เฒ่ายุ่นดีใจตามหาเมียคนไทย

 

 

 

 

 

เฒ่ายุ่นดีใจตามหาเมียคนไทย


 

จากกรณีนายซึกาย่า ทาซึซิเกะ อายุ 66 ปี ชาวจังหวัดนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น บินมายังประเทศไทย และเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.คณิต ดวงหัสดี ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ให้ช่วยตามหาภรรยาชาวไทยและบุตรชายที่เกิดในประเทศญี่ปุ่น และพากันกลับมาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งพลัดพรากจากกันประมาณ 18 ปีแล้ว

ทั้งนี้ นายซึกาย่า เล่าว่า ตนมีอาชีพทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั่วไปอยู่ในญี่ปุ่น พบกับนางละมัย ประภาคินัง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 5 ต.ดงเคิง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ที่คาราโอเกะแห่งหนึ่งในเมืองนาริตะ และได้แต่งงานกัน เมื่อประมาณปี 2531 มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ชื่อนายคังอิจิ ทาซึซิเกะ หลังจากนั้นนางละมัยได้พาลูกชายขณะนั้นอายุประมาณ 3 ขวบ เดินทางกลับมาประเทศไทยแล้วไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย นายซึกาย่าจึงขายทรัพย์สินที่รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดตามนางละมัยและลูกชายที่เมืองไทย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่สภ.เมืองขอนแก่น ร.ต.ต.มีชัย สุทธิประภา รอง สว.ทท.3 กก.3 ทท. จ.ขอนแก่น และตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่น ได้พานายซึกาย่าเข้าพบกับ พ.ต.อ.คณิต ที่กำลังสนทนากับนางละมัย สาวไทยที่นายซึกาย่ากำลังตามหาอยู่ เมื่อนายซึกาย่าและนางละมัยได้พบกันก็เข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่มาติดต่อราชการในโรงพัก

นายซึกาย่า เปิดเผยว่าเดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พักอาศัยกับเพื่อนที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และทราบว่า นางละมัย มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดขอนแก่น จึงเดินทางด้วยรถยนต์โดยสารมาที่ขอนแก่น เพื่อที่จะตามหาภรรยาและลูก โดยเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวขอนแก่นได้ดูแลและจัดหาโรงแรมที่พักในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พร้อมให้รอฟังข่าวในการติดตามตัวนางละมัย พร้อมบุตรชายใน จ.ขอนแก่น จนกระทั่งมาพบกันเหมือนฝันในวันเดียวกันนี้

ด้านนางละมัย เปิดเผยด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ได้พบอดีตสามีชาวญี่ปุ่นว่า เคยแต่งงานขณะที่เป็นวัยรุ่นกับคนไทยด้วยกันใน อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน จากนั้นตนก็ได้เลิกกับสามีคนไทยและเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ประมาณปี 2527 โดยทำงานอยู่ที่ห้องอาหารคาราโอเกะ เมืองนาริตะ ต่อมาประมาณปี 2533 ก็ได้รู้จักกับสามี ซึ่งตอนนั้นได้เลิกกับภรรยาชาวญี่ปุ่นที่มีลูกด้วยกัน 3 คน ตนได้แต่งงานกับนายซึกาย่าและอยู่กินด้วยกันประมาณ 4 ปี จนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ขณะอยู่ด้วยกันได้ต่อวีซ่าเพื่อขออยู่ในประเทศญี่ปุ่นทุกปี กระทั่งนายคังอิจิมีอายุประมาณ 2-3 ปี ไม่สามารถต่อวีซ่าให้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้ต่อไป นายซึกาย่าจึงได้แนะนำว่าให้เธอกลับมาอยู่ประเทศไทยพร้อมกับลูกชายก่อน แล้วจะตามมาอยู่ด้วยในประเทศไทย จึงได้พาลูกชายกลับประเทศไทยเมื่อประมาณ 18 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งนายซึกาย่าได้มาส่งเธอและลูกชายที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นด้วย พอมาถึงเมืองไทยเธอได้นำลูกชายไปอยู่กับยายที่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ส่วนเธอได้มาทำงานเป็นแม่บ้านบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พร้อมกับซื้อบ้านอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนนายคังอิจิได้เรียนหนังสืออยู่ใน จ.ขอนแก่น จนจบระดับ ปวช. ปัจจุบันอายุ 20 ปี

นางละมัย กล่าวต่อว่า ตั้งแต่บัดนั้นก็ตั้งตารอคอยอดีตสามีว่าจะมาหา ช่วงแรกๆ ก็ติดต่อถึงกันโดยตลอดนานถึง 2 ปี แล้วการติดต่อก็หายไป ทำให้เธอได้ตัดสินใจหวนกลับไปอยู่กับคนรักเก่า ซึ่งเป็นสามีคนไทยในปัจจุบัน และมีบุตรหญิงเพิ่มขึ้น 1 คน

นางละมัยกล่าวต่อว่า การได้พบกับอดีตสามีชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย ตนดีใจมากจนพูดอะไรไม่ถูก แต่จะหวนกลับไปอยู่กับสามีชาวญี่ปุ่นอีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ เพราะได้ตัดสินใจอยู่ประเทศไทยพร้อมกับสามีคนไทยแล้ว แต่ความรักของตนที่มีต่อนายซึกาย่าก็ยังมีเหมือนเดิม ส่วนนายคังอิจิตอนนี้เรียนสำเร็จแล้วได้ไปหางานทำกับเพื่อนๆ อยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะนายคังอิจิได้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ สำหรับลูกจะตัดสินอย่างไรจะไปอยู่กับพ่อชาวญี่ปุ่น หรืออยู่กับแม่ชาวไทยก็ได้ เขามีอยู่สองสัญชาติ ซึ่งต้องเป็นการตัดสินใจของลูก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายซึกาย่าพบกับนางละมัยแล้ว แต่ยังไม่พบกับนายคังอิจิ ที่ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นนายวรวุฒิ จำเริญชัย ก็ต้องติดตามหาตัวนายคังอิจิต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อช่วยนายซึกาย่าติดตามหานายคังอิจิลูกชายต่อไป

 

18 ส.ค. 54 เวลา 14:22 6,816 16 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...