ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom

 

 

 

 

 

 

 

งงป่ะหล่ะ!? ใครจะรู้ว่า โปรแกรมเนโร Nero Burning Rom ที่เราใช้ Write CD หรือ DVD กันอยู่ทุกวันนี้มันมีประวัติด้วย? วันนี้ teen.mthai นำเรื่องราวประวัติของโปรแกรมนี้มาฝากเพื่อนๆกัน ไปดูซิว่าที่มาของมันมากจากไหน … รับรองเรื่องนี้สนุกแน่ๆ

เกริ่นนำและเรียบเรียงโดย teen.thai

ประติมากรรมรูปพระพักตร์จักรพรรดินีโรจอมโหด

ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom

สมเด็จพระจักรพรรดินีโร มีชื่อเต็มว่า “ลูเซียส คลอดิอุส นีโร” หรือที่รู้จักในชื่อ ”นีโรจอมโหด”  เป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน แห่งจักรวรรดิโรมัน เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 37 ที่เมืองแอนเธียม แห่งจักรวรรดิโรมัน

บิดาชื่อ งาเออุส โดมิทิอุส อาเฮโนบาร์บุส (Gnaeus Domitius Ahenobarbus) มารดาชื่อ อากริพพินา ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของจักรพรรดิคาลิกูลา (Caligula) จักรพรรดิรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน

จริงๆ แล้วนีโรเป็นจักรพรรดิที่ดี แต่มีบางสิ่งที่ทำให้พระองค์กลายเป็นจักรพรรดิจอมโหดจนพระนามถูกสลักเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์นั้น เห็นจะเป็นเพราะ “พระกรรณเบา” หลงเชื่อคำยุยงของคนผิดนั่นเอง

ศิลปินนักวาดภาพจำนวนมากถ่ายทอดภาพที่เกิดขึ้นในคืนไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรมออกมาตามจินตนาการของตัวเอง

ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom : ประวัติศาสตร์ จักรพรรดิ์นีโร 

เรื่องราวเริ่มต้นจาก ตอนที่นีโรเพิ่งเกิด ได้เกิดศึกใหญ่ระหว่างโรมันกับเยอรมนี จักรพรรดิคาลิกูลาผู้มีศักดิ์เป็นลุงของนีโร นำทัพไปรบ แต่ก็มีข่าวออกมาว่า อากริพพินา น้องสาวของพระองค์กำลังวางแผนโค่นอำนาจพระองค์ จึงทรงสั่งเนรเทศอากริพพินาไปยังเกาะพอนเธียน ทั้ง ๆ ที่นีโรยังเล็กมาก เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับพ่อ แต่ไม่นานนักงาเออุสพ่อของนีโรเสียชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นโรคบวมน้ำ จักรพรรดิคลอดิอุส จึงรับเลี้ยงดูนีโรต่อ ซึ่งในช่วงปีนี้ นีโรมีความฝันอยากจะเป็นศิลปิน

ต่อมาจักรพรรดิคาลิกูลาก็ถูกลอบสังหารขณะชมกีฬา สภาสูงสุดแห่งโรม เนื่องจากเป็นทรราชย์สุดโฉดและสร้างเรื่องฉาวจนจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ พระองค์จึงมีมติให้คลอดิอุสครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 (เขาเป็นคนดี) ปกครองบ้านเมืองได้สงบร่มเย็นตลอดรัชกาล เขานำอากริพพินากลับมายังโรมันเพื่อมาพบนีโร ทำให้แม่ลูกได้พบกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อากริพพินาแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่งเพื่อยกฐานะตนให้รวยขึ้น ต่อมาเศรษฐีเสียชีวิตลง อากริพพินาและนีโรจึงได้สมบัติไปเต็มๆ (ว้าววว)

แต่มีความสุขกันได้ไม่กี่ปี ภรรยาของคลอดิอุสถูกจับได้ว่าคิดกบฏ จึงถูกสั่งประหารชีวิต อากริพพินาจึงพยายามจะแต่งงานกับคลอดิอุส เพื่อยกฐานะนีโรให้เป็นบุตรบุญธรรมของจักรพรรดิ จนหลังจากเกิดเรื่องภรรยาคลอดิอุสถูกประหารชีวิตไปราวหนึ่งปี อากริพพินาแต่งงานกับคลอดิอุสได้สำเร็จ นีโรได้กลายเป็นบุตรบุญธรรมของคลอดิอุส นีโรจึงเปลี่ยนชื่อเต็มใหม่ ว่า นีโร คลอดิอุส ซีซาร์ ดรุสซุส (Nero Claudius Caesar Drusus)

