เธอ "ใกล้ตาย" 2 ครั้งจากอุบัติเหตุ…สิ่งที่ทำให้เธอรอดมาได้ จะให้กำลังใจคุณ!

ในปี 2009 Kellie Mencel ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่รุนแรงมาก ซึ่งในตอนนั้นเธอมีอายุได้เพียงแค่ 17 ปี และมันทำให้เธอ “ใกล้ตาย” แบบเฉียดฉิวจริงๆ

T 1Kellie Mencel

เธอเผลอหลับขณะขับรถ เมื่อขับอยู่ในช่วงชนบททางตอนใต้ของออสเตรเลีย ที่ความเร็วราว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอเล่าให้ฟังว่า รถหมุนอย่างไร้การควบคุม จากนั้นก็คว่ำพลิกไปมาราว 5 รอบ จบที่รถคว่ำ และเธอก็ติดอยู่ในซากรถ เมื่อมีคนมาพบ จึงถูกรีบส่งโรงพยาบาลทันที เธอเล่าว่า “ตอนนั้นฉันอายุ แค่ 17 ปี และคิดว่านั่นคือสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว ตอนนั้นฉันกลัวและไม่กล้าที่จะขับรถอีก แค่ขึ้นไปบนรถก็กลัวแล้ว”

T 2Kellie Mencel

หลังจากที่นอนเพียบหนักอยู่บนเตียง ครอบครัวของเคลลี่ ตัดสินใจพาเธอกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอกำลังจะเจออุบัติเหตุครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเธอตัดสินใจเล่นสกีน้ำ อยู่ดีๆ เครื่องก็สตาร์ทไม่ติด และทันใดนั้น เครื่องก็เกิดระเบิด และลุกไหม้ ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนอุบัติเหตุเกิดขึ้นโดย Blanchetown local ซึ่งภาพทางด้านขวาคือ ภาพเรือที่ Kellie อยู่บนนั้น

T 3Knitspirit / Wohlfeil/supplied

เธอเล่าให้ฟังว่า “ฉันพยายามหนี ไฟลุกมาที่หน้าของฉัน ลุกมาที่ขา ฉันพยายามกระโดดหนี แต่ฉันก็ลื่น พ่อฉันยังอยู่บนเรือ ตอนนั้นฉันช็อกมากๆ เรือที่อยู่ใกล้ตรงนั้นมาช่วยฉันกับพ่อเอาไว้ ตอนนั้นฉันกรีดร้องอย่างเดียวเลย” ซึ่งเมื่อสื่อมวลชนเข้ามา ทุกอย่างยิ่งแย่ เพราะเธอบอกว่า “สิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากให้เกิดขึ้นตอนนี้คือมีคนมาถ่ายสภาพเยินๆ ของฉัน ซึ่งตอนนั้นสื่อพากันถ่ายใหญ่เลย”

T 4Kellie Mencel

ช่วงแรกของการฟื้นฟูมันสุดๆ จริงๆ ยากลำบากมาก คนส่วนมากบอกว่าฉันแข็งแรงมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอก ถึงภายนอกจะดูแข็งแรง แต่ภายในยังคงช้อก ตื่นกลัว เศร้า เครียด จากสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันใช้เวลาราว 1 ปี กว่าจะปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งหลังจากหนึ่งปี ก็ยังต้องเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาอยู่

T 5Kellie Mencel

ฉันไม่สามารถโดนแดดได้เป็นเวลา 2 ปี ต้องเรียนรู้ที่จะเดินอีกรอบ ออกไปไหนมาไหน ต้องคลุมผ้าหัวจรดเท้า คนมองฉันเยอะมาก ผมก็ไม่มี คิวก็ไม่มี ต้องทาครีมที่ผิว 5 เวลาต่อวัน ซึ่งตอนนั้นมีแค่ 2 อย่างที่ทำให้ฉันสามารถผ่านมันมาได้ คือครอบครัว และการออกกำลังกาย

