ข่าวเด่น 'แดนมังกร' แห่งปี 2013

 

 

 

 

 

 เมื่อเข็มนาฬิกาเดินหมุนวนมาจนถึงวันสุดท้ายของปี ช่วงเวลาที่ผ่านมาต่างมีเรื่องราวและเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ... ก่อนที่เราจะเดินทางข้ามผ่านสู่ศักราชใหม่ มุมจีนได้คัดสรรข่าวเด่นข่าวดังอันเป็นที่กล่าวขานไปทั่วสังคมจีน หรือแม้กระทั่งทั่วโลกในชุด “ข่าวเด่นแดนมังกรแห่งปี 2013” ให้นักอ่านทุกท่านได้เพลิดเพลินเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีมะเมียที่กำลังวิ่งทะยานมาถึงในอีกไม่ช้า
  เด็กน้อยมองเงาตัวเองในหน้าต่างกระจกในกรุงปักกิ่งวันที่ 17 พ.ย. 2556 (ภาพ - เอเอฟพี)        ปฏิรูปครั้งประวัติการณ์ ผ่อนปรนนโยบายลูกคนเดียว เลิกค่ายแรงงาน
       
       ในวันที่ 15 พ.ย. ที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ครั้งที่ 3 ได้ประกาศการปฏิรูปใหญ่นับจากผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิงประกาศปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศในปลายทศวรรษที่ 1970 โดยเป็นการปฏิรูปทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นการเปลี่ยนแปลงรอบทิศทางที่ดูจะบรรเทาเยียวยาผลพวงในด้านลบจากการปฏิรูปตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศ ที่ขณะนี้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกแล้ว ด้วยการเปิดกว้างระบบตลาดมากยิ่งขึ้น
       
       ผู้นำจีนประกาศคำมั่นหลายๆ อย่างที่ตอบสนองความหวังของประชาชน ทั้งระบบสำมะโนครัวและที่ดินเพื่อช่วยเหลือประชาชนเขตเมืองที่กำลังขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว โดยผลักดันให้เกิดภาคบริการแบบตะวันตก ตลอดจนการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการบริโภคภายในเป็นหลัก ผู้นำจีนคาดว่าการดำเนินการปฏิรูปทั้งหมดนี้จะออกดอกผลเต็มที่ภายในปี 2563
       
       นอกจากนี้ ยังได้ประกาศผ่อนปรนนโยบายลูกคนเดียว โดยอนุญาตให้คู่สามี-ภรรยา มีลูกสองคน ภายใต้เงื่อนไขที่สามีหรือภรรยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นลูกคนเดียว อันเป็นก้าวแรกในการคลายกฎเหล็กที่ดำเนินมาแต่ปลายทศวรรษที่ 1970 ซึ่งได้ส่งผลกระทบรุนแรงที่สำคัญ ได้แก่ สัดส่วนประชากร และการละเมิดสิทธิมนุษยชน
       
       พร้อมกันนี้ได้ยกเลิกระบบ “ค่ายแรงงาน เพื่ออบรมการศึกษาใหม่” ระบบค่ายแรงงานนี้ จัดตั้งขึ้นปี 2500 เป็นระบบจัดการลงโทษกลุ่มผู้กระทำผิดเล็กน้อย แต่เปิดทางให้ตำรวจจับกุมและตัดสินโทษผู้ถูกกล่าวหากระทำผิด คุมขังไว้ในค่ายแรงงานนานถึง 4 ปี โดยไม่ผ่านกระบวนการไต่สวนจากระบบศาลยุติธรรม
       
      ภาพหน่อคำและลูกสมุนก่อนถูกนำตัวสู่ลานประหารในนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนัน เมื่อวันที่ 1 มี.ค. (ภาพ - ซินหวา)        ประหารราชายาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำ
       
