะที่เรียกว่า ’หาเรื่องใส่ตัว“ ซะมากกว่าถูกคู่กรณีทางการเมืองอย่างพรรคฝ่ายค้าน ’ตามขุดคุ้ย“
   
นอกจากแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ’สัญญาหน้าฝน“ ไว้เมื่อครั้งรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งจะถูกตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ ถูกตั้งคำถามถึงระยะเวลาเพื่อให้สัญญาเหล่านั้นเกิดผลเป็น ’รูปธรรม“ ขึ้นมาแล้ว ยังถูกถามถึงนโยบายบางอย่างว่าเป็นลักษณะของการเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายสืบสายโลหิตผู้เป็น ’ต้นแบบ“ ทางการเมือง ขณะเดียวกันก็ยังต้องเผชิญกับความต้องการของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มุ่งเดินหน้าแสวงหาความยุติธรรมให้กับ ’มวลชน“ ผ่านข้อเสนออย่างการจ่ายเงินชดเชยให้ผู้สูญเสีย 91 ศพ ศพละ 10 ล้านบาท รวมถึงข้อเสนอที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร.3 ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มิหนำซ้ำยังโดนมรสุมจากข่าวผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยที่ชื่อ วิม รุ่งวัฒนจินดา อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริหารจัดการสื่อมวลชน 3 ฉบับ
   
ทั้งหมดนี้เป็น “ความเคลื่อนไหว” ที่มีปลายทางอยู่ที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยเป็นสำคัญ ถือเป็น ’มรสุมการเมือง“ ที่ตั้งเค้าอย่างรวดเร็วกับรัฐบาลซึ่งในทาง
นิตินัยแล้วเป็น “รัฐบาลผสม” ขณะที่ในทางพฤตินัยแล้วเป็น ’รัฐบาลพรรคเดียว“ เสียงเกินกึ่งหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ
   
น่าสนใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความจงใจของพรรคเพื่อไทย เป็นความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นของมวลชนคนเสื้อแดงหรือเป็น ’สถานการณ์“ ที่ไหลมาบรรจบกันพอดี
   
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ไว้เนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 79 ช่วงหนึ่งถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไว้ว่า
   
“ผมฟังจากรัฐมนตรีบางคนเล่าให้ฟังว่าในการประชุมครม. นายกฯ พูดดี ขอให้รอดูท่านชี้แจง อย่างไรก็ตาม คิดว่านายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาชี้แจงทุกข้อให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงหรือ รมต. แต่ละด้านไปชี้แจงอย่างเช่นด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง แล้วนายกฯ ก็อาจจะสรุปรวบยอดเป็นเรื่อง ๆ ไป คนบริหารธุรกิจขนาดนี้คงไม่มีปัญหาในการโต้ตอบ นายกฯ เป็นผู้หญิงจึงอ่อนน้อมถ่อมตนนิดหน่อย ไม่เหมือนผู้ชายที่ตูมตาม”
   
ถือเป็น ’ข้อคิด“ จากนายกรัฐมนตรีคนที่ 21
   
รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก้าวขึ้นมาท่ามกลางความคาดหวังจากคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เข้ามาแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสร้างความปรองดอง พร้อม ๆ กับความไม่สมหวังจากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้จึงถือว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีเวลาและยังเป็นที่พึ่งที่หวังของคนส่วนมากอยู่
   
นี่กระมังที่เป็น ’เกราะ“ ป้องกันชั้นดีให้รัฐบาลที่มา  พร้อมกับความคาดหวังอย่างสูงยิ่ง ได้รับโอกาสในการทำงานและไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามสภาพความเป็นจริง และนี่แหละที่จะเป็น ’เกราะ“ ที่สำคัญหากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จะใช้โอกาสตรงนี้ คลายปมทางการเมืองให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
   
