“มีนาคม” เดือนแรกแห่งการก้าวเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มมองหาที่กินที่เที่ยวติดแอร์“บก.พาชิมพาชม” คอลัมภ์ที่จะพาทุกคนไป ชิม และเที่ยวชม ร้านน่ารัก สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ก็ไม่รอช้า พาเพื่อนๆไปดับร้อนกับร้านน่ารักบรรยากาศห้าง ใจกลางสยาม โดยขอบอกว่า ร้านนี้เค้าโดดเด่นสะดุดตามาก เรียกได้ว่า ใครผ่านไปผ่านมาต้องสนใจ ใครห้ามใจไม่ไหวก็ต้องเดินเข้าใส่เหมือนดั่งต้องมนต์อย่างแน่นอน เพราะงั้นอย่ารอช้า ตาม PaiNaiDiiมาเลยที่ ร้านนี้ “Mr.Jones’Orphanage Milk Bar”ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์

 

ภาพตุ๊กตาหมีหลากสีหลายขนาดนั่งตระหง่านอยู่บนขบวนรถไฟที่พาดผ่านระดับสายตา ไปจนถึงนอนเล่นตามตะกร้าแขวน และมุมโต๊ะต่างๆ ดึงดูดสายตา ของผู้ที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์ ฝั่งสะพานเชื่อมจากสยามพารากอนได้เป็นอย่างดี นอกจากความน่ารักของเหล่าตุ๊กตาหมีแล้ว เฟืองของเครื่องจักรสีเหลืองที่หมุนอยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงขบวนโบกี้รถไฟ โต๊ะเก้าอี้ขนาดกะทัดรัดให้บรรยากาศเหมือนที่นั่งในโบกี้รถไฟ สิ่งแรกที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือ มันคือร้านอะไร ??? และนั่นก็เป็นที่มาของความสงสัย และทำให้ “บก.พาชิมพาชม”พาทุกคนมายังร้านแห่งนี้

“Mr.Jones’Orphanage Milk Bar”

ร้านชา แอนด์ เบเกอรี่เล็กๆ ไอเดียการตกแต่งร้าน อยากให้เพื่อนๆได้ย้อนวันวานกับช่วงเวลาเด็กๆ ที่แวดล้อมไปด้วยของเล่นและขนมภายในร้านจึงเต็มไปด้วยของเล่นมากมาย ทั้งตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาทหาร และขนมหวานหลากหลายไอเดียและรสชาติไปจนถึงเครื่องดื่มนานาชนิดที่น่าสนใจ แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดร้านนี้ขึ้นมา เกิดจากการที่ คุณ “Ashley Sutton” ชาวออสเตรเลีย เจ้าของร้าน Iron Fairies ร้าน Clouds และร้าน Fat Gut’z ร้านอาหารชื่อดัง ย่านทองหล่อ อยากที่จะเปิดร้านเบเกอรี่แบบโฮมเมด ในรูปแบบคืนความสดใสน่ารักให้กับวันวาน ให้ทุกคนที่เข้ามาในร้านได้สัมผัสความรู้สึกของวัยเยาว์ พร้อมลิ้มลองรสชาติขนมที่ทำขึ้นสดใหม่ ในสูตรของครอบครัวที่เค้าภาคภูมิใจ จึงได้เปิด“Mr.Jones’Orphanage Milk Bar” สาขาแรกที่ทองหล่อขึ้น และเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น บวกกับสาขาแรกค่อนข้างมีพื้นทีีจำกัด จึงได้ขยายร้านมาเปิดสาขา 2 ที่ ชั้น 3 สยามเซ็นเตอร์แห่งนี้