       ศาลประชาชนนครคุนหมิงของมณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน) ประหารชีวิตนายหน่อคำ และสมุนสามคนเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ในความผิดร่วมกันปล้นเรือสินค้าสัญชาติจีน และสังหารลูกเรือ 13 คน กลางแม่น้ำโขง โดยเหตุเกิดเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 นักโทษประหารทั้งหมดถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษ
       
       
  นาย ปั๋ว ซีไหล ยืนระหว่างให้ปากคำที่ศาลประชาชนชั้นกลางประจำเมืองจี่หนัน มณฑลซันตง เมื่อวันที่ 22 ส.ค.อันเป็นวันเริ่มพิจารณาคดีคอรัปชั่นและการละเมิดอำนาจ นับเป็นคดีครั้งประวัติการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (ภาพ - รอยเตอร์ส)        อื้อฉาวสองปีซ้อน
       
       เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ผู้พิพากษาแห่งศาลประชาชนชั้นกลางเมืองจี่หนันในมณฑลซันตง ได้พิพากษานาย ปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครฉงชิ่ง ระบุจำเลย ปั๋ว ซีไหล มีความผิดทุกข้อหาในคำฟ้องร้อง และได้ตัดสินโทษจำคุกดังต่อไปนี้ ... จำคุกตลอดชีวิตสำหรับความผิดรับสินบน 20.4 ล้านหยวน หรือราว 102 ล้านบาท, 15 ปีสำหรับความผิดยักยอกเงิน 5 ล้านหยวน หรือราว 25 ล้านบาท, 7 ปี สำหรับความผิดละเมิดอำนาจในการปลดอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครฉงชิ่ง หวัง ลี่จวิน อีกทั้งแทรกแซงการไต่สวนคดีฆาตกรรมอำพรางนายนีล เฮย์วูด นักธุรกิจชาวอังกฤษ ที่ศาลได้ตัดสินเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว(2555) ว่า ภรรยาของเขาคือ นาง กู่ ไคไหล เป็นผู้สังหาร และลงโทษประหารชีวิตโดยรอลงอาญาสองปี
       
       ชีวิตนายปั๋ว ซีไหล บุตรชายของผู้นำอาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์ ปั๋ว อีปัว ต้องมีอันพลิกผันตกจากเวทีการเมืองเมื่อคู่หูคือ หวัง ลี่จวิน อดีตผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์สันติราษฎร์หรือหน่วยตำรวจแห่งนครฉงชิ่ง ทะเลาะวิวาทถึงขั้นแตกหักกับปั๋ว หวังกลัวว่าตนจะถูก “จัดการ”จึงได้หนีไปยังสถานกงสุลอเมริกาในเฉิงตูเมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (หรือเสฉวน) เปิดโปงความฟอนแฟะของปั๋ว เรื่องราวอันน่าอดสูของปั๋ว ซีไหล และกรณีฆาตกรรมนาย เฮย์วูด ก็แดงออกมา จนปั๋วถูกปลดออกจากตำแหน่งทางการ และสมาชิกพรรคฯ นับเป็นกรณีอื้อฉาวคอรัปชั่นที่เขย่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งประวัติการณ์ และเป็นที่ฮือฮาทั่วโลก
       
       
  เขตที่พักอาศัยเรียงรายรอบหอไอเฟลจำลองภายใน “ปารีสแห่งตะวันออก” (ภาพ - รอยเตอร์ส)        ปารีสน้อย เมด อิน ไชน่า
       
       ในเดือน ก.ย. สำนักข่าวรอยเตอร์เผยชุดภาพ โครงการชุมชนพัฒนา ที่เรียกกันว่า “ปารีสแห่งตะวันออก” หรือ “ปารีสน้อย” ในเขตเทียนตูเฉิง นครหังโจว มณฑลเจ้อเจียง เลียนแบบบรรยากาศนครปารีส โดยมีแบบจำลองหอไอเฟล สูง 108 เมตร ตระหง่านกลางโครงการฯ
       
