ชาว Biker (ไบค์เกอร์) ทั้งหลายคงต้องเคยสงสัยกันบ้างใช่ไหมครับ ว่าหากเราต้องการจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ BigBike (บิ๊กไบค์) มือสองนั้น เราจะมีเทคนิคและวิธีการตรวจสอบสภาพรถกันอย่างไรบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าหากเราไม่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของรถที่เราต้องการจะซื้อมา ก็อาจจะประสบปัญหาต่างๆตามมาได้ และวันนี้ BoxzaRacing จะมาแนะนำเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่มีความจำเป็นต่อการเลือกซื้อรถที่ถือว่าชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายจำเป็นต้องรู้

          มาเริ่มกันที่อันดับแรกก่อนเลย ถือว่าสำคัญเป็นอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือเอกสารของตัวรถถูกต้อง รวมถึงเลขที่คอรถและถังรถ ตรงกับเอกสาร

          สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถ BigBike (บิ๊กไบค์) รวมถึงรถอื่นๆมือสองนั้น อย่างแรกเลยก็คือการตรวจสอบเอกสารของรถ เราจำเป็นต้องรู้เพราะในปัจจุบันมีการจดทะเบียนรถกันหลากหลายรูปแบบ เช่น การอินวอย คือเอกสารที่สามารถยืนยันได้ว่ารถคันนั้นๆเราเป็นผู้ครอบครองจริงๆ และบางคันเสียภาษีให้แก่ทางสรรพสามิตมาแล้ว หรือบางคันก็ไม่มีเอกสารใดๆกำกับมาเลย ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบเล่มเอกสารของรถ และตรวจสอบเลขคอ และเลขถัง ว่าตรงกับเอกสารหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนนี้เราจำเป็นจะต้องตรวจสอบให้รอบคอบที่สุด เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

          สิ่งที่เราควรรู้เมื่อคิดจะซื้อรถ BigBike (บิ๊กไบค์) มือสองในอันดับต่อไป คือ สีเดิมของตัวรถที่ออกมาจากโรงงาน

          เราต้องทราบถึงรายละเอียดต่างของตัวรถอย่างชัดเจนและครบถ้วน รวมถึงการตรวจสอบสีรถ ว่าเป็นสีเดิมที่ออกมาจากโรงงาน หรือว่ามีการเปลี่ยนแปลงทำสีมาใหม่ ซึ่งถ้าเป็นสีเดิมจากโรงงาน ให้ตรวจสอบว่ารถคันนั้นเคยประสบอุบัติเหตุมาก่อนหรือเปล่า เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว รถที่เคยเกิดอุบัติเหตุจะใช้การทำสีใหม่ เนื่องมาจากมีราคาที่ถูกกว่าการเปลี่ยนอะไหล่นั่นเอง

          วิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือสติ๊กเกอร์ตรงชุดแฟริ่งจะอยู่บนแล็กเกอร์ ไม่ได้อยู่ใต้แล็กเกอร์ เราสามารถเอามือไปสัมผัสจะทำให้รู้สึกสะดุด ซึ่งถ้ารถผ่านการทำสีมาก่อนนั้น จะทำสีโดยการพ่นแล็กเกอร์ทับไว้อีกชั้นหนึ่ง แต่เราต้องตรวจสอบให้มั่นใจ เนื่องจากในปัจจุบันมีการทำสีแล้วเอาสติ๊กเกอร์มาแปะทับไว้ให้ดูเหมือนสีเดิม ซึ่งถ้าหากเราสามารถเลือกรถได้ ให้เลือกรถสีเดิมไว้เป็นดีที่สุด รวมถึงชุดแฟริ่งต่างๆต้องไม่แตกหักหรือผ่านการซ่อมแซมมาก่อน ซึ่งถ้ามีร่องรอยต่างๆ ให้สอบถามแก่ทางผู้ขายให้แน่ใจ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

          อันดับต่อไปก็คือ เครื่องยนต์เดินเรียบเป็นปกติและเสียงไม่สะดุด

          การตรวจสอบเครื่องยนต์ทำได้ยาก ถ้าไม่มีเครื่องมือจำเป็นต้องอาศัยการฟังเสียง โดยการสตาร์ทเครื่องฟังเสียงรอบเดินเบา ต้องไม่สะดุด สำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบ ประมาณ 1,200 รอบต่อนาที อาจจะมีอาการสวิงขึ้นลงอยู่บ้างแต่ต้องไม่มาก จากนั้นทำการบิดคันเร่งเล็กน้อย ลองสังเกตุดูว่าเครื่องยนต์มีเสียงที่ผิดปกติหรือไม่ ถ้าหากเร่งเครื่องแล้วเครื่องดัง รถคันนั้นอาจจะมีปัญหาแคมชาร์ฟละลายมาก่อน ซึ่งเราจะรู้ได้ทันทีว่ามีปัญหาแน่นอน ต่อจากนั้นดูท่อไอเสียประกอบการพิจารณาไปด้วย ถ้าหากมีคราบน้ำมันเกาะอยู่ที่บริเวณปลายท่อ หรือเมื่อบิดคันเร่งแล้วมีควันสีขาวออกมา แสดงว่ารถมีปัญหาอาการเครื่องหลวมแน่นอน

          ต่อไปเป็นส่วนของการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยการตรวจสอบแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ

1. ยางต้องอยู่ในสภาพดี ไม่แตก และดูวันที่ผลิต อย่าให้นานเกินไป

2. โซ่ และสเตอ สังเกตุดูว่าผ่านการใช้งานมานานแล้วหรือไม่

3. ผ้าเบรค ดูจากความหนา และอาจจะมีร่องรอยการใช้งานมาก่อน

4. จานเบรค ตรวจสอบดูว่าเป็นของเดิมหรือไม่ เพราะถ้าเป็นแบบอัดใหม่ จะมีลักษณะคล้ายพื้นผิวกระจก ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จะใช้งานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

          ต่อไปเป็นอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โช๊คอัพ, เรือนไมล์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในสภาพดี ไม่ควรมองแค่ภายนอก           ต่อจากนั้นควรซักถามเกี่ยวกับบริการหลังการขายให้ละเอียด ถ้าเป็นรถที่ซื้อจากผู้ใช้เอง ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีข้อตกลงในเรื่องของการรับประกัน แต่ถ้าซื้อจากทางร้านค้า เราสามารถนำรถไปเข้าเคลมประกันได้ตามสัญญาตกลงซื้อขายรถ

 

         และนี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการเลือกซื้อรถมอเตอร์ไซค์ BigBike (บิ๊กไบค์) มือสอง ขอแนะนำว่าควรตรวจสอบทุกจุดที่เราไม่แน่ใจให้ละเอียด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังนะครับ สำหรับคอลัมน์นี้ต้องขอตัวลาไปก่อน ส่วนในครั้งหน้าเราจะนำเกร็ดความรู้อะไรมาแชร์ให้ชาวไบค์เกอร์ได้รู้กัน สามารถติดตามกันได้ที่ BoxzaRacing นะครับ