กรณี วีซ่ารัฐบาลญี่ปุ่น นั่นคือเรื่องแรก เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนที่ตรงกันว่า เป็นการร้องขอจากรัฐบาลตามที่โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงข่าว เป็นการทำหน้าที่ของ รมว.การต่างประเทศที่ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่แต่ทำเพื่อคนใดคนหนึ่งและการดำเนินการตามกฎหมายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเป็นนโยบายหรือไม่ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือแม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งพรรคเพื่อไทยระบุว่า จะเร่งรัดให้เสร็จภายใน 3 เดือน ก็เป็นเรื่องที่สร้างความกังขาว่า นี่ใช่เรื่องที่รัฐบาล ’สัญญา“ ไว้ว่าจะทำทันทีหรอกหรือ
   
ยิ่งความเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดง ที่แม้จะมี ’บางฝ่าย“ เห็นว่าไม่ควรเคลื่อนไหวเพราะจะกลายเป็น ’ภาระ“ กลายเป็นประเด็นไปกลบเกลื่อนความพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ดูเหมือนแกนนำบางส่วนก็ยังคงเดินหน้า ทั้งการมีข้อเสนอศพละ 10 ล้านบาท ทั้งการใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว ’แนวร่วม“ ทั้งการจัดการชุมนุมรำลึกถึงเหตุการณ์
   
หรือกรณี ’ข้อหา“ ที่กรรมการบริหารพรรคถูก ’กล่าวหา“ ว่ามีส่วนเข้าไปจัดการบริหารสื่อ
   
ทั้งหมดนี้แม้จะถูกมองว่าเป็น ’ด้านลบ“ กับรัฐบาลและทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตกเป็นเป้าทางการเมืองและอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าแก้ไขปัญหา แต่หากมองโดยดูจากประสบการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องหากจะต้องใช้เวลา เพราะตามธรรมชาติของการเป็นรัฐบาลมี ’น้อยมาก“ และเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยิ่งอยู่นานคะแนนความนิยมทางการเมืองจะยิ่งสูงขึ้น
   
ตามธรรมชาติของคนทำงาน ย่อมมีข้อตำหนิติติงเป็นธรรมดา ยิ่งทำแล้วงานไม่เข้าก็ยิ่งสร้างความเสียหายไปอีกเท่าทวีคูณ ดังนั้น การเดินทางทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มีพื้นที่ การเดินหน้าเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของมวลชนคนเสื้อแดง จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอย่างแรก พร้อม ๆ กับการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
   
เป็นการเลือกที่จะเดินไปพร้อมกัน มากกว่าการเลือกที่จะก้าวด้านหนึ่งด้านใดออกไปก่อน
   
การที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย พร้อมสรรพ ทั้งมวลชน ทั้งการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ผ่านการเลือกตั้ง ทั้งการได้เป็นรัฐบาล ถืออำนาจรัฐ และการมี ’ทุน“ สนับสนุนทางการเมืองที่มโหฬาร ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่รณรงค์เพื่อเช็กเรตติ้งการเมืองผ่านการ ’โหวตโน“ และพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ในสภาพ ’แพแตก“
   
ที่สำคัญ รัฐบาลยังไม่ได้ตอบสนองต่อ ’ความหวัง“  ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทั่วประเทศ เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ลดภาษีนิติบุคคล เริ่มโครงการรับจำนำข้าว ฯลฯ
   
รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงมีสภาพอย่างที่เห็นคือ เดินไปพร้อม ๆ กันทั้ง 2 ทางทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดง
   
แต่ ’โอกาส“ ในทางการเมืองนั้นมีเวลา แต่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้ไปอย่างพร่ำเพรื่อ
   
สภาพวันนี้จึงเหมือนกับว่ารัฐบาลกำลัง ’เล่นเกมเร็ว“ เพราะเชื่อว่า ความเปลี่ยนแปลงที่รออยู่ข้างหน้าทางการเมืองอย่างการกลับมาของคนบ้านเลขที่ 111 จะผลิกโฉมหน้ารัฐบาลอีกครั้ง

 

23 ส.ค. 54 เวลา 15:23 1,213 4 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...