       “ปารีสน้อย” ลงทุนโดยบริษัท เจ้อเจียง ก่วงช่า (Zhejiang Guangsha Co. Ltd/浙江广厦股份有限公司) เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 ประกอบด้วยโซนบ้านที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ นอกจากนี้ เจ้าของโครงการฯยังมีแผนสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล และสโมสรชุมชนซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรับรองผู้คนอย่างน้อยหมื่นคน
       
       แต่ ณ เวลานี้ “ปารีสน้อย” ก็ยังเงียบเหงา ไร้ผู้คน สื่อท้องถิ่นได้ตีตรา “ปารีสน้อย” เป็น “เมืองร้าง”( ghost town) ไปแล้ว เช่นเดียวกับเมืองร้างที่ผุดขึ้นมากมายในจีน ได้แก่ มหาโครงการในเมืองโอดอส (Ordos) เขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน, นิว เซาท์ ไชน่า มอลล์ (New South China Mall) ในมณฑลก่วงตง, เฉิงกง (Chenggong) ในมณฑลอวิ๋นหนัน (หรือ ยูนนาน) เป็นต้น
       
       
  ยานโรเวอร์ “อี้ว์ทู่” หรือ “กระต่ายหยก” แล่นไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ หลังจากปลดล็อกออกจากตัวยานฯฉางเอ๋อ-3 ภาพนิ่งถ่ายจากวีดีโอของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งจีน หรือ CCTV เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2556 (ภาพ - ซินหวา)        สุดปลื้ม จีนส่งยานฉางเอ๋อ-3 ลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จ
       
       จีนส่งภารกิจสำรวจดวงจันทร์ “ฉางเอ๋อ-3” ซึ่งได้พกอุปกรณ์ลงจอดและยานโรเวอร์ “อี้ว์ทู่” หรือ “กระต่ายหยก” สู่อวกาศในวันที่ 2 ธ.ค.2556 ยานฉางเอ๋อ-3 ลงจอดนับเป็นลงจอดแบบซอฟท์แลนดดิ้ง (soft-landing) บริเวณที่ราบดวงจันทร์ “Sinus Iridum” หรือ “อ่าวสายรุ้ง” ในวันที่ 14 ธ.ค.ตามกำหนด เพื่อปฏิบัติภารกิจขุดค้นทางวิทยาศาสตร์ เป็นเวลา 3 เดือน ถ่ายภาพ วิเคราะห์ตัวอย่างหิน และทำแผนที่พื้นดวงจันทร์ และจีนก็ได้กลายเป็นชาติที่สาม ที่นำยานสำรวจอวกาศลงจอดดวงจันทร์
       
       
  ภาพกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนนั่งแช่เท้าในสระหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส (ภาพ - ซีน่า เวยปั๋ว)        จีนดัดนิสัยนักท่องเที่ยว ออกกฎหมายและคู่มือละลายพฤติกรรม
       
       หลังจากที่พฤติกรรม หรือมารยาทชาวจีน เป็นประเด็นพูดคุยสนั่นเมืองตามที่ต่างๆทั่วโลกมานานนับปี ในวันชาติ 1 ต.ค.ปี 2556 นี้ รัฐบาลจีนก็ได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายท่องเที่ยวฉบับแรกของประเทศ ซึ่งพุ่งเป้าจัดการกับ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” โดยระบุห้ามบรรดาสำนักงานจัดการท่องเที่ยว บังคับลูกทัวร์ซื้อสินค้า หรือบริการจากการกิจกรรมทางเลือกต่างๆ พร้อมกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน เป็นโทษปรับ ระหว่าง 30,000-300,000 หยวน หรือราว 150,000 ถึง 1 ล้าน 5 แสนบาท และถูกเพิกถอนใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจโดยทันทีอีกด้วย พร้อมกันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน ก็ออกหลักแนะแนว 64 หน้า เป็นกฎระเบียบเรียกร้องนักท่องเที่ยวจีน ประพฤติตัวตามบรรทัดฐานที่ศิวิไลซ์
       
