นักบินเทใจให้ “กริพเพน” ปินส์เล็งฝูงใหญ่แผนพัฒนาทัพฟ้าทะลุเมฆ

 

 

 

 

 

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนีกโน อะคีโน จูเนียร์ (Benigno Aquino Junior) ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ร่วมกับผู้บัญชาการทหารอากาศ พลโทลอโร คาตาลิโน ดี ลา ครูซ (Lauro Catalino de la Cruz) เนื่องในโอกาสวันครบรอบปีที่ 66 การก่อตั้งกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ พิธีจัดขึ้นที่ฐานทัพอากาศคลาร์ก เมืองปัมปังกา (Pampanga City) ใกล้กับกรุงมะนิลา วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำฟิลิปปินส์ถือโอกาสนี้ประกาศแผนพัฒนาทัพฟ้าให้ทัดเทียมกับเพื่อนบ้านภายในปี 2539 ขณะที่การหยั่งเสียงโดยสำนักข่าวของทางการพบว่านักบินกองทัพอากาศส่วนใหญ่เทใจให้กับ JAS-39 กริพเพน. -- Philippines Star/Willy Perez.

ซาบแถลงในวันพุธ 3 ก.ค.ว่า ได้เริ่มประกอบกริพเพ่นยุคใหม่ หรือ “กริพเพน E” (กริพเพนยุคใหม่/Next Generation) ซึ่งมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน โดยใช้เครื่องมือ และวิธีการทันสมัยที่สุด และหลังจาก “การวิจัยและพัฒนาอันเข้มงวด” ซาบใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ กว่า 1,000 คน ในการพัฒนา สร้างและประกอบกริพเพน-อี บริษัทผู้ผลิตกล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ออกจากสำนักงานใหญ่ในกรุงสตอกโฮล์ม
       
       เครื่องต้นแบบที่ใช้รหัสเรียก “39-8” ผลิตออกมาเพื่อแสดงความสมบูรณ์แบบก่อนจะเริ่มเดินสายการผลิตออกสู่ตลาด และ กริพเพน-อี สมบูรณ์แบบลำแรกนี้ จะเป็นเครื่องที่ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ ยุคใหม่ทั้งหมด รวมทั้งระบบเชื่อมโยงการสื่อสารใหม่ ระบบควบคุมการบินที่ล้ำยุค ติดเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ทำให้บินได้ระยะทางไกลขึ้น นอกจากนั้น ยังมีจุดติดอาวุธมากขึ้น บรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น ห้องนักบินเป็นระบบดิจิตอลที่ใช้จอแสดงผลแบบ “เฮด-อัป” (Head-Up Display) รวมทั้งติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ล่าสุด กลุ่มซาบกล่าว
       
       เครื่องต้นแบบ “39-8” ออกแบบขึ้นจากกริพเพนรุ่นเดิม แต่จะเป็นเครื่องบินรบที่แสดงฟีเจอร์ใหม่ๆ และขีดความสามารถต่างๆ ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งใหม่ๆ อันเป็น “การก้าวกระโดดทางเทคนิค” หลังจากที่กลุ่มซาบนำกริพเพ่น อี/เอฟ ซึ่งเป็นเครื่องสาธิต ออกแสดงให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วตั้งแต่ต้นปีจน ปัจจุบันมีชั่วโมงบินรวมกว่า 250 ชั่วโมง
       
       กลุ่มซาบออกแถลงเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ว่า การทดลองยิงจรวดมีทีออร์ (Meteor) “ผีพุ่งไต้” จาก JAS-39 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยร่วมกับองค์การวัสดุอุปกรณ์กลาโหมของสวีเดน และได้เริ่มผลิตจรวดต่อสู้อากาศยานควบคุมด้วยเรดาร์ แบบยิงจากอากาศสู่อากาศรุ่นนี้แล้ว
       
       “กริพเพนจึงเป็นเครื่องบินรบรุ่นแรกในโลกที่มีขีดความสามารถในการยิงจรวดมีทีออร์เวอร์ชันนี้” ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับกริพเพน ยูโรไฟเตอร์ (อังกฤษ) และราเฟล (ฝรั่งเศส) กลุ่มซาบกล่าว
       
       การทดลองยิงจรวดมีทีออร์ 2 ลูกจากกริพเพน จัดขึ้นวันที่ 30 มิ.ย.2556 จรวดทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างแม่นยำ “ซึ่งแสดงให้เห็นประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมในการเชื่อมสัญญาณติดต่อกันระหว่างเครื่องบินกับจรวด ตลอดจนขีดความสามารถในการล็อกเป้าหมายของจรวด”
       
