คุมกำเนิดอย่างไร??ไม่ให้ท้อง

 

 

 

 

 

คุมกำเนิดอย่างไร??ไม่ให้ท้อง

          การวางแผนครอบครัว เรื่องใหญ่ที่ต้องนึกถึงคือ การวางแผนมีลูก บางท่านเรื่องเงินไม่มีปัญหา แต่หาคนเลี้ยงที่ไว้ใจไม่ได้ หรือบางคน พร้อมจะเลี้ยงแต่ติดเรื่องค่าใช้จ่าย หรือมีลูกคนแรกแล้ว แต่พักท้อง สัก 2 ปี เลี้ยงลูกคนโตให้เต็มที่ แต่ละท่านก็ต่างเหตุผลกันไป ฉะนั้น การคุมกำเนิดจึงต้องเข้ามาอยู่ในแผนของชีวิตคู่ มาดูกันสิว่า การคุมกำเนิดมีไหนบ้าง

1. คุมกำเนิดแบบถาวร ก็คือ การทำหมัน วิธีนี้คุณต้องแน่ใจแล้วว่าไม่ต้องการมีลูกอีก สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

           1.1การทำหมันชาย

 

ไม่ใช่การตอนแต่อย่างใด แต่คือการทำให้ท่อน้ำเชื้ออสุจิทั้ง 2 ข้างตีบตัน โดยแพทย์จะผูก ตัด หนีบ หรือจี้ด้วยไฟฟ้า ทำให้ทางเดินอสุจิขาด อสุจิจึงไม่สามารถเดินทางผ่านเข้ามาในมดลูกได้ การทำหมันชายได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีข้อดีมากกว่าการทำหมันหญิง คือ

เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วกว่า ทำเสร็จภายในเวลา 15 นาที ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง พบอาการแทรกซ้อนน้อยมาก ค่าใช้จ่ายน้อย มีวิธีการทำหมันชายที่ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องเย็บแผล

          1.2 การทำหมันหญิง

.“ทำหมันหญิง” จะคล้ายผู้ชาย คือ การผ่าตัดผูกท่อนำไข่ เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ที่ปีกมดลูก คุณแม่ท่านใดที่ตัดสินใจทำหมันหลังจากคลอดลูกภายใน 24 ชั่วโมง จะเรียกว่าทำหมันเปียก แต่ถ้ามาทำภายหลัง เรียกว่า ทำหมันแห้ง

 

                                        

 

 

 2. ถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดหาซื้อได้ง่าย ใช้ง่าย ราคาไม่แพง สามารถป้องกันโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย ปัจจุบันมีออกมาจำหน่ายมากมายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิว กลิ่น หรือบางชนิดก็มีการเคลือบสารเคมีฆ่าเชื้ออสุจิ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความพอใจ แต่มีข้อควรระวังคือ “ผู้หญิงบางคนอาจจะแพ้วัสดุที่ผลิตถุงยางได้” ดังนั้น ควรเลือกถุงยางที่ผลิตจากยางธรรมชาติ จะดีที่สุด

 

 

3. ยาคุมกำเนิด เป็น วิธีการคุมกำเนิดที่นิยมกันมากที่สุด และให้ผลดี ซึ่งผลของยาคือ ทำให้ไข่ไม่ตก แต่ก็เป็นหน้าที่ของคุณผู้หญิงที่ต้องไม่ลืมรับประทานยา เพราะถ้าลืมบ่อยๆ ก็อาจจะผิดพลาดเกิดการตกไข่ขึ้นมาได้ และการรับประทานยาคุมกำเนิดนี้ บางคนอาจจะมีอาการแพ้ หรือมีประจำเดือนผิดปกติ จึงต้องสังเกตตัวเองให้ดี

….“สำหรับคุณแม่ที่ยังอยู่ในช่วงให้นมลูก” ก็ไม่แนะนำให้รับประทานค่ะ ควรใช้วิธีใช้ถุงยางอนามัยไปก่อน และทางที่ดีที่สุดคือ ก่อนเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิด อาจจะให้คุณหมอตรวจสุขภาพเสียก่อนว่าควรรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดใด หรือใช้ยาคุมได้หรือไม่ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง

 แบบ 21 เม็ด จะเป็นฮอร์โมนทั้งหมด

     

 

 เราจะเริ่มกินยาคุมกำเนิดเมื่อไร?

 1.แผงแรกเม็ดแรกให้เริ่มกินภายใน 5 วัน นับจากวันแรกที่มีรอบเดือน มิฉะนั้นจะยับยั้งไข่ตกไม่ทันในรอบนั้น ยกเว้นยาคุมแบบ 20 ไมโครกรัมควรเริ่มตั้งแต่วันแรกที่รอบเดือนมา เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ก็สามารถมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่แผงแรกทันที
 
2.ไม่ต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย
 
3.เมื่อเริ่มกินยาคุมแล้ว ให้กินไปเรื่อยๆเรียงไปตามลูกศร
 
4.ระหว่างกินยา ถ้ารอบเดือนมากระปริบกระปรอยก็ไม่ต้องหยุดยา กินตามปกติจนหมดแผง หมดแผงแล้ว ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดวันรุ่งขึ้นให้กินแผงใหม่ต่อทันที ไม่ต้องรอรอบเดือน ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม
 
5.ถ้าเป็นแบบ 21 เม็ดหมดแผงแล้ว (ปกติหมดเม็ดที่ 21 แล้ว อีก 2-3 วันรอบเดือนก็จะมา) เว้นไม่กิน 7 วัน เมื่อครบ 7 วันที่ไม่กินแล้ว วันที่ 8 ให้เริ่มแผงใหม่ทันที ไม่ว่ารอบเดือนจะมาหรือไม่มา รอบเดือนจะหยุดหรือไม่หยุดและระหว่างที่ไม่กินยา 7 วันนั้น ก็สามารถมีเพศสสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์
 
6.ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ด เมื่อหมดแผง ก็ต่อด้วยแผงใหม่ทันที  ห้ามหยุดยา   

 

 ถ้าลืมกิน ควรทำอย่างไร..

