10 อันดับข่าวเด่น Topten Thailand (กรกฎาคม 2545) Vol.1

 

 

 

 

 

10 อันดับข่าวเด่น Topten Thailand (กรกฎาคม 2545)

Vol.1  อันดับที่ 1-5

 

1.   เปิดงบซ่อม ฮ.เบลล์ 212 10 ปีใช้ 900ล้าน!

เปิดข้อมูลลึกกองทัพบก 10 ปี หมดเงินซ่อมเฮลิคอปเตอร์ 'เบลล์ 212' แล้ว 900 ล. ผ่าน 3 บ.ค้าอาวุธใหญ่ โยงคอนเนกชั่นลึก 'บิ๊กพลเอก' จากเหตุการณ์เศร้าสลดที่สะเทือนใจคนไทยทุกคน เมื่อเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ แรกเริ่มจากเฮลิคอปเตอร์แบบฮิวอี้ตกส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 5 นาย ทางกองทัพบกจึงส่งทหารอีก 8 นาย และสื่อมวลชน 1 คน ขึ้น เฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์ก แต่ก็เกิดเหตุ
ไม่คาดฝันเมื่อเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวได้ตกซ้ำอีกครั้ง เสียชีวิตยกลำ จนกระทั่งล่าสุด วันที่ 24 กรกฎาคม เฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 ได้ตกซ้ำ เหตุเพราะเครื่องขัดข้อง ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 1 ราย จากเหตุการณ์ดังกล่าวต้องมีคนถึง 17 คนที่ต้องสังเวยชีวิต เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยถึงสมรรถของเฮลิคอปเตอร์แต่ละชนิด ถึงแม้ว่าทางกองทัพจะได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็มีคำถามตามมามากมาย รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนฯ (TCIJ) ตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปี 2545 จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทางกองทัพได้ใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดหาอะไหล่ ซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์เบลล์ 212 ที่มีจำนวน 20 ลำ ไปแล้วกว่า 900 ล้านบาท ผ่าน 3 บริษัท ได้แก่...
 
1.บริษัท เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ เอเซีย (พีทีอี) จำกัดจากสิงคโปร์ จำนวน 24 ครั้ง วงเงิน 715.4 ล้านบาท (ไม่รวมจัดซื้อจัดจ้างแบบ 206 จำนวน 4 ครั้ง 16.7 ล้านบาท)

 2.บริษัท โรยัลสกาย จำกัด 1 ครั้ง วงเงิน 26.2 ล้านบาท 3.บริษัท ริชมอนด์ จำกัด 2 ครั้ง วงเงิน 160.2 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัททั้ง 3 เป็นผู้ค้าอาวุธรายใหญ่
ที่ค้าขายกับกองทัพมานาน โดย 1 ใน 3 ราย มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับอดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพยศพลเอกคนหนึ่ง บริษัท เบลล์ เฮลิคอปเตอร์
 เอเซีย (พีทีอี) จำกัด การจัดซื้อจัดจ้างชิ้นส่วน เฮลิคอปเตอร์ครั้งใหญ่ ในวันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 791 รายการ วงเงิน 369.9 บาท

ในวันที่ 11 กันยายน 2552 จำนวน 6 รายการ วงเงิน 37.5 ล้านบาท
ในวันที่ 30 กันยายน 2553 จำนวน 7 รายการ วงเงิน 36.7 ล้านบาท
บริษัท โรยัลสกาย ในวันที่ 30 มีนาคม 2552 จำนวน 1รายการ วงเงิน 26.2 ล้านบาท บริษัท ริชมอนด์ จำกัด ใน
วันที่ 18 ธันวาคม 2551 จำนวน 9 รายการ
วงเงิน 37.9 ล้านบาท ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 จำนวน 7 รายการ วงเงิน 122.36 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้นมีการใช้เงินผ่าน 3 บริษัท 918.5 ล้านบาท

 