วันที่ “บก.พาชิมพาชม”ไปเยี่ยมเยียนร้านแห่งนี้เป็นเวลาช่วงบ่าย ผู้คนค่อนข้างคึกคักเต็มทุกโต๊ะ พร้อมคิวอีกยาวเหยียดหน้าร้าน “คุณน้ำ” ผู้จัดการสาวสวยของร้านแห่งนี้ ได้ออกมาดูแลและจัดที่นั่งให้ โดยโต๊ะของเราจะอยู่โซน 2 ฝั่งครัว ซึ่งบรรยากาศการตกแต่ง ร้านไม่ต่างกัน จะต่างตรงที่ ซุ้มเค้กและขนมจะ อยู่ในโซน 1 โดยการเลือกเค้กนั้น “คุณน้ำ” แนะนำว่าสามารถทำได้ 2 วิธี คือ จะเลือกจากเมนูที่มีภาพ แสดงให้เห็น พร้อมคำแนะนำรสชาติ แล้วพนักงานจัดมาเสิร์ฟให้ หรือ จะเดินไปเลือกที่โซนที่ 1 ให้เสร็จสิ้นแล้วจึงกลับไปนั่งรอที่โต๊ะ แล้วพนักงานก็จะจัดขนม ตามรายการที่สั่งนำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเองค่ะ  

สำหรับซุ้มเค้กและขนมหัวใจของร้านนั้น “คุณน้ำ” คุยให้เราฟังว่า เค้ก ขนม และคุ๊กกี้ของทางร้านมีมากกว่า 30 ชนิด ทุกชนิดจะทำใหม่วันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้อิ่มเอมกับรสชาติที่สดใหม่ โดยสูตรของขนมที่นำมาทำนี้ 50-60% เป็นสูตรเฉพาะของครอบครัว “Ashley Sutton” เจ้าของร้าน แล้วนำมาปรับให้ถูกปากกับคนไทยมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ารสชาติเหล่านั้นต้องเป็นรสชาติเฉพาะ หาทานที่ไหนไม่ได้

 

ซุ้มเค้กและขนมจะอยู่กลางร้านในโซนที่ 1 การประดับตกแต่งจะเน้นตรงกลางเป็นตุ๊กตา รายรอบไปด้วยเหล่าขนมหน้าตาดี สีสันสดใสให้เลือกมากมาย ด้านข้างของขนมแต่ล่ะประเภทจะวางป้ายชื่อพร้อมราคาบอกไว้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ เมื่อเลือกได้ก็แจ้งพนักงานทราบพร้อมกับบอกเลขโต๊ะ เท่านี้ก็กลับไปนั่งรอ เตรียมพร้อมต้อนรับความอร่อยที่โต๊ะได้เลย

เมนูที่ทางร้านแนะนำกับ บ.ก. พาชิมพาชม ในวันนี้มี 3 เมนูด้วยกัน คือ

 

Chocky Mud Pie (135 บาท)

 

เค้ก Signature ของทางร้าน ที่คุณน้ำแนะนำว่า มาแล้วต้องทานจานนี้ เป็นเค้กช็อคโกแลตเข้มข้นในถ้วย แต่งหน้าให้มีสีสันเพิ่มเติมด้วยสตรอเบอรี่สดชิ้นโต เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา เมื่อลองใช้ช้อนตักเนื้อเค้กลงไป จะเจอกับเนื้อเค้กช็อคโกแลตแบบแน่นๆ และซอสช็อคโกแลตเข้มข้นที่พร้อมจะทะลักออกมา(ลักษณะเหมือน ช็อคโกแลตลาวา) ทริคของ Signature ถ้วยนี้ คุณน้ำแอบกระซิบว่าทางร้านจะวอร์มเค้กให้อุ่นขึ้นมาก่อนเสิร์ฟเมื่อลาวาช็อคโกแลตร้อนๆ มาเจอกับความหวานเย็นของไอศกรีมวานิลลา จะเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ จนอยากให้ทุกคนได้มาลองชิม

KitKat Monster (100 บาท)

 

เค้กช็อคโกแลตเข้มข้นเนื้อแน่นนุ่ม  ถูกโรยหน้าตกแต่งให้มีสีสันสดใสด้วยขนมหวานวัยเยาว์อย่าง M&M พร้อมเติมความหวานและเข้มข้นของช็อคโกแลตอีกชั้นด้วย ช็อคโกแลตKitKat แท่งโตที่ประกบด้านข้าง จานนี้เหมาะมากสำหรับสาวก  “Chocolate Lover”เคล็ดลับความอร่อยของจานนี้  อยู่ที่ ซอสช็อคโกแลตในโถใบเล็กที่เสิร์ฟมาคู่กัน งานนี้อยากจะเข้มข้น หวาน มัน ด้วยรสช็อคโกแลตเพิ่มเติมมากแค่ไหน ก็จัดไปได้เลยค่ะ

