แม่มด มนต์ดำ และการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ยุโรป


ว่ากันว่าด้วยเรื่องแม่มด มนต์ดำ 




และการกวาดล้างฆ่าคนอันโหดเหี้ยมภายใต้ร่มเงาของศาสนา 

ที่พร่ำสอนให้คนมีศรัทธาและเป็นคนดี 

การสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์นี้เริ่มมาจากการที่อำนาจทางโลกและทางธรรมเริ่มขัดแย้งกัน 



ทางโลกก็คืออำนาจจากกษัตริย์ ทางธรรมก็คือพระสันตะปาปานั่นเอง

 

ศาสนจักรเริ่มยื่นมือศักดิ์สิทธิ์อันเปื้อนเลือด เข้ามาเกี่ยวข้องกับการล่าพวกนอกรีต ในช่วงปีค.ศ. 1480 - 1484

 มีพระราชโองการจากสำนักพระสันตะปาปาประกาศสำเร็จโทษพวกพ่อมด แม่มด หมอผี 

หรือบุคคลที่ต้องสงสัยว่านอกรีตทั้งหลาย รวมทั้งห้ามนักบวช ฆราวาส 

เข้ามาขัดขวางการทำงานของคณะไต่สวน ในคดีที่เรียกว่า “ความเสื่อมทรามของพวกนอกรีต”

 

 

 

ใน จำนวนผู้พิพากษาที่สนองโองการดังกล่าวเป็นชาวโรมันโดมินิกันสองคน คือ บาทหลวงไฮน์ริช เครมเมอร์ อดีตเจ้าหน้าที่สอบสวนจากแคว้นไทรอล 

(อยู่ระหว่างออสเตรียตะวันตกและทางเหนือของอิตาลี) และจาคอบ สเปรนเกอร์(ทางเหนือของสวิสเซอร์แลนด์บนฝั่งแม่น้ำไรน์) 


ทั้งสองยังได้ร่วมกันแต่หนังสือชื่อ Malleus Maleficarum แปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ Hammer of Witches


หนังสือที่ว่า เป็นคู่มือการไล่ล่าแม่มด

 

เป็นคู่มือสำหรับการล่าแม่มดที่ใช้กันมานานกว่าสองศตวรรษที่พวกกระหายเลือดตั้งตนล่าแม่มดในแคว้นต่างๆ 

ในสมัยนั้นยุโรปถูกปกครองด้วยพวกโรมัน อีกทั้งยังไม่มีการแบ่งแยกเขตแดนเป็นประเทศอย่างในทุกวันนี้ 

เป็นเพียงแคว้นต่างๆ ประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศสต่างรบราช่วงชิงดินแดนกันเป็นว่าเล่น

 

เผาผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นแม่มดใช้ ไสยเวทย์ โดยการเผาทั้งเป็น

 

 

พวกผู้นำแคว้นหรือพระที่มีอำนาจทั้งหลายต่างเจริญรอยตามวิธีการน่าขยะแขยงในหนังสือเล่มนี้ 

ซึ่งบอกวิธีจับ พิสูจน์ไต่สวน และเข่นฆ่าแม่มดต่างๆ นานา

 โดยโทษที่ได้รับส่วนใหญ่คือการเผาทั้งเป็นด้วยข้อหาแม่มด 

นอกรีต ทั้งใช้ลิ่มตอก บีบขมับ สารพัดวิธีที่จะให้เหยื่อพิสูจน์ว่าตนไม่ใช่แม่มด แต่ใครล่ะจนทนความเจ็บปวดได้

 

 

เครื่อง มือสมัยโบราณ ซึ่งออกแบบให้ใช้งานได้หลายแบบด้วยกัน แต่จุดประสงค์หนึ่งคือ การบีบศีรษะของผู้โชคร้ายจนปวดชนิดที่ยิ่งกว่าไมเกรนเสียอีก ต่อมามีการออกแบบให้มีขนาดเล็กลงและใช้เป็นการบีบขมับแทน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างมากไม่แพ้กันกับสูตรโบราณดั้งเดิม 