2.   พี่ชายเจ้าหญิงนอร์เวย์เสียชีวิตเหตุกราดยิง

สำนักพระราชวังนอร์เวย์แถลง นายทรอนด์ เบิร์นต์เซน วัย 51 ปี พี่ชายต่างบิดาของเจ้าหญิงเมทเทอ-มาริท พระชายา ของเจ้าฟ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศนอร์เวย์ คือหนึ่งในเหยื่อ 86 ราย ที่ถูกกราดยิงสังหารหมู่ในค่ายยุวชนบนเกาะอูโทยา โฆษกสำนักพระราชวังนอร์เวย์ บอกกับเอ เอฟพีว่า ทรอนด์ เบิร์นสเตน วัย 51 ปี ซึ่งเป็นนายตำรวจ และเป็นพี่ชายต่างบิดาของ เจ้าหญิงเมทเทอ-มาริท พระชายา ของเจ้าฟ้าชายโฮกุน
มกุฎราชกุมารแห่งประเทศนอร์เวย์ได้เสียชีวิตในเวลานอกราชการระหว่างเหตุกราด ยิง บนเกาะอูโทย่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเขาอยู่ในกลุ่มเหยื่อ ที่ถูกนาย อันเดอร์ส เบห์ริง เบรวิค ผู้ก่อการร้ายวัย 32 กราดยิงนักเรียนที่ค่ายเยาวชนบนเกาะอูโทย่า ทั้งนี้โฆษกของสำนักพระราชวังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม แต่หนังสือพิมพ์เวอร์เดนส์กัง รายงานอ้างผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า นายเบิร์นต์เซน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในขณะเกิดเหตุนั้น
ไม่ได้เข้าเวร พาลูกชายวัย 10 ปี ของเขาไปหลบในที่ปลอดภัย ก่อนที่จะออกไปเพื่อหยุดนายเบรวิค ที่กำลังกราดยิงเหยื่อ แต่กลับโดนนาย เบรวิค
ใช้ปืนยิงเข้าใส่นาย เบิร์นต์เซน ซึ่งไม่มีอาวุธอยู่ในมือจนเสียชีวิตดังกล่าว

 

 

3.    ทบ.สรุปเหตุ ฮ.ตก จากสภาพอากาศ-เครื่องขัดข้อง


ศูนย์การบินทหารบก สรุปสาเหตุเบื้องต้นของเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำตก ที่อำเภอแก่งกระจาน ว่าเป็นอุบัติเหตุ พร้อมสั่งทุกหน่วยตรวจสอบเฮลิคอปเตอร์ในสังกัดเพื่อความปลอดภัยโดยด่วน โดยพลตรีพิทยา กระจ่างวงษ์ ผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก เปิดเผยว่า กรณีเฮลิคอปเตอร์ แบบฮิวอี้ ที่ตกเป็นลำแรกมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศและภูมิประเทศ เนื่องจากในวันที่ 16 กรกฎาคม มีทั้งเมฆ, หมอก, ฝน และลม ซึ่งสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าและภูเขา ทำให้กระแสลมแปรปรวนมีทั้งลมตีขึ้น ตีลง และลมเฉือน เมื่อนักบินพยายามนำเครื่องลงจอดที่ฐานจอดชั่วคราวบนเนิน1100 สภาพอากาศมีลักษณะปิด ๆ เปิด ๆ พอเครื่องลงเกือบถึงจุดวางตัว มีกลุ่มเมฆไหลเข้ามาปกคลุมยอดเนิน ทำให้นักบินมองไม่เห็นจุดลง จึงต้องยกตัวขึ้นเพื่อเตรียมลงจอดใหม่ เครื่องจึงไปชนภูเขา สำหรับกรณีเครื่องแบล็กคฮอว์ก ที่ตกลำที่ 2 วันที่ 19 กรกฎาคมนั้น มีสาเหตุใกล้เคียงกัน คือ
 นักบินกำลังจะลงจอดแล้วเจอสภาพอากาศปิด ๆ เปิด ๆ แบบเดียวกับ มีเมฆไหลเข้ามาคลุมยอดเนิน ทำให้นักบินมองไม่เห็นจุดลงและเกิดอาการ "หลงสภาพ" เครื่องจึงเป๋ออกจากจุดลงและตกในที่สุด และสำหรับกรณีเครื่องเบลล์ 212 ที่ตกเป็นลำที่ 3 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมได้สอบถามจากชาวบ้าน ที่เห็นเหตุการณ์ และช่างเครื่องที่รอดชีวิต ทราบว่า อุปกรณ์ควบคุมใบพัดหางเทลเตอร์ขัดข้อง จึงไม่สามารถควบคุมใบพัดหางได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าเครื่องไม่ได้ดับอย่างที่เข้าใจกันตอนแรก เพราะเครื่องตกถึงพื้นแล้วยังมีเสียงเครื่องยนต์ทำงานอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการศูนย์การบินทหารบก ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความประมาทของนักบิน หรือช่างเครื่อง เพราะนักบินทั้ง 6 คน (3 ลำ ลำละ 2 คน) ผ่านการฝึกตามมาตรฐานสากล และมาตรฐานทางทหาร ส่วนตัวเครื่องแม้จะเป็นเครื่องเก่า แต่ก็มีระบบซ่อมบำรุงตามมาตรฐานกองทัพบกสหรัฐฯ มีการตรวจเช็คตามวงรอบ
เปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ตลอด ในแต่ละวันจะมีช่างเครื่องตรวจเช็คทุกวัน ทั้งก่อนและหลังบิน แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยทางกองทัพบกได้ประสานกรมการขนส่ง ทหารบกให้ทำหนังสือแจ้งทุกหน่วยที่มีเฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ประจำการอยู่ ตรวจเช็คใบพัดหาง และอุปกรณ์ควบคุมทุกลำ หากไม่พบปัญหา หรือ
สิ่งผิดปกติก็สามารถนำขึ้นบินได้