ปีถัดมา คลอดิอุสแต่งตั้งเลื่อนยศอากริพพินาเป็นออกุสตา (จักรพรรดินี) และเลื่อนยศนีโรขึ้นเป็นทายาทโดยชอบธรรม (ไม่ใช่บุตรบุญธรรมอีกต่อไป แต่เป็นทายาทแท้ๆ) และคลอดิอุสประกาศให้นีโร เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ทั้งที่อายุยังน้อย ต่อมาไม่นานยังแต่งตั้งนีโรเป็นข้าหลวงและมอบสิทธิ์ให้สามารถเข้าร่วมอภิปรายในสภาสูง

ต่อมาอีกสองปี นีโรได้แต่งงานกับ คลอเดีย ออคเตเวีย ซึ่งเป็นลูกสาวของจักรพรรดิคลอดิอุส ทว่าถัดจากการแต่งงานของลูกสาวและลูกชายติดภรรยาได้เพียงปีเดียว จักรพรรดิคลอดิอุสก็ถูกลอบปลงพระชนม์ และนั่นเป็นเหตุให้ นีโรจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 นีโรปกครองจักรวรรดิโรมันได้อย่างสงบสุขเรื่อยมาจนกระทั่ง นีโรได้พบกับหญิงงามคนหนึ่งชื่อว่า ”ปอปเปีย” นีโรสนิทสนมกับปอปเปียอย่างรวดเร็ว และในปีเดียวกัน นีโรก็แต่งงานกับปอปเปีย และแต่งตั้งเพื่อนสนิทชายของปอปเปียนามว่า ออตโต เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว

ทั้งคู่ปรนนิบัติและยุยงนีโรจนเกิดความลุ่มหลงในอำนาจ เกียจคร้านไม่สนใจหน้าที่การบริหารบ้านเมืองและเริ่มพยายามวางตัวเป็นศิลปินมือฉมัง บังคับประชาชนให้เข้าชมการแสดงของพระองค์เมื่อพระองค์อยากแสดง และห้ามใครลุกไปไหนตลอดการแสดง แต่ความจริงแล้วนีโรไม่ค่อยมีความสามารถทางด้านนี้เท่าใดนัก แต่ไม่มีใครกล้าบอกนีโร

พระนางอากริพพินามองเห็นความเปลี่ยนไปของนีโร และเริ่มจะทนไม่ไหวของการที่นีโรเปลี่ยนไปอย่างนี้ จึงพยายามตักเตือนนีโรเพื่อดึงนีโรกลับมาให้เหมือนเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้นีโรและพระนางอากริพพินาระหองระแหงกันปอปเปียและออตโต จึงฉวยโอกาสนี้ยุยงให้นีโรฆ่านางอากริพพินาทิ้งเสีย โดยใช้วิธีวางแผนลอบสังหาร แผนนี้มีเพียงนีโร ปอปเปีย และออตโตเท่านั้นที่รู้ แผนการลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งพระนางอากริพพินารู้เข้าถึงการที่นีโรลอบสังหารตน จึงช้ำใจฆ่าตัวตาย

เมื่อเบื่อเมียแรกมากๆ นีโรจึงทรงหย่าขาดกับนางคลอเดีย ออคเตเวีย และในปีเดียวกันนั้น นางก็เสียชีวิต อย่างลึกลับ จนถึงปัจจุบันยังหาสาเหตุไม่ได้  ต่อมาปอปเปียได้ให้กำเนิดลูกสาวของตนกับนีโร ชื่อว่า คลอเดีย ออกุสตา ซึ่งเป็นลูกคนแรกของนีโร นีโรดีใจมาก จึงสถาปนาปอปเปียเป็นจักรพรรดินี และจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โต แต่ 4 เดือนต่อมา คลอเดีย ออกุสตา ก็ป่วยจนเสียชีวิต นีโรและปอปเปียเศร้ามาก นีโรจึงประกาศให้คลอเดีย ออกุสตา เป็นเทพีองค์ใหม่ของโรมัน สร้างรูปบูชาและจัดนักบวชไว้คอยรับใช้รูปบูชา

โหดไม่โหดก็ดูบ้านเมืองตัวเองถูกเผาหกวันหกคืนเต็ม แถมมองว่าสวยเพลิดเพลินจนต้องฟังดนตรีแกล้มความหายนะเลยทีเดียว

ประเด็นอยู่ตรงนี้!!! ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom ..

เมื่อ ค.ศ. 64 วันที่ 18 กรกฎาคม ตอนกลางคืน เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุงโรม ประกอบกับการที่ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ไฟก็ไหม้ทั่วเมือง นีโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมิเซนุส (Maecenas) แล้วก็บอกว่าเปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม นั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์ พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ (เห้ย จักรพรรดิ์!!)