       
  รูปปั้นประธานเหมา เจ๋อตง อดีตผู้นำคนสำคัญของจีน ตั้งตระหง่านกลางกลุ่มหมอกควันในเมืองเสิ่นหยัง มณฑลเหลียวหนิง (ภาพ - รอยเตอร์ส)        หมอกพิษไม่เลิกรา โจมตีชาวประชาแดนมังกรตลอดปี
       
       เมื่อมลพิษทางอากาศกลายเป็น “มะเร็งร้าย” ที่คุกคามสุขภาพและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนจีนตั้งแต่ต้นปียันท้ายปี ก่อเกิดวิกฤตศรัทธาในตัวผู้นำที่พยายามหาทางป้องกันแก้ไขทุกวิธีการ โดยเฉพาะอภิมหาคลื่น “หมอกพิษ” ที่ถาโถมทุกซอกมุมเมืองและชนบท ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจแดนมังกรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
  (ซ้าย) นายโจวสี่จวิน คนร้าย ที่ขโมยรถ และฆาตกรรมเด็ก (ขวา) ทารกน้อยที่ชื่อว่า "ฮ่าวโป" (ภาพ - เอเยนซี)        สั่นสะเทือนทั้งสังคม โจรขโมยรถฆาตกรรมทารกวัย 2 เดือน
       
       นายโจว สี่จวิน วัย 48 ปี ก้มหน้ารับคำตัดสินโทษประหารชีวิตจากศาลประชาชนเมืองฉังชุน มณฑลจี๋หลิน หลังจากก่อคดีสะเทือนขวัญโจรกรรมรถยนต์คันหนึ่ง และสังหาร “ฮ่าวปัว” ทารกชายวัย 2 เดือนที่ติดอยู่ในรถด้วยการบีบคอและฝังร่างใต้กองหิมะอย่างเหี้ยมโหด เมื่อวันที่ 4 มี.ค. สร้างความสะเทือนใจและโกรธแค้นทั่วสังคมจีน
       
       ทว่าเด็กกับความรุนแรงยังพบได้บ่อยครั้งในจีน โดยค่ำคืนของวันที่ 23 ก.ค. หนุ่มเลือดร้อนได้ก่อเหตุทุ่มเด็กหญิงวัย 2 ขวบลงพื้นถนนกลางกรุงปักกิ่งจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากมีปากเสียงกับมารดาของเด็กเรื่องที่จอดรถ ซึ่งชายแซ่หาน วัย 41 ปี ผู้ก่อเหตุถูกศาลตัดสินประหารชีวิตเช่นเดียวกัน
       
       
  เด็กชายตัวน้อยร้องไห้กระจองอแง กอดขาผู้เป็นแม่อยู่หน้าบ้านที่พังเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ ณ หมู่บ้านกู่เฉิง ตำบลหลงเหมิน อำเภอหลูซาน เมืองหยาอัน มณฑลเสฉวน ช่วงเช้าของวันที่ 20 เม.ย. (ภาพ - รอยเตอร์ส)        หยาอันธรณีพิโรธ โศกนาฏกรรมที่มิอาจลืมเลือน
       
       ช่วงเช้าของวันที่ 20 เม.ย. ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 7.0 ริกเตอร์ในเมืองหยาอัน มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ส่งผลให้มีเหยื่อเคราะห์ร้ายเสียชีวิตรวม 207 ราย สูญหาย 21 คน บาดเจ็บ 11,500 คน และประชาชนนับล้านต่างเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัย กลายเป็นโศกนาฏกกรรมสุดเลวร้ายครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน
       
       
  เด็กชายกัว ปินปิน หรือเสี่ยวปิน อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ภายในโรงพยาบาลด้านจักษุ เมืองไท่หยวน มณฑลซานซี (ภาพ - เอเอฟพี)        คนที่ไว้ใจ ร้ายที่สุด … ป้าแท้ๆ ควักลูกตาหลานก่อนปล่อยนอนจมกองเลือด
       