เครื่องมือชนิดนี้เริ่มใช้ในศตวรรษที่ 12    ส่วนใหญ่มักใช้กับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มดหรือพวกนอ กรีต        
                           วิธีการใช้ไม่ได้เอานิ้ววางไปลงทีเดียวสิบนิ้วนะครับ  แต่วางลงไปทีละสองนิ้ว ซ้ายนิ้วขวานิ้วแล้วก็หมุนสกรูช้าๆให้เจ้าเหล็กแหลมๆข้างบนนั่น 

ค่อยๆทิ่มลงมาในโคนเล็บ  จนไปถึงชั้นเนื้อใช้เล็บ หรือบางทีก็อาจจะลึกกว่านั้น และก็สอบปากคำว่า  

"สารภาพมาซะดีๆ ว่าเป็นแม่เม็ดใช่หรือไม่"       

 

เพียงแค่ป่วยก็เพียงพอแล้วที่จะเอาคนคนนั้นเข้าคุก ถึงจะประพฤติตัวดีงามขนาดไหนก็ใช่ว่าจะรอดพ้นไปได้

 โดย เฉพาะแล้วพวกรักสันโดษชอบเก็บเนื้อเก็บตัว มักจะถูกสงสัยว่าแอบบูชาภูตผีปีศาจ คนที่ถูกกล่าวหาแทบจะไม่มีโอกาสได้ประกาศความบริสุทธิ์ของตัวเองเลย บางครั้งเหยื่อจะถูกทดสอบโดยการโยนลงน้ำ เพราะถ้าเป็นแม่มดตัวจะลอยขึ้น แต่ถ้าบริสุทธิ์ก็จะจม

 

เมื่อ ถูกจับขึ้นศาล จำเลยจะเจอคำถามเกี่ยวกับเวทย์มนตร์คาถา หรือเรื่องสัญญากับซาตานและพิธีกรรมแซบบัท ผู้ไต่สวนจะขอให้พวกนอกรีตสารภาพและถามถึงชื่อผู้เกี่ยวข้อง ผู้ไต่สวนก็จะถอดเสื้อผ้าและโกนขนตามร่างกาย เพื่อหาสัญลักษณ์ (Telltale Marks) ตำหนิหรือปาน ซึ่งอาจจะเป็นสัญลักษณ์ปีศาจตัวผู้ 

ในขณะที่ขี้แมลงวันหรือรอยแผลเป็นถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ปีศาจตัวเมีย

 

หลาย คนคิดว่าสัญลักษณ์ปีศาจบางรายจะแก่กล้ามาก มองไม่เห็นแต่ต้องอยู่ตามผิวหนัง ซึ่งบริเวณนั้นจะไม่สะทกสะท้านกับเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงลงไป จนกว่าจะพบบริเวณที่ไม่สะทกสะท้านต่อเหล็กแหลม บางรายพรุนเป็นฟองน้ำด้วยกรรมวิธีสอบสวนแบบนี้ก็มี


 

เมื่อพบสัญลักษณ์ดังกล่าวจำเลยก็จะถูกบีบให้รับสารภาพอีกครั้ง หากปฏิเสธก็จะต้องถูกทรมาน ขั้นเบาะๆ ก็ตอกเล็บ 

ต่อมาก็ถูกดึงแขนดึงขาขึงพืด หรือไม่ก็เอาตะปูดอกเป้งๆ มาตอกขา 


หรือไม่ก็กระหนาบร่างด้วยเหล็กที่เผาไฟร้อนๆ 

และวิธียอดนิยมที่จะจับเหยื่อเคราะห์ร้ายเปลือยกาย 

มีน้ำหนักถ่วงอยู่ที่ปลายเท้าและชักรอกขึ้นกลางอากาศ รายไหนร่างกายบอบบางก็จะขาดสองท่อน เครื่องในทะลักอย่างน่าสังเวช

 

หลังยุคปฏิรูปเรื่องของการทรมานก็ได้รับการดัดแปลงให้สยองขวัญมากขึ้นอีก 

ในประเทศที่นับถือโปรแตสแตนท์ ในปี ค.ศ. 1594 ซึ่งเป็นยุคที่มีผู้นับถือลัทธิคาลวิน



 

ม้านั่ง เอาไปถ่วงน้ำ ใช้ช่วงล่าแม่มดน่ะครับ
ถ้าเป็นแม่มดจริงจะไม่ตาย แต่ถ้าตายถือว่าบริสุทธิ์(อ้าว..ยังไงวะเนี่ย)

 

 

 

ในสก็อตแลนด์ อลิสัน บาลโฟ ถูกเครื่องมือที่เรียกว่า Caspie Claws บีบรัดแขน

เป็นเวลา 48 ชั่วโมง ขณะที่สามีของเธอถูกแท่งเหล็กหนัก 700 ปอนด์ทับร่างกายเอาไว้

 ลูกชายผู้โชคดีถูกลิ่มเหล็กบดขยี้กระดูกขาอยู่ 48 ครั้ง ลูกสาวอายุเพียงเจ็ดขวบโชคดีที่สุด

เพราะเป็นเด็ก ดังนั้นเจ้าพนักงานจึงลงโทษเบาะๆ เพียงตอกเล็บให้ทุกนิ้วของเธอจนแหลกละเอียด 

ในระหว่างการกล่อมให้จำเลยรับสารภาพว่าเป็นพ่อมดแม่มด 

เพราะเหตุนี้ จำเลยน้อยคนนักที่จะรอดชีวิตมาได้ก่อนที่การบันทึกการสารภาพจะกระทำเสร็จสิ้น

 

 

 

แถวๆ เมืองเทรฟซึ่งปัจจุบันอยู่ในเยอรมัน มีหญิงที่ทั้งสาวและไม่สาวจำนวน 368 คน จากหมู่บ้าน 22 แห่ง ทยอยกันถูกฆ่าตายในรอบหกปี เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด

 

 

ท่านบิชอปเวิร์สเบิร์ก แห่งต้นศตวรรษที่ 16 นั้น ใจบุญสั่งเผาคนที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแม่มดไป 900 กว่าศพ 

ไม่ยกเว้นเด็ก ผู้หญิงและคนชรา เรียกได้ว่าท่านเผามาแล้วทุกชั้นวรรณะเลยก็ว่าได้

 

 

การเผา ฆ่า ทรมาน มีมานานจนข้ามศตวรรษ จนลุมาถึงศตวรรษที่ 17 


บาง สมัยถึงกับมีการสังหารหมู่ในคราวเดียวถึง 600-900 คน นับได้ว่าการกระทำที่ดูวิปริตผิดมนุษย์เช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อ บุคคลที่ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งต่อชีวิตร่างกายและจิตใจ ทั้งยังเป็นการคุกคามเสรีภาพของผู้อื่น ทำให้ผู้คนหวาดผวาเกรงกลัวจนไม่สามารถทำสิ่งใดที่ต้องการซึ่งแตกต่างไปจากคน อื่นได้ด้วย

เพราะกลัวการถูกกล่าวหาและโดนกระทำทารุณกรรมดังกล่าว


จากการกระทำดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณของศาสนจักรที่กระทำต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในยุคกลาง 

ในศตวรรษที่15 ถึงศตวรรษที่17นับเป็นช่วงเวลาที่มีการเข่นฆ่าแม่มดขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป

 โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีการทำทารุณกรรมมากที่สุด


ทัศนคติหรือแนวความคิดใหม่ๆ ที่ใช้เหตุและผล จึงได้มีการแพร่หลายมากขึ้น ตัวอย่างเช่นประเทศเนเธอร์แลนด์ได้มีกฎหมาย 

ยกเลิกการสำเร็จโทษพ่อมดแม่มด แต่กว่าประเทศอื่นจะพากันทำตาม ก็ปาเข้าไปปลายศตวรรษที่ 17

 

 

และแล้วยุคนองเลือดของแม่มดก็ค่อยๆ หายไป แต่ผู้บริสุทธิ์ที่ล้มตายไปเพราะความทารุณไม่ต่ำกว่าแสนคน

ถูกฆ่าตายในเยอรมัน ฝรั่งเศสนั้นก็ปาเข้าไปหลายหมื่นอยู่ และที่น้อยที่สุดก็คงเป็นที่เมืองผู้ดีอังกฤษ 

ซึ่งยอดโดยรวมประมาณสองแสนกว่าคนตามสถิติอย่างเป็นทางการ 

แต่นักประวัติศาสตร์บางท่านบอกว่าจำนวนจริงๆ เกือบล้านคนเลยทีเดียว

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...