จน 6 วันล่วงไปแล้ว วันที่ 25 กรกฎาคม เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วัน 6 คืนดับลงในวันที่ 7 เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน นีโรสั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่นีโรไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีตพระองค์เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า กรุงนีโรโพลิส (Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่านีโรเป็นผู้เผากรุงโรม (นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่นีโรจะเป็นผู้เผากรุงโรม)

นีโรจึงสุ่มสี่สุ่มห้าบอกไปว่าผู้ที่นับถือลัทธิคริสเตียน (ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพันปีก่อนในจักรวรรดิโรมันเป็นเพียงแต่ลัทธิเล็กๆ มิใช่ศาสนาอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน) เป็นกลุ่มคิดกบฎและพยายามเผาโรม จึงเกิดเป็นการประหารหมู่ชาวคริสเตียนในโรมันด้วยข้อหาเผาโรม ประหารโดยวิธีให้อดอาหารสัตว์ป่าในโคลอสเซียมจนหิวโซ และนำชาวคริสเตียนไปปล่อยที่สนามโคลอสเซียม และปล่อยสัตว์ป่าให้มารุมฉีกทึ้งชาวคริสเตียนต่อหน้าผู้ชม นอกจากนี้ยังเก็บภาษีอย่างหนักเพื่อมาซ่อมแซมบ้านเมืองและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทำให้ ประชาชนคลางแคลงใจในนีโร จนเกิดเป็นคำติดปากประชาชนชาวโรมว่า “เนโรเผาโรม” (Nero Burning Rome) ซึ่งในปัจจุบัน วลีอายุกว่า 2,000 ปีนี้ ได้ถูกใช้เป็นชื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์เขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี

ซึ่ง teen.mthai ว่าเป็นการเล่นคำที่เจ๋งมาก จากวลี Nero Burning Rome ถูกแปลงใหม่จนกลายมาเป็น Nero Burning Rom แทน !!

ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom : จุดจบของ จักรพรรดินีโร

ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าพระองค์เผากรุงโรม นีโรได้พยายามกลบกระแสด้วยการเปิดพระราชวังให้คนที่ไร้บ้านมาอาศัย พร้อมทั้งจัดหาข้าวน้ำให้ประชาชนดื่มกินฟรี นอกจากนี้ยังสั่งให้ออกแบบการสร้างเมืองใหม่ให้ถนนกว้างขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก และเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่มีโฉนดต้องเสียที่ดินไปเพราะการขยายถนนไปเบียด จึงจัดสรรที่ดินใหม่ให้เขตบ้านเรือนและถนนแผ่กว้าง ทำให้ความเป็นไปได้ที่นีโรจะเป็นผู้เผาโรมลดลง ชาวบ้านบางส่วนก็เริ่มเชื่อใจ และจนถึงปัจจุบันยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของเพลิง แต่ที่กล่าวมานั้น ชาวบ้านที่เชื่อใจเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ชาวบ้านหลายส่วนไม่เชื่อใจนีโร และประท้วงถอดถอนนีโร เป็นการประท้วงที่รุ่นแรงและยืดเยื้อ

ค.ศ. 66 ปอปเปียตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่นีโร กำลังเครียดกับกลุ่มผู้ประท้วงที่จะปลดตนจากตำแหน่งจักรพรรดิให้ได้ จึงไม่ค่อยได้มาอยู่ที่วังมาดูแลปอปเปียและลูกในครรภ์ วันหนึ่งในปีเดียวกันนั้น นีโรกลับมาอยู่ที่วัง และพูดจาบางอย่างที่ทำให้ปอปเปียโมโห ปอปเปียจึงด่าว่านีโรอย่างหนัก นีโรที่กำลังเครียดจึงพลั้งมือฆ่าปอปเปียตายพร้อมทั้งลูกในครรภ์ เหตุการณ์นี้ทำเอาพระจักรพรรดิจอมโหดเครียดมากทีเดียว ประกอบกับช่วงนั้นที่กรีซกำลังจะจัดกีฬาโอลิมปิกขึ้น นีโรตัดสินใจไปร่วมแข่งขัน ทั้งๆที่บ้านเมืองยังตึงเครียด ทิ้งภาระหน้าที่ไว้กับสภาสูง ระหว่างที่นีโรไม่อยู่นั้น สภาสูงลงมติว่านีโรไม่ควรเป็นจักรพรรดิอีกต่อไป…ทำให้เมื่อนีโรกลับจากกีฬาโอลิมปิก สภาสูงจึงส่งคนมาจับกุมโค่นอำนาจจักรพรรดินีโร นีโรจึงฆ่าตัวตายในวันที่ 9 มิถุนายนขณะอายุไม่ถึง 31 ปี และการที่พระองค์ไม่ทีทายาทเลย ทำให้ราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน ต้องสิ้นสุดลง

เกร็ดความรู้ : ประวัติโปรแกรมเนโร Nero Burning Rom
 
19 มิ.ย. 56 เวลา 12:43 1,519 1 100
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...