       เหตุอาชญากรรมที่สั่นสะเทือนหัวใจชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เมื่อเด็กชายกัว ปินปิน หรือเสี่ยวปิน วัย 6 ขวบ ถูกหญิงใจยักษ์ลักพาตัวไปขณะวิ่งเล่นอยู่นอกบ้านและควักดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนทิ้งให้เด็กน้อยนอนครวญครางจมกองเลือดอยู่ริมถนนในมณฑลซานซี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. โดยจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายผู้ก่อเหตุอาจเป็น “ป้าแท้ๆ” ของเสี่ยวปินที่ชิงฆ่าตัวตายหลังเกิดเหตุสลดได้เพียงหนึ่งสัปดาห์
       
       “ทำไมฟ้ายังมืดอยู่ … ทำไมพระอาทิตย์ไม่ขึ้นเสียที” เสี่ยวปินเฝ้าถามมารดา
       
       อย่างไรก็ดีเสี่ยวปินได้รับการผ่าตัดใส่ดวงตาเทียมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากโรงพยาบาลในนครเซินเจิ้นของมณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา และเดินทางกลับบ้านสู่อ้อมอกพ่อแม่ที่เฝ้ารอการกลับมาของแก้วตาดวงใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
      
  สภาพรถยนต์แล่นเข้าใส่ฝูงชน บริเวณด้านหน้าประตูเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ (28 ต.ค.) เกิดเพลิงลุกไหม้หลังการระเบิดอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้คนขับและผู้โดยสารรวม 3 รายเสียชีวิตคาที่ (ภาพ - เอเยนซี)        ซินเจียงดับเครื่องชน จุดระเบิดพลีชีพใจกลางแดนมังกร
       
       ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่กำลังชื่นชมทัศนียภาพอันกว้างใหญ่ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง ต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดหลังชาวซินเจียง 3 ราย ขับรถยนต์ขนาดเล็กพุ่งเข้าใส่ฝูงชนบริเวณรั้วกั้นหน้าประตูเทียนอันเหมิน ก่อนเกิดการระเบิดและเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ในช่วงเที่ยงวันที่ 28 ต.ค. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บกว่า 40 คน
       
       เหตุการณ์กระตุกหนวดมังกรครั้งนี้ได้สร้างบาดแผลฉกรรจ์และท้าทายระบบรักษาความปลอดภัยสุดเข้มงวดของนครหลวงแห่งนี้ โดยทางการจีนสรุปความว่าเป็น “การก่อการร้าย” ที่มี “ขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก” (ETIM) เป็นนายใหญ่นั่งบัญชาการรบอยู่เบื้องหลัง
       
     
  ตุ๊กตาเป็ดลอยน้ำ สร้างโดยศิลปินชาวดัชต์ Florentijn Hofman ลอยกลางอ่าววิคตอเรีย ฮ่องกง เป็ดยักษ์ลอยน้ำตัว มีขนาด 16.5 เมตร เดินทางมาถึงฮ่องกงเมื่อวันที่ 2 พ.ค. และจะจัดแสดงที่ Ocean Terminal เป็นเวลาหนึ่งเดือน (ภาพ - รอยเตอร์)        กระแสความนิยม “เป็ดเหลือง” ไม่มีตก ฮอตฮิตตลอดปี
       
       ผู้คนจำนวนมากต่างเบียดเสียดกันถ่ายภาพคู่กับเป็ดยักษ์ลอยน้ำ (Rubber Duck) ผลงานของนายฟอร์เรนทิน ฮอฟแมน ศิลปินชาวดัตช์ ที่ฟันฝ่าคลื่นลมมาถึงอ่าววิคตอเรียของเกาะฮ่องกงในวันที่ 2 พ.ค. กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาล ผุดกระแส “เป็ดเหลือง” แทบทุกหัวเมืองใหญ่ทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ ร้อนถึงโฆษกพรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องออกโรงเตือนว่า “การลอกเลียนแบบอย่างไม่ลืมหูลืมตากำลังบ่อนทำลายพลังความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และอนาคตของชาวจีนเอง”
       
