7 เมนูสุขภาพ "แปลก-อร่อย" ในโฮจิมินห์

 

 

 

 

โดย เฮือง มาย


วัดความแออัดบนถนนหนทาง "โฮจิมินห์" ถือเป็นเมืองหนึ่งที่ยัดเยียดยวดยานคับคั่งเต็มท้องถนน

หลบเข้าไปในตรอกซอกซอยก็หนาแน่นพอกัน แต่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ริมถนน ซอกตึก ทั้งหาบเร่ ปั่นจักรยาน ทั้งแบบเคลื่อนที่และปักหลัก 

ใครได้ไปเยือนเมืองนี้ไม่ต้องกลัว "อด" มีของกินให้เลือกตามรายทางเต็มไปหมด สำหรับร้านขนาดย่อมจะมีเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ แบบที่เรียกกันว่า "ตั่ง" มีโต๊ะตัวเล็กเรียงยาวไปตามถนน และผ้าเย็นไว้ให้บริการลูกค้า

เมนูแรกที่อยากแนะนำให้นั่งยอง ๆ ชิมก็คือ "วุ้นเส้นเป็ดใส่หน่อไม้" (เหมียน วิธ มัง) อยู่ใกล้ตลาดแบนแถ่ง ย่านการค้าของฝากใหญ่ในเมืองโฮจิมินห์ สนนราคาที่ชามละ 50 บาท



คนที่นี่เรียกอาหารเส้นว่า "เหมียน" โดยมีแม่ค้าหาบเร่บรรทุกเตาถ่าน หม้อน้ำซุป และอุปกรณ์ประกอบอาหารพร้อมเครื่องปรุงมาวางขายได้สบาย โดยไม่เสียค่าเช่าหรือหาบหนีเทศกิจ

วุ้นเส้นชามนี้มีสีน้ำตาลไม่ฟอกขาว เมนูยอดฮิตของที่นี่ 

น้ำซุปรสชาติกลมกล่อมหอมหวานจากเป็ดตุ๋นและหน่อไม้ โรยหน้าด้วยผักชี ทานกับผักสดจำพวก หัวปลีซอย ผักกาดใบเขียวและถั่วงอก หรือจะปรุงรสเพิ่มด้วยพริกน้ำส้มรสจัดจ้านยิ่งขึ้น 

เมื่อทานอาหารรสจัดชามอุ่นกันแล้วก็มาดับร้อนต่อกันที่เมนูชื่นใจกับ "เยลลี่หญ้าดอกขาว" หรือสมุนไพรหมาน้อย ราคาประมาณ 30 บาท รสหวานน้อย เย็นนุ่มลื่น มีกลิ่นคล้ายใบบัวบก 


"หมาน้อย" เป็นชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ขึ้นตามที่รกร้าง เป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่หลายคนมองข้าม แต่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องมีฤทธิ์เย็น ช่วยเรื่องอาการไข้ และสมานแผล แก้ท้องอืด แก้ปวดท้อง หากใครที่ชอบหวานนำก็สามารถเติมน้ำผึ้งลงไปได้ นับเป็นเมนูขนมหวานที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

อีกเมนูที่เด่นไม่แพ้กัน จากส่วนผสมของ "กระทกรก" หรือเสาวรส ปกติจะนำมาทำเป็นของหวานหรือน้ำผลไม้ แต่ที่ร้าน "กุกแกก" เขต 1 มีเมนูของคาวที่ทำจากกระทกรกให้เราลิ้มลอง


"ปลาสวายผัดกระทกรก" ปลาสวายเวียดนาม หรืออีกชื่อหนึ่งในแวดวงอุตสาหกรรมคือปลาดอลลี่ นิยมนำมาประกอบอาหารในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นแบบแช่แข็ง และเนื้อเด้งเหมือนไม่ใช่เนื้อปลา เนื่องจากผ่านกระบวนการแช่แข็งยาวนาน รสชาติจึงเปลี่ยนแปลงไป 

วันนี้ได้กินปลาสวายที่ไม่แช่แข็งก็รู้สึกว่าอร่อยดีเหมือนกัน สำหรับเมนูปลาสวายผัดกระทกรก ราคาประมาณ 120 บาท เนื้อปลาสวายหั่นเป็นลูกเต๋า ทอดกรอบแล้วนำมาผัดกับหอมหัวใหญ่และกระทกรก ให้รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ และความกรุบกรอบของเมล็ดกระทกรก ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยจนอยากจะเห็นหน้าคนปรุง