       นอกจากนั้น ยังเป็นการทดลองอุปกรณ์ควบคุมใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับนักบินของกริพเพน กับระบบเรดาร์ PS05 ของซาบ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถติดตั้งบนกริพเพนซีและดี ได้ทันที นายไมเคิล โอสเตอร์เกรน ผู้อำนวยการโครงการทดลองนี้กล่าวในคำแถลงของซาบ
       
       มีทีออร์ เป็นจรวด BVRAAM (Beyond Visual Range Air-to-Air Missile) ใช้ยิงทำลายเป้าหมายที่อยู่พ้นระยะสายตาในระยะไกลออกไป ระบบจรวดมีทีออร์เกิดจากการวิจัยและทดลองร่วมกันของหน่วยงานกลาโหมของหลายประเทศยุโรปคือ สวีเดน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมนี และอังกฤษ

กริพเพน NG ติดจรวด IRIS-T, Meteor และ จรวด GBU-10 เครื่องบินรบของสวีเดนติดอาวุธได้หลายสิบชนิด ปฏิบัติการได้ทั้งเชิงเดี่ยวและฝังตัวในระบบป้องกันที่ใหญ่โตโดยการสื่อข้อมูลระหว่างกันด้วยระบบอันล้ำยุค.

กริพเพน Next Generation ในภาพจากคอมพิวเตอร์ ถ้าหากกองทัพอากาศฟิลิปปินส์เลือกเครื่องบินรบของสวีเดนก็คงจะไม่พ้นเวอร์ชั่นล่าสุดที่กำลังประกอบอยู่ในขณะนี้ คือ กริพเพน-อี ที่ก่อเกิดมาพร้อมกับจรวดมีทีออร์ล้ำสมัย.

หมายเลข 101 ของกองทัพอากาศสวีเดนมีข้อความติดเอาไว้ที่แพนหางว่า Gripen-Meteor บอกให้รู้ว่าสองสิ่งนี้เป็นของคู่กัน กองทัพอากาศสวีเดนเป็นแห่งแรกที่นำจรวด AAM ล้ำยุครุ่นนี้เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2556 "ไต้ฝุ่น" ของอังกฤษ กับ "ลาฟาล" ฝรั่งเศสเริ่มติดตั้งในปี 2558.

จรวดมีทีออร์ไปออกงานกับยูโรไฟเตอร์ไต้ฝุ่นของอังกฤษ ข้อความโฆษณาบอกว่าเป็นจรวดยิงเป้าหมายที่อยู่ไกลลับสายตา ร่วมกันพัฒนาโดยหลายประเทศเพื่อติดตั้งใน JAS-39 กริพเพน "ไต้ฝุ่น" กับราฟาล ของดาสซอลต์ แห่งฝรั่งเศส ขณะที่กองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์ประกาศจะนำจรวด AAM รุ่นนี้ไปติดตั้งใน F-35 ที่ซื้อจากสหรัฐ.

กริพเพน-อี หรือ กริเพนเอ็นจี (Next Generation) ตัวใหม่ที่อยู่ระหว่างประกอบเครื่องทดสอบ งามหมดจด ติดตั้งอุปกรณ์ยุคใหม่ทุกชิ้น ซาบกล่าวว่ากริพเพนรุ่นปัจจุบันราคาลำละ 60 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่ยังไม่มีการประกาศราคาของกริพเพน-อี ที่จะตามออกมา.

หุ้นส่วน 6 ประเทศที่ร่วมกันพัฒนากล่าวว่าทันทีที่ยิงออกไป จรวดมีทีออร์จะทำให้เกิด No Escape Zone (เขตหมดโอกาสหลบหนี) ขึ้น อันเป็นมาตรฐานที่เหนือกว่า AIM-120 AMRAAM ของเรย์ธีออนแห่งสหรัฐ ระยะปฏิบัติการของมีทีออร์ยังเป็นความลับ แต่เชื่อกันว่าเป็นระยะลับสายตา 100 กิโลเมตรขึ้นไป เคล็ดลับอยู่ที่การสามารถควบคุมระบบจรวดขับดันได้ ซึ่งเมื่อเข้าใกล้เป้าหมายจะบังคับให้ "ผีพุ่งใต้" พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงถึง 4 เท่าเสียงหมดโอกาสที่จะยิงสะกัด.

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...