รู้หรือไม่: ทำไมโลโก้ของ Apple ถึงต้องมีรอยแหว่ง ?

 

 

 

 

รู้หรือไม่: ทำไมโลโก้ของ Apple ถึงต้องมีรอยแหว่ง ?

 

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมโลโก้ของแอปเปิล ถึงต้องมีรอยแหว่ง ทำไมไม่เป็นรูปแอปเปิลเต็มๆ ลูก ทั้งๆ ที่บริษัทก็ไม่ได้ชื่อแอปเปิลแหว่งซะหน่อย เรามาดูเรื่องราวที่มาที่ไป ของโลโก้ที่มีคนจดจำและมีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกกัน

 

 

 

 "How To Be Famous" ภาพผลแอปเปิ้ลเตรียมผ่านมีดหมอ เพื่อไปเป็นดาวโดดเด่นบนฟากฟ้า เอ็ะ หรือมันจะเป็นที่มาของความป๊อปปูล่าของแอปเปิ้ลของ Steve Jobs กันแน่ แหม่ะ แต่ถ้าศัลแล้วดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้ การทำให้ตัวแหว่งแบบนี้ ก็คุ้มนะ :d (ที่มา : https://www.facebook.com/pages/Shot/117789825330) เอ็ะ แล้วทำไมต้องแหว่งด้วยล่ะ ไปถามพี่เกิ้ลมา ก็ได้ความมาดังนี้

          เริ่มแรกโลโก้ของบริษัท Apple นั้นเป็นรูป Sir Isaac Newton (คนที่พบแรงดึงดูดของโลกนั่นล่ะ) นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล แต่ Steve Jobs ได้เสนอว่า ควรเลือกเอาแค่ผลแอปเปิ้ลก็พอ เพราะสังเกตง่ายและดึงดูดความสนใจได้มากกว่า ต่อมา