10 ทำเลทอง ช็อปสุดชิล เทรนด์ใหม่คนกรุง!!

 

 

 

 

 

ใน 5-6 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ได้รับกระแสความนิยมจากผู้ประกอบการจำนวนมาก เห็นได้จากการประกาศแผนการลงทุนของผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ทั้งที่อยู่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และนอกวงการ รวมถึงกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมใจกันกระโดดเข้ามาในสมรภูมินี้กันอย่างต่อเนื่อง

ทำให้คาดว่าปัจจุบันจะมีโครงการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง ที่เปิดให้บริการอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่แนวโน้มในอนาคตยังจะมีการเปิดพื้นที่เพิ่มออกมากันอย่างต่อเนื่องด้วย โดยมีการรายงานข่าวออกมาว่า เฉพาะภายในสิ้นปี 2556 นี้ จะมีโครงการที่ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จรวมไม่ต่ำกว่า 2.84 แสนตารางเมตร

ซึ่งหากรวมกับโครงการที่เปิดให้บริการมาก่อนหน้าแล้ว การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ก็จะมีมากกว่า 8.56 แสนตารางเมตร แซงหน้าพื้นที่ของไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีพื้นที่รวมกว่า 8.11 แสนตารางเมตร ถือเป็นการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ที่มาแรงแซงโค้งในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว ก็ว่าได้  MThai news ได้สำรวจและรวบรวม 10 อันดับช็ปปิ้งมอลล์สุด ชิล สุดชิคกัน  มาแนะนำดังนี้

1.เดอะ พรอมานาด  รามอินทรา ติดกับศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ตกแต่งสไตล์ยุโรปย้อนยุคทำให้ด้านหน้าเป็นจุดถ่ายรูปสุดฮิตของสาวๆ ให้อารมณ์เหมือนกับคันทรี่รีสอร์ทแถวเขาใหญ่ และแลนด์มาร์คจุดถ่ายรูปของที่นี่คือส่วนน้ำพุด้านใน ซึ่งมีลักษณะเป็นลานวงกลมเปิดโล่งตรงจุดนี้เขาจะเปิดเพลงเพราะๆ ประกอบการเต้นรำของน้ำพุ

2. อะมอรินี่ มอลล์  บรรยากาศสบายตา สไตล์เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ ซึ่งมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยโทนสีฟ้าขาว มีแลนด์มาร์คที่สะดุดตาอย่างกังหันและหอระฆังขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัย  อยู่ริม ถ.รามอินทรา กม.12 ปากทางเข้าสวนสยาม

3. นวมินทร์ เฟสติวัล วอร์ค ถนนเกษตร-นวมินทร์ ศูนย์การค้า Open Air รออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมกึ่งยุโรปโบราณผสมผสานกับความทันสมัย ทั้งการเล่นระดับอาคาร การเพิ่มมิติให้กับร้านค้าที่ทำให้เข้าถึงทั่้วทั้งโครงการ นอกจากนี้ยังรายล้อมด้วยน้ำและพื้นที่สีเขียว เพื่อความร่มรื่น

4. เดอะ เซอร์เคิล ราชพฤกษ์ แหล่งช้อปปิ้ง กินเที่ยว ถ่ายรูปเก๋ๆ ของคนฝั่งธน จุดเด่นของโครงการนี้จะอยู่ที่ตัวอาคารสีสันสดใส แบ่งออกเป็น 3 สไตล์ คือ แนวสมัยใหม่ (Modern) ที่จะอยู่ทางด้านหน้าของโครงการ, โซนยุโรป (European) ตึกสีสันคล้ายๆกับปาลิโอ้ ที่เขาใหญ่ยังไงยังงั้นเลยนะ, และตึกแบบไทยสมัยก่อน (Thai heritage) ที่ใช้สีหวานพาสเทลน่ารักๆ รับรองว่ามีมุมถ่ายภาพเจ๋งๆมากมายถูกใจนักถ่ายภาพ และนางแบบช่างโพสอย่างแน่นอน

5. เดอะวอร์ค ราชพฤกษ์  ไลฟ์สไตล์มอลล์แนวคิดใหม่ ตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์บริเวณวงเวียนราชพฤกษ์ สะดวกทั้งคนที่มาทางแยกแครายข้ามสะพานพระราม 5 หรือจากฝั่งสาทร หรือปากเกร็ดก็สะดวกมากๆ มีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Santa Monica Village และ Santa Monica Shopping Street แบบอย่างจากลอสแองเจิลลิส รวมที่เดินเล่น ช้อปปิ้ง และร้านอาหารอร่อยๆ ต่างๆไว้มากมาย

6. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เจริญกรุง แลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ กับบรรยากาศร่วมสมัย ผสมกลิ่นอายความเป็นตะวันออกและตะวันตก  เป็นการผสมผสานของเก่าที่เคยเห็นอาคารโกดังสินค้า ให้กลายมาเป็นแหล่งชอปปิ้งภายใต้สถาปัตยกรรมสมัย ร.5 หรือที่เรานิยมเรียกๆกันว่า โคโลเนียล โดยจะเป็นการปรับปรุงอาคารเก่า และรักษาโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมในสภาพเดิมไว้เกือบทั้งหมด