Cranberry Cookie (60 บาท)

 

 

คุ๊กกี้โฮมเมดชิ้นใหญ่ขนาด 2 มือจับ  ภายในเนื้อคุ๊กกี้อัดแน่นไปด้วยผลแคนเบอรี่แห้ง และ มิลค์ช็อคโกแลต ทีเด็ดของคุ๊กกี้จานนี้ อยู่ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ถ้าไม่มาที่นี่รับรองว่าจะหาทานจากที่ไหนไม่ได้เลย

“มาที่เมนูเครื่องดื่มกันบ้าง”

คุณน้ำ เล่าให้ “บก.พาชิมพาชม”ฟังว่า เครื่องดื่มของทางร้าน จะเน้นไปที่ ชาร้อน , กาแฟ , สมูทตี้ และ นมโฮมเมด สูตรเฉพาะของทางร้าน โดยชาร้อนนั้น จะเป็นชาที่นำเข้า 100 %  ส่วนใหญ่จะเป็น Fruit Tea และ ชาสมุนไพร สำหรับกาแฟ จะเลือกเอากาแฟโรบัสต้าอย่างดี มาคั่วบดแล้วจึงนำมาชงเป็นเครื่องดื่มสูตรต่าง ๆ มาต่อกันที่เมนู สมูทตี้กันบ้าง สำหรับเมนูสมูทตี้ของทางร้าน จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับที่ร้านอื่น เพราะจะเสิร์ฟเครื่องดื่มเหล่านี้ในแก้วที่แช่เย็น เพื่อคงรสชาติความสดใหม่ และ เย็น ของสมูทตี้ให้นานที่สุด และสุดท้ายสำหรับเมนูนมโฮมเมด นมของที่นี่จะประกอบไปด้วย 4 รสชาติด้วยกัน คือ วานิลลา , มิ้นต์ , บับเบิ้ลกัมป์ และ ช็อคโกแลต โดยทุกรสชาติจะเป็นนมโฮมเมดสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งวันนี้ ทางร้านได้จัดให้ “บก.พาชิมพาชม”ได้ลองชิม 2 รสชาติด้วยกันคือ

Homemade Bubble gum  ( 40 บาท)

นมสดสีชมพูหวาน รสหอมกลิ่นหมากฝรั่ง ให้ความรู้สึกย้อนวันวานไปตอนเป็นเด็ก กับกลิ่นหมากฝรั่งที่เด็กๆชอบทาน ( รู้นะว่ายังจำกันได้ ) ทานไปนึกถึงวันวานไป ก็ทำให้ยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว

 

Homemade Vanilla  ( 40 บาท)

หนึ่งเมนูนมสดสีขาว รสชาติหวานหอม กลิ่นวานิลลา ทำให้นึกถึงขนมต่างๆ เมนูนี้ คุณน้ำเล่าว่า ใช้วานิลลาเข้มข้น พร้อมปรุงด้วยสูตรเฉพาะ ทำให้ได้รสชาติพิเศษที่เข้มข้นไม่เหมือนใคร อยากรู้เป็นอย่างไรต้องมาลอง

ทั้ง 2 เมนูนมเสิร์ฟมาในชวดแก้วใสขนาดกำลังน่ารัก พร้อมหลอดดูด ทานคู่กับเหล่าบรรดาเค้กนานาชนิดก็ดูเข้ากันดีค่ะ

 

สำหรับใครสนใจเชิญที่ร้านได้ค่ะ ร้านเค้าเปิด – ปิด ตามเวลาห้างคือ 10.00 น. - 21.00 น. แต่เวลาที่ดีที่สุดน่าจะราวๆ ก่อนเที่ยง เพราะคนยังไม่เยอะมาก และเค้กกำลังออกใหม่ จะมีให้เลือกได้หลากรสกว่าช่วงเย็นหรือค่ำค่ะ