เศรษฐีทำนาฬิกาหาย ผู้ใหญ่หลายสิบชีวิตหาไม่เจอ แต่คนที่พบกับเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ

 ชีวิตของคนเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยความรีบเร่ง กระเสือกกระสนเอาตัวรอด จนไม่มีเวลาที่จะมาอ้อยอิ่งชมความงามของสิ่งต่างๆ รอบตัว และนั่นอาจทำให้เราพลาดอะไรดีๆ ไปหลายอย่างเลยทีเดียว

          และนี่คือนิทานดีๆ ที่จะช่วยเตือนสติคน ให้ใช้ชีวิตอยู่กับความเงียบเสียบ้าง...


เศรษฐีกับพวกไปเที่ยวฟาร์มแห่งหนึ่ง
ทุกคนสนุกสนานกับธรรมชาติ และกิจกรรมในฟาร์มมาก
แต่ขณะที่กำลังจะเดินออกเศรษฐีคนนั้นก็พบว่า "นาฬิกาพก"
รุ่นเก่าที่ภรรยาซื้อให้ในวันเกิดหายไป
มันต้องตกอยู่ในคอกม้าอย่างแน่นอน

เขากับเพื่อนช่วยกันกระจายกันเดินหานาฬิกาทั่วคอกม้า
ระหว่างเดินหา เพื่อนก็พยายามพูดให้กำลังใจเศรษฐีคนนี้
เดินหาเท่าไรก็ไม่พบ
เขาไปแจ้งเจ้าของฟาร์มให้ช่วยเหลือ

เจ้าของก็แสนดีเกณฑ์คนที่ว่างงานอยู่เกือบ 20 คนไปค้นหา
มีทั้งคุณลุงที่ประจำอยู่คอกม้า ผู้หญิงที่ทำความสะอาด และเด็กชายคนหนึ่ง
 ทุกคนกระจายกันค้นหา
มีการตะโกนบอกกันเป็นระยะๆ ว่าค้นตรงนั้นแล้วไม่เจอ ให้คนนั้นไปหาตรงนี้
ใช้เวลาค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมงก็หานาฬิกาไม่เจอ

เศรษฐีเริ่มสิ้นหวัง คิดว่าคงต้องสูญเสียนาฬิกาเรือนนี้ไปอย่างแน่นอน
ขณะที่พนักงานของฟาร์มจะเดินจากไป เด็กชายคนนั้นเดินย้อนกลับมาหาเศรษฐีคนนี้อีกครั้ง
“ขอผมลองเข้าไปดูอีกครั้งนะครับ แต่ขอผมเข้าไปคอกม้าคนเดียว”
 
แม้จะรู้สึกว่าเสียเวลาเปล่า แต่เมื่อเด็กน้อยมีน้ำใจ เขาก็พยักหน้าทั้งที่ไม่มั่นใจว่าจะหาเจอ
พวกเพื่อนๆ ก็บ่นลับหลังว่าพวกเราและคนของฟาร์มตั้งเยอะยังหาไม่ได้
“ไปหาคนเดียวจะเจอได้อย่างไร”
 
แต่ไม่ถึง 15 นาที เด็กชายคนนี้เดินออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาชูนาฬิกา
“ใช่ เรือนนี้หรือเปล่าครับ”
เศรษฐีดีใจมาก เพราะนั่นคือ”นาฬิกาพก”แสนรักที่เขากำลังค้นหาอยู่
เขากล่าวขอบคุณและให้สินน้ำใจกับเด็กน้อย แต่ยังคาใจ
“เธอหาเจอได้อย่างไร”
 
เด็กน้อยยิ้มแฉ่ง บอกว่าพอเข้าไปข้างในคนเดียว เขาก็เพียงแต่นั่งเงียบๆ
แล้วค่อยๆ เปลี่ยนจุดนั่งไปเรื่อยๆ
“แค่จุดที่ 3 ผมก็ได้ยินเสียงติ๊กต่อก ติ๊กต่อก” เขาเล่า
“ผมแค่เดินตามเสียงนั้นไปก็เจอนาฬิกาเรือนนี้”
 
ครับ การค้นหานาฬิกาเรือนนี้ทั้ง 2 ครั้ง ทุกคนคุยกันไปหากันไป
ทุกคนพยายามมองหาตัวนาฬิกา
แต่ไม่ได้คิดจะฟังเสียงของนาฬิกา
เสียงพูดคุยกลบเสียงดังของนาฬิกาไปสิ้น
 
เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการแก้ปัญหาไม่ได้มีเพียงหนทางเดียว
เราสามารถค้นหานาฬิกาได้ 2 แบบ
จะดูหรือจะฟัง
 
ทุกปัญหาก็เช่นกัน เราจะแก้ปัญหาแบบที่คนส่วนใหญ่ทำ
หรือเราจะมองปัญหาให้ละเอียด มองให้ครบทุกองค์ประกอบ
บางทีการแก้ปัญหาอาจมีหลายหนทาง

และอีกเรื่องหนึ่งที่เด็กคนนี้สอนเราก็คือในวิกฤติที่คิดว่าปัญหาหนักหนาสาหัส
บางครั้งเราต้องนิ่ง ต้องมีสติ ทำใจให้สงบ
เมื่อมีสมาธิ จึงจะค้นพบทางออก
ต้องนิ่ง และเงียบเท่านั้น
เราจึงจะได้ยินเสียงนาฬิกา
 

 


กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...