1.ถ้าลืมกิน นึกได้เมื่อไหร่ ให้กินทันที (เท่ากับกินเม็ดนั้นช้าไปหน่อย) ห้ามผัดวันอีกต่อไป แล้วกินเม็ดถัดมาตามเวลาที่เคยกิน แต่ถ้านึกได้ในเวลาที่ต้องกินอีกเม็ด ก็กินสองเม็ดควบเลย

2.ในกรณีที่ลืมกิน 2 เม็ด ให้กิน 2 เม็ดที่ลืม แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นกินอีก1เม็ด เย็นนั้นกิน 1 เม็ด เช้าวันรุ่งขึ้นกินอีกเม็ด (เพิ่มตอนเช้า สองเช้า เช้าละเม็ด)

กรณีเช่นนี้อาจทำให้รอบเดือนมากระปริบกระปรอยได้
และถ้าลืมในช่วง 1 – 7 เม็ดแรก โอกาสพลาดอาจเกิดขึ้นได้ จึงต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นช่วย เช่น ถุงยางอนามัย แต่ถ้าลืมในช่วงท้ายๆหรือจะหมดแผงก็ไม่ค่อยมีผลมากเท่าไหร่

3. ถ้าลืมกิน 3 เม็ด ให้หยุดยา รอให้รอบเดือนมา แล้วเริ่มแผงใหม่ภายใน 5 วัน 

 4. ยาฝังคุมกำเนิด เป็นการนำฮอร์โมนมาฝังไว้ใต้ผิวหนังช่วงแขนด้านใน ซึ่งเมื่อฝังยานี้เข้าไปแล้วจะคุมกำเนิดได้ถึง 3-5 ปี ถ้าคู่ไหนคิดว่าอยากมีลูกห่างกันขนาดนี้ วิธีนี้ก็สะดวกดีค่ะ

 

                                   

5. ยาฉีดคุมกำเนิด แบบนี้เหมาะกับคุณผู้หญิงที่ชอบลืมกินยา ใช้วิธีฉีดยาคุม ส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ 3 เดือน ซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นเดียวกับชนิดยากิน แต่มีข้อเสียคือ บางคนอาจจะรอบเดือนไม่มา หรือมากะปริบกะปรอย ซึ่งอาจจะสร้างความอึดอัด หรือรำคาญให้กับคุณได้ และบางคนอาจจะมีอาการแพ้ยาฉีดก็เป็นได้

                                                           

 

6. ใส่ห่วงอนามัย เป็นการใส่เครื่องมือในโพรงมดลูก เหมาะกับผู้หญิงที่เคยมีลูกแล้ว และมีอาการแพ้ยาคุมชนิดรับประทานหรือฉีด ห่วงอนามัยจะมีหลายชนิด ทั้งชนิดที่มีตัวยา และไม่มีตัวยาใดๆ การใส่ห่วงต้องให้คุณหมอเป็นผู้ใส่ให้ อยากมีลูกตอนไหน ก็ให้คุณหมอถอดออกให้ และโดยปกติจะใส่ครั้งละ 3 ปี

 

 7. การนับวัน ที่เรามักได้ยินกันว่า ระยะปลอดภัยจากการตั้งครรภ์คือ หน้า 7 หลัง 7 จากวันที่มีประจำเดือน ซึ่งหมายถึง การกะระยะเวลาที่ไข่ไม่ตก การคุมกำเนิดวิธีนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีประจำเดือนคลาดเคลื่อน ฉะนั้นถ้าไม่แน่ใจ และไม่อยากพลาด ไม่ควรใช้วิธีนี้

 

8.หลั่งข้างนอก ต้องอาศัยวิทยายุทธ์ของฝ่ายชาย ว่าสามารถหลั่งข้างนอกโพรงมดลูกได้ทันหรือไม่ ถ้าแน่ใจก็อาจจะได้ผลคุมกำเนิดเพียง 80% เท่านั้น เพราะโดยปกติ ก่อนที่จะถึงจุดสุดยอดโดยมีน้ำอสุจิหลั่งออกมา ก็อาจจะมีน้ำเชื้อที่ซึมๆ ออกมาก่อนหน้าก็เป็นได้ จึงเป็นอีกวิธีที่ไม่อยากแนะนำ ถ้ายังไม่พร้อมมีบุตรค่ะ

….ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการคุมกำเนิดแบบใด ก็ต้องดูที่สุขภาพ ความเหมาะสม และความพอใจของคู่คุณเป็นหลัก และถ้าตัดสินใจได้แน่นอนแล้วว่า ไม่ขอมีลูกอีกแล้ว ก็แนะนำให้ทำหมันแบบถาวรเพื่อความสบายใจ สบายตัว แต่จะเป็นฝ่ายไหนที่ไปทำ ก็ต้องแล้วแต่ตกลงกันล่ะค่ะ

 

29 ส.ค. 56 เวลา 08:50 4,651 1 130
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...