7. เค วิลเลจ  สุขุมวิท คอมมูนิตี้มอลล์ย่านสุขุมวิท ที่รวมร้านอาหาร ไลฟ์สไตล์ ต่างๆ ไว้มากมาย โดยที่นี่เน้นร้านสไตล์ญี่ปุุ่น และเกาหลี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทย อีกมากมาย ในช่วงกลางวันและตอนเย็นที่นี่จะคราคร่ำไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่หาที่กินข้าว ซึ่งมีทั้งคนไทย คนญี่ปุ่น และคนเเกาหลี ส่วนใครที่จะมาหาวัตถุดิบทำอาหารญี่ปุ่น และอาหารเกาหลีมาที่นี่ได้เลยเพราะมีให้คุณเลือกเยอะมากมาย

8. นิฮอนมาชิ เจแปนนิส มอลล์ สุขุมวิท นิฮอนมาชิ เจแปนนีส มอลล์ ที่ตั้งอยู่ข้างหลังของ K-village ที่นี่รวมร้านอาหารญี่ปุ่น ทั้งร้านข้าวหน้าเนื้อ (เกียวโนยะ) ร้านแนวอิเซกายะ ร้านอาหารญี่ปุ่นจากโอกินาว่า ร้านตัดผมสไตล์ญี่ปุ่น ร้านญี่ปุ่น 60 บาท ที่นี่จุดเด่นคือมีที่จอดรถกว้างขวาง ในตอนเย็นๆ หลังเลิกงานจะเป็นที่แฮงค์เอาท์ของพนักงานออฟฟิศชาวญี่ปุ่น ใครอยากไปสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ก็ลองเดินทางไปกันดู

9. พาร์ค เลน เอกมัย ตัวอาคารออกแบบสไตล์โรมัน ภายในมีทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ รวมทั้งซุปเปอร์มาร์ตื กลางวันจะเป็นบรรดาคุณแม่บ้านญี่ปุ่นที่พาคุณลูกมาทานอาหารและช้อปปิ้งหลัง เลิกเรียน

10. เรนฮิลล์ สุขุมวิท 47 เป็นการ ผสมผสานความเป็นไลฟ์สไตล์และนวัตกรรมแนวอีโค่ เมื่อเข้ามาจะพบความร่มรื่นของสวนต้นไม้แนวตั้ง และน้ำตกที่เป็นเส้นสายแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ได้ยินเสียงน้ำตกและความชื้นจากต้นไม้ ไปพร้อมๆ กับการเดินเล่น และช้อปปิ้งร้านค้าต่างๆ มากมาย เช่น WINE CONNECTION, PENGUIN LIKES CHOCOLATE, MARUGAME SEIMEN, 2046, ทรอปิเคิลมังกี้ ส้มตำดอกรัก ฯลฯ

สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้โครงการ ช๊อปปิ้ง มอลล์ เหล่านี้จะประสบความสำเร็จคือ

1. ทำเลที่ตั้ง และขนาดของชุมชนรอบข้าง ซึ่งจะต้องตั้งอยู่บนพื้นที่ติดถนนใหญ่ หรือถนนที่เดินทางได้สะดวก และชุมชนรอบข้างจะต้องมีจำนวนหรือขนาดที่มากเพียงพอ โดยพิจารณาทั้งจากพื้นที่ใกล้กับที่อยู่อาศัย สถาบันการศึกษา รวมถึงสถานที่ทำงานต่างๆ

2. รูปแบบของโครงการหรือแนวคิดในการพัฒนา จะต้องมีรูปแบบที่ชัดเจน โดดเด่นและแตกต่างจากโครงการทั่วไป เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของแต่ละโครงการ รวมถึงการวางรูปแบบของโครงการที่จะต้องมีสัดส่วนของร้านค้า และพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการที่ลูกค้าจะมาใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และครบความต้องการของลูกค้า ประการที่

3. การเลือกกลุ่มธุรกิจ และร้านค้า ที่จะเข้ามาอยู่ในโครงการ ซึ่งจะต้องเน้นทั้งคุณภาพ ภาพลักษณ์โดยรวมที่จะต้องสอดคล้องกับภาพลักษณ์หรือรูปแบบของโครงการ และนำมาสู่การเป็นแม่เหล็ก (Magnet) ในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่จะ มาใช้บริการ และประการ

และ4 คือศักยภาพของเจ้าของโครงการ ซึ่งนอกเหนือจากเงินทุนที่มีมากพอในการบริหารโครงการให้แล้วเสร็จ จะต้องมีความสามารถในด้านการบริหารโครงการ ให้มีกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ

ที่มา: http://www.mthai.com/
30 พ.ย. 56 เวลา 10:55 960 80
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...