ขอยกนิ้วโป้งพร้อมเปล่งเสียงดัง ๆ ว่า "งอน" แปลว่าอร่อย 

มาต่อกันที่เมนูอาหารที่ร้านเฮืองลาย เขต 1 กับเมนู "มะเขือยาวย่างผัดหมู" รับประทานกับข้าวกล้องร้อน ๆ ราคาประมาณ 190 บาท

เมนูนี้อร่อย ไม่เลี่ยน เนื้อมะเขือนุ่ม หอมกลิ่นต้นหอมและพริกสับ 

เคล็ดลับอยู่ที่ขั้นตอนการลวกมะเขือก่อนนำมาย่างแล้วจึงนำไปปรุงอาหาร แถมการทำอาหารของที่นี่ยังใช้ดูคู่ครองได้อีกด้วย 

ไม่ใช่ดูนางให้ดูแม่ แต่ดูนางต้องดูที่การย่าง

"ถ้าจะเลือกผู้หญิงมาเป็นแฟน ให้ดูว่าย่างเนื้ออร่อยหรือเปล่า" หนุ่มหน้าตี๋ ผู้จัดการร้านเมย์ เขต 1 เปรยขณะแนะนำอาหารพร้อมอธิบายเหตุผลต่อว่า 

"เพราะการย่างเป็นวิธีการที่ซับซ้อน และต้องใจเย็นที่สุด" 

นั่นเป็นต้นเหตุให้ลองชิมเมนู "เส้นหมี่หมูย่าง" ของร้านเมย์ ราคาจานละ 200 บาท ไม่ผิดหวังเพราะเส้นหมี่นุ่ม ม้วนหมูย่างมีรสชาติเค็มหวานพอดี โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวกรอบ ๆ และผักกาดหอมซอย แกล้มด้วยผักดองกับน้ำจิ้มใสใส่พริก หอมมันอร่อย แถมที่ร้านยังมีน้ำผลไม้คั้นสดร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น น้ำสับปะรดสด น้ำอะโวคาโด น้ำมะพร้าว ให้ดื่มชื่นใจอีกด้วย

อากาศที่นี่ก็มีหลากรสเหมือนเมนูอาหาร กลางวันร้อนและฝน กลางคืนมีลมเย็น 

ดังนั้นอาหารประเภทหม้อไฟสร้างความอบอุ่นให้ได้ดีทีเดียว 

"หม้อร้อนเห็ดรวม" เป็นอาหารยอดฮิตอีกอย่างหนึ่งของชาวเวียด เห็ดและผัก 3 อย่างวางอยู่บนจานให้คีบลงหม้อน้ำซุปลอยกระเทียมเจียว และมีต้นหอมผักชีเป็นเครื่องชูรส กลิ่นหอมเตะจมูก ทานกับขนมจีน ซดลื่นคอ เหมาะสำหรับคนเป็นหวัดจริง ๆ ทั้งหม้อราคาประมาณ 300 บาท

นอกจากหม้อไฟเห็ด ยังมี หม้อไฟรวมมิตร หม้อไฟทะเล และอื่น ๆ 


การกินอาหารที่ยังร้อน ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมหลักที่มาจากแนวคิดเรื่องสุขภาพเป็นหลัก 

เมนูสุดท้ายที่ขอนำเสนอคือเมนูเมืองเว้ที่ขายในโฮจิมินห์ คือ

ข้าวหน้าหอยใส่กะปิ เขต 1 นับเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง อย่างหอยแม่น้ำ (น้ำกร่อย) ตัวเล็ก ๆ ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ผักสด และสารพัดเครื่องปรุงทั้งงาขาว ถั่วลิสงคั่ว แคบหมู ทานคู่กับน้ำกะปิ พริกป่นและมะนาว เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีน้ำซุปให้ซดคล่องคออีกด้วย ราคาไม่แพงแค่ 150 บาท


หลังจากที่ตระเวนชิมรอบเมืองเพื่อเก็บข้อมูลอาหาร พบว่าชาวเวียดนามนิยมทานอาหารทุกอย่างเป็นจานใหญ่ หมายถึง "กินเยอะ กินให้อิ่มท้อง ไม่กินของจุกจิก"

ภาพผู้คนล้นหลามกรูกันแย่งซื้ออาหารเป็นเรื่องปกติ เพราะจำนวนประชากรเวียดนามในปีนี้มีประมาณ 90 ล้านคน ส่วนใหญ่ก็กระจุกอยู่ในเมือง จึงถือว่าเป็นสังคมที่ค่อนข้างเนืองแน่นไปด้วยผู้บริโภคที่มีกำลังจับจ่ายใช้สอย

ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5EVXdNams1TkE9PQ==§ionid=
 
16 พ.ย. 56 เวลา 13:19 2,062 100
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...