ทําไม พระ ถึงโกนคิ้ว, ทําไม พระ ถึงโกนผม, ทำไมสีกาจับ พระ ไม่ได้

 

 

 

 

 

พระวันเฉลิม (ทองเนื้อเก้า) บวชเณรแล้ว เรียกได้ว่ากรตุ้นต่อมน้ำตากันได้มากทีเดียว ซึ่งปกติทั่วไปแล้วการออกได้บวชนั้นถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ดีที่สุด ให้กับ พ่อ แม่ ผู้มีพระคุณเลยก็ว่าได้ แต่ก็มีข้อสงสัยที่เกิดขึ้น ว่าทำไมๆๆๆ ทำไม พระ ต้องโดนคิ้ว, ทำไมผู้หญิงแตะตัว พระ ไม่ได้ ลองมาหาคำตอบกันดีกว่า

ทำไม พระ ต้องโกนผม
จากข้อความอรรถกถา “เป็นผู้ครองผ้าสังฆาฏิ  มีศีรษะโล้นที่เอามีดโกนปลงผม  บริโภคอาหารที่ได้ด้วยการขอ” “การทำวัตถุภายใน และภายนอกให้สละสลวย ชื่อว่าการทำวัตถุให้สละสลวย. ก็เวลาใด ภิกษุมีผม เล็บ และขนยาวเกินไป หรือร่างกาย สกปรกเปรอะเปื้อนด้วยเหงื่อและไคล เวลานั้น วัตถุภายใน (คือร่างกาย) ไม่สละสลวยไม่สะอาด. แต่ในเวลาใด จีวรเก่าคร่ำคร่า สกปรก เหม็นสาบ หรือเสนาสนะรกรุงรัง ในเวลานั้น วัตถุภายนอกไม่สละสลวย ไม่สอาด. เพราะฉะนั้น จึงควรทำวัตถุภายในให้สละสลวย ด้วยกิจมีการปลงผมเป็นต้น” ซึ่งจากคำสั่งสอนที่บอกต่อกันมาว่า ไม่ต้องการให้พระให้ความสำคัญกับทรงผม หรือ มาหวงหล่อกับทรงผมจนเกินไป

ทำไม พระ ต้องโดนคิ้ว
เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนแน่นอน เพราะ พระ ที่โกนคิ้วมีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีการเล่าต่อกันมา คือ ในสมัยที่อยุธยากับพม่า ยังทำศึกสงครามรบกันอยู่นั้น พม่าส่งทหารปลอมตัวเป็นพระลอบเข้ามาสืบข่าวในพระนคร พระเจ้าอยู่หัวจึงได้รับสั่งให้ พระ ไทยต้องโกนคิ้ว เพื่อแยกแยะระหว่าง พระ ไทยกับ พระ ที่ปลอมมาได้ และอีกคำเล่าคือ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปรากฎว่ามีพระสงฆ์ได้ยักคิ้ว หลิ่วตา ให้กับหญิงสาว จึงเป็นกระแสวิจารณ์ไม่ดีกับพระสงฆ์ จึงได้มีรับสั่งให้พระสงฆ์ต้องโกนคิ้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทำไมสีกาจับพระไม่ได้
ข้อนี้มีในสังฆาทิเสส เป็นความผิดหากทำสิ่งนี้  สิกขาบทที่ ๒ “ห้ามภิกษุมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ จับช้องผม หรือลูบคลำอวัยวะใดๆ ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด” แต่ข้อนี้จะสังเกตได้ว่าพระสงฆ์ในประเทศอื่น หรืออย่างในพม่า พระ สามารถถูกตัวผู้หญิงได้ เนื่องจาก เชื่อมั่นในจิตที่เป็นบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่เป็นการเล้าโลมหญิงสาว ซึ่งเป็นข้อห้ามเช่นเดียวกัน

 

ที่มา:
19 พ.ย. 56 เวลา 19:38 1,678 1 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...