       
  ครูวัยเกษียณกับคนงานส่งน้ำ เจ้าของเรื่องราว “ความรักของสองชายชรา” ที่สร้างความฮือฮาทั่วสังคมจีน (ภาพ - เอเยนซี)        “ความรักของสองชายชรา” คู่เกย์วิวาห์หวาน
       
       นับเป็นความกล้าหาญชาญชัยของคุณครูวัยเกษียณกับคนงานส่งน้ำในจีนที่ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราว “ความรักของสองชายชรา” สู่สาธารณะชนผ่านเว็บไซต์เวยปั๋ว (ไมโครบล็อคคล้ายทวิตเตอร์) พร้อมจัดพิธีแต่งงานอย่างเรียบง่ายขึ้นในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ผ่านเสียงสนับสนุนจากโครงการ “บิ๊กเลิฟ” ('Big Love' gay rights campaign) ของนักร้องเกย์ชาวฮ่องกงที่รณรงค์เรียกร้องสิทธิเพื่อกลุ่มคนรักร่วมเพศในฮ่องกงและจีน
       
       อย่างไรก็ดีแม้ชาวเน็ตจีนบางส่วนจะชื่นชมในความรักบริสุทธิ์ของทั้งสอง ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมจีนยังคงยากที่จะทำใจยอมรับกับความรักฉบับต้องห้ามนี้ได้ ทำให้การออกมาประกาศตัวตนของคู่รักชายชราต้องเผชิญกับกระแสเสียดทานมากมายเช่นกัน
       
       “สถานะทางการศึกษาหรืออาชีพไม่ได้มีอิทธิพลเหนือความรักของเรา การอยู่ด้วยกันอาจเป็นเรื่องยากลำบาก แต่เราต่างตกลงปลงใจจะดำเนินชีวิตไปด้วยกันจนวันตาย ไม่มีสิ่งใดจะมาขวางกั้นความรักของเราได้ เราจะต่อสู้ไปด้วยกัน จะยังคงรักกันชั่วนิจนิรันดร์” คุณครูเผยความในใจ
       
       
  ไอ้หนุ่มแพนด้ายักษ์ เค่อ หลิน ขณะชมหนังโป๊แพนด้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ขยายพันธุ์แพนด้าจัดให้ชม (ภาพ - รอยเตอร์ส)        ภาพแพนด้ายักษ์ ดูหนังโป๊ ติดสุดยอดภาพน่าทึ่งแห่งปี 2013
       
       ภาพของแพนด้ายักษ์นั่งชมหนังปลุกอารมณ์ จัดเป็นหนึ่งในสุดยอดภาพน่าทึ่งแห่งปี 2013 ของนิตยสารไทม์ โดยภาพ 'ขี้อายและไร้อารมณ์' มีเบื้องหลังจากเรื่องจริงของเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยอนุรักษ์แพนด้ายักษ์เฉิงตู ที่ลงทุนจัดฉายหนังสารคดีการผสมพันธุ์แพนด้ายักษ์ ให้กับ เค่อหลิน แพนด้าวัย 5 ปี ด้วยมีความหวังว่า เจ้าหนุ่มแพนด้ายักษ์จะสามารถเรียนรู้วิธีและปฏิบัติภารกิจสำคัญเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2556
       
       เจ้าหน้าที่ฯ เผยว่า ความที่เค่อหลิน เป็นแพนด้ายักษ์เกิดในศูนย์อนุรักษ์ โตมาเป็นหนุ่มขี้อาย และไม่ค่อยมีอารมณ์ทางเพศตามวัยฉกรรจ์ของตน ทำให้ความพยายามในการจับผสมพันธุ์ของศูนย์ฯ เป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องหาวิธีต่างๆ นานา เพื่อที่จะให้มันรู้จักจีบเพศเมีย และผสมพันธุ์ตามธรรมชาติให้ได้
       
       
 
31 ธ.ค. 56 เวลา 18:04 4,920 1
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...