มีคำถามเสมอมาว่า ‘ทำไมเราต้องเรียนต่อต่างประเทศ?’ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีคำตอบและเหตุผลในแนวทางของตัวเอง วันนี้เรามาฟังความคิดเห็นของผลการสำรวจนักเรียนนานาชาติ ว่าพวกเขาคิดอย่างไรถึงไปเรียนต่อต่างแดนกัน…..

1. ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการ

แน่ นอนว่ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในบางประเทศ เมื่อเทียบการจัดอันดับระดับโลกแล้ว ก็ไม่ติดอยู่ในระดับแนวหน้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักเรียนต่างชาติหลายคนเลือกเข้าไปเรียนในประเทศ อย่าง อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย หรือเยอรมนี เพื่อศึกษาโดยตรงกับทางมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการเป็นเครื่องการันตีนั่นเอง

2. เรียนรู้วัฒนธรรมแปลกใหม่

สำหรับ นักเรียนต่างชาติหลายคน โอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆนั้นไม่ได้หากันง่ายๆ และการเรียนต่อในประเทศที่ใช้วัฒนธรรมต่างออกไป ช่วยให้ได้เรียนรู้ถึงการปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ การเอาตัวรอด การเรียนรู้ ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งจะมีผลในสายตาของนายจ้างเมื่อเราไปสมัครงานอีกด้วย

3. ประหยัดค่าเล่าเรียน (ในบางกรณี)

ใน กรณีนี้พูดถึงนักเรียนในประเทศค่าครองชีพแพง เดินทางไปเรียนต่อในประเทศที่มีค่าครองชีพถูกกว่า ก็สามารถประหยัดค่าเล่าเรียนไปได้หลายเท่า จึงเป็นเหตุให้นักศึกษาอเมริกันหลายคน เลือกไปเรียนที่เยอรมนีหรือจีนมากในช่วงหลัง

ลองเปรียบเทียบค่าเรียนในอเมริกาปีละหนึ่งล้านบาท กับค่าเรียนหลักสูตรนานาชาติในไทยปีละแสน จะเห็นว่าต่างกันเยอะมากทีเดียว

4. เพิ่มทักษะทางภาษา

แน่ นอนว่าการไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาต่างจากเรา จะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาถิ่นของประเทศนั้นพัฒนาขึ้น หลายคนอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งนัก แต่พอได้ใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่นาน สถานการณ์ก็จะบีบบังคับ จนกลายเป็นคนพูดภาษาอังกฤษชัดไปเลยล่ะ

5. สร้างคอนเนคชั่นระดับนานาชาติ

เนื่อง จากในโลกของการทำงาน นอกจากความสามารถของเราแล้ว เครือข่ายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะเปิดโอกาสใหม่ๆให้กับเรา การเรียนในต่างแดนจะช่วยให้เราได้ทำความรู้จักคนใหม่ๆ ซึ่งอาจจะมาเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นคู่ค้า หรือทำธุรกิจด้วยกันในอนาคต นับเป็นอีกผลประโยชน์หนึ่งที่จะได้รับมานอกเหนือจากความรู้ในหลักสูตร

นี่ ก็เป็นตัวอย่างของเหตุผลที่นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ตัดสินใจออกไปเรียนต่อในต่างประเทศ แล้วทางเพื่อนๆชาว WeGoInter.com มีเหตุผลอะไรบ้างในการไปเรียนต่างแดน ลองคอมเมนท์มาเล่าให้ฟังกันได้นะจ๊ะ…..

ที่มา: topuniversities