 

 

4.    รอดตาย สายไฟช่วย! หญิงจีนป่วยจิตหลอน ตกตึก 5 ชั้น

 เอเยนซี - สุภาพสตรีจีนจิตหลอนว่าจะมีคนมาตามฆ่า วิ่งหนีทั่วจนตกตึกสูง 5 ชั้น แต่รอดตายเพราะมีแนวสายไฟชั้นสอง ขึงรองรับลดแรงกระแทกไว้ สื่อจีนรายงาน วันที่ 23 ก.ค. ว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่เขตหลู่วาน ในเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หญิงจีนวัย 29 ปีผู้นี้ (สงวนนาม) อยู่ในอาการหวาดผวา และจิตหลอน ตะโกนเสียงดังตลอดเวลาว่า "มีคนจะมาฆ่าๆ !" แม้ว่าจะไม่มีใครเข้าใกล้ ทำร้ายตัวเธอเลย เมื่อหนีภาพหลอนที่สร้างขึ้นมาเองไปจนสุดมุมตึก เธอปีนไปที่หน้าต่าง จนชาวบ้านแถวนั้นต้องพยายามที่จะช่วยพูดให้เธอคลายความหวาดกล้ว แต่ไม่เป็นผล เธอตกตึกลงมา แต่โชคดีที่หน้าต่างบานถัดลงมาชั้น 4 ที่เปิดไว้อยู่ ช่วยรับน้ำหนัก ลดระดับความเร็ว และยังได้แนวสายไฟหลายเส้นที่ชั้นสองของอาคารนี้ ขึงเปรียบเสมือนตาข่าย ทำให้เธอหล่นกระแทกลงมาถึงพื้นไม่แรงมาก และมีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในตอนที่หน่วยพยาบาลเข้าไปช่วยเหลือนำเธอส่งโรงพยาบาลนั้น เธอพอสติขึ้นมาแล้ว สามารถเรียกหาคนในครอบครัว โดยญาติคนหนึ่งของเธอ กล่าวกับสื่อว่า เธอป่วยทางจิต และอาการมักจะกำเริบขึ้นมาเสมอ โชคดีที่ครั้งนี้เธอไม่เป็นอะไรมาก

 

 

5.    “หล่อเล็ก” ลั่นบริสุทธิ์ ตั้ง “บัณฑิต” ทนายสู้ โยน ปชป.ตัดสินดันนั่งเลขาฯ

     วันนี้ (26 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถึงความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า พร้อมจะพิสูจน์ความ
บริสุทธิ์ และต่อสู้คดีในทุกกรณี โดยหลังจากนี้ได้มอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ หัวหน้าสำนักงานทนายความเสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าทีมทนายความในการต่อสู้คดีในครั้งนี้ ทั้งนี้ ขอชี้แจงใน 3 ประเด็น ประกอบไปด้วย 1.โครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเป็นโครงการที่ฝ่ายออสเตรีย ได้ยื่นขอเสนอกับรัฐบาลไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2546 และได้ดำเนินการเรื่อยมา จนได้มีการทำสัญญาซื้อรถและเรือดับเพลิง เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2547
 ตลอดจนได้มีการแจ้งให้ธนาคารกรุงไทยเปิดแอลซีตามเงื่อนไขบันทึกข้อตกลงความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทย-ออสเตรีย ในวันที่ 31 สิงหาคมปีเดียวกัน  ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ตนจะรับตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ นายอภิรักษ์กล่าวว่า 2.คดีดังกล่าวเป็น 1 ในคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลในยุคสมัยนั้น และคณะอนุกรรมการไต่สวนของ คตส.
ได้มีความเห็นว่า การดำเนินการของตนไม่ได้มีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ หรือทุจริตแต่อย่างใด นอกจากนี้ เมื่อ คตส.หมดวาระลงและ ส่งเรื่องต่อให้กับ ป.ป.ช. คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้ชี้มูลความผิดในประเด็นที่ตนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสอบสวนหาความจริงเพื่อยกเลิกขั้นตอนการเปิดแอลซีตามกฎหมายอาญามาตรา 157 เท่านั้น ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทุจริตคอร์รัปชันแต่อย่างใด 3.เมื่อถูกชี้มูลในวันที่ 11 พ.ย.51 ตน
ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.51 เพื่อแสดงความรับผิดชอบและเปิดโอกาสให้มีการสอบสวนอย่างอิสระแล้ว ส่วนคดีดังกล่าวจะส่งผลให้การถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุติลงหรือไม่นั้น นายอภิรักษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของที่ประชุมใหญ่วิสามัญที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 ส.ค.นี้ และเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคจะเสนอรายชื่อตามที่ข้อบังคับพรรคระบุ โดยจะเป็นเรื่องที่ประชุมจะลงมติรับรองเห็นชอบว่าจะ เป็นประการใด และคงเป็นคนละประเด็นเพราะคดีนี้เกี่ยวข้องในฐานะที่ตนปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯ และได้แสดงความรับผิดชอบที่จะเปิดให้มีการตรวจสอบ เมื่อถามว่า หากมีการเสนอชื่อเป็นเลขาธิการพรรคฯ จะแสดงความรับผิดชอบโดยการไม่รับตำแหน่งหรือไม่ นายอภิรักษ์กล่าวว่า เมื่อหัวหน้าพรรคที่เป็นผู้เสนอชื่อคงจะพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของที่ประชุมจะเป็นผู้ตัดสินใจ เมื่อถามย้ำว่า หากที่ประชุมเสนอชื่อก็คงจะขัดมติพรรคไม่ได้ใช่หรือไม่ นายอภิรักษ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องรอดูผลการประชุมก่อน ส่วนกรณีแผนสำรองที่มีการระบุว่าจะปล่อยให้ผู้อื่นดำรงตำแหน่งเลขาฯ ไปก่อน จนกว่าการต่อสู้คดีจะสิ้นสุดจึงค่อยกลับมารับตำแหน่งนั้นคงไม่มี เพราะกรณีดังกล่าวทราบกันมานานแล้ว และไม่ได้เพิ่งเกิด ผู้บริหารพรรคก้บได้ทราบมาตลอด มีกระบวนการตรวจสอบที่เกิดขึ้นมานาน เพียงแต่เมื่อ ป.ป.ช.มีมติสั่งฟ้องเอง ดังนั้นตนก็พร้อมจะแสดงความบริสุทธิ์ในชั้นศาลต่อไปเมื่อถามถึงบรรทัดฐานของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายอภิรักษ์กล่าวว่า ในประเด็นนี้ได้เคยแสดงสปิริตลาออกตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ แล้ว ถือว่าทำหน้าที่ในนามพรรค และเป็นเรื่องที่สังคมต้องพิจารณา เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่จะให้พ้นคดีก่อน ค่อยกลับมารับตำแหน่ง นายอภิรักษ์ กล่าวว่า จริงๆ ต้องเรียนว่ามองในทางกลับกัน ตนได้ลาออกตั้งแต่ 19 พ.ย.51 เพื่อเปิดให้มีการดำเนินคดีในชั้นศาล และมองด้วยความเป็นธรรม เมื่อคดียังไม่เป็นที่ยุติก็มักจะถูกหยิบไปกล่าวหาตลอดเวลา ทั้งที่คนุกรรมการ คตส. อัยการสูงสุดได้มีความเห็นว่า ตนดำเนินการด้วยความรอบคอบ จนมีมติสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้นต้องขอความเป็นธรรมและความเห็นใจในประเด็นนี้  “ผมมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ที่ได้ดำเนินการไป อย่างน้อยก็มี 2 หน่วยงานที่ตรวจสอบ และวินิจฉัยให้ความเชื่อมั่น แต่เนื่องจากกว่ามีการยื่นสั่งฟ้องในกระบวนการนี้ก็พร้อมจะต่อสู้ได้รับความเป็นธรรม ในกระบวนการที่ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ย้อนไปตั้งแต่วันที่ได้รับตำแหน่งเมื่อปี 47”       

นายอภิรักษ์กล่าว

 


โปรดติดตาม อันดับ 5-10 ใน Vol.2

 


30 ก.ค. 54 เวลา 22:46 4,546 4 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...