T 6Kellie Mencel

ครอบครัวคือส่วนสำคัญจริงๆ ในตอนนั้น และการใช้ชีวิตให้แอคทีฟ มีกำลังใจ ดูแลสุขภาพร่างกาย สิ่งเหล่านั้น ทำให้ฉันรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แม่ของฉันเปรียบเสมือนนางฟ้าเลยล่ะ เธอทำให้ฉันทุกอย่างจริงๆ ส่วนพ่อที่อยู่ตรงนั้นกับฉันตอนเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็ช่วยฉันมากเหมือนกัน พ่อไม่เคยคิดถึงตัวเองเลยตอนนั้น คิดแต่จะช่วยฉันเอาไว้ บุญคุณครั้งนี้ที่มีต่อพ่อและแม่ กับความรักที่ได้รับ ไม่มีทางทดแทนหมดจริงๆ

T 7Kellie Mencel

เมื่อ Kellie กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง ในตอนแรก เธอพบว่ามันเป็นเรื่องยากมาก ที่จะกลับไปทำกิจวัตรเดิมๆ ที่เธอเคยทำในแต่ละวัน เพราะเธอในวันนี้ ต่างจากวันนั้นมาก ตอนนี้คิ้วไม่มี ผิวชมพู มีผ้าพันแผล ถุงมือ หมวก คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะมองแปลกๆ

T 8Kellie Mencel/Instagram

เธอบอกว่า เวลาเล่นบาสเก็ตบอล บางคนก็ไม่มายุ่งกับเธอ และล้อเธอในบางครั้งอีกด้วย

T 9Kellie Mencel/Instagram

แต่เธอก็ไม่ยอมให้การล้อ หรือคำพูดเหล่านั้นมาทำให้เธอท้อแท้หรือเศร้าใจ เพราะหากมองย้อนไปเมื่อวันแรกๆ ที่เธอเข้าโรงพยาบาล เธอรอดมาได้เท่านี้ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

T 10Kellie Mencel/Instagram

สาวน้อยอายุ 22 ปีคนนี้เรียนฟิตเนสและโภชนาการ และเธอทำงานเป็น personal trainer ซึ่งตอนนี้ Instagram ของเธอเต็มไปด้วยคำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างกำลังใจให้คนคิดบวก ดูแลสุขภาพ และร่างกายของตนเอง

T 11Kellie Mencel/Instagram

เราถามเธอว่าอะไรที่ทำให้เธออยากเป็น personal trainer เธอบอกว่า การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดี และแอคทีฟ คือสิ่งที่ทำให้เธอรอดมาได้ มันเป็นยาต้านความเศร้าโศกได้ดีที่สุด แต่คนไม่ค่อยใช้กัน เพราะฉะนั้น ถึงตอนนี้ฉันอยากช่วยคน ให้บรรลุเป้าหมายเพื่อสุขภาพที่ดีของพวกเขา รู้สึกดีต่อตัวของพวกเขาเอง นี่คือสิ่งที่ฉันรักที่จะทำเลยล่ะ นอกจากนี้เธอบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือสิ่งที่อยู่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนนี้เธอเริ่มวาดคิ้วสวยแล้วนะ

T 12Kellie Mencel/Instagram

เธอบอกว่าเธอค้นพบแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เธอรัก ซึ่งถ้าเธอไม่ผ่านเรื่องแย่ๆ นั้นมา ก็อาจจะไม่มีวันนี้ วันที่เธอค้นพบตัวเองก็เป็นได้

T 13Kellie Mencel/Instagram

เธอบอกว่า หากใครกำลังผ่านเรื่องราวหนักๆ แบบเธอเมื่อก่อน สิ่งที่ดีที่สุดคือ คิดบวก และอยู่กับคนที่ทำให้คุณมีความสุข และอย่าท้อแท้กับชีวิต จงใช้ชีวิตให้คุ้ม เพราะเราอยู่บนโลกนี้อีกไม่นานนักหรอก

T 14Kellie Mencel/Instagram

เธอทิ้งท้ายว่า:

“ฉันเรียนรู้ที่จะเสี่ยง เรียนรู้ที่จะไม่กลัวในการใช้ชีวิตทุกๆ วันนี้ เพราะฉันอยากให้ชีวิตของฉัน มีความหมาย ฉันต้องการให้เรื่องของฉันสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ให้มีชีวิตที่แอคทีฟ สุขภาพดี เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันผ่านมันมาได้ และคนอื่นๆ ก็ทำได้เช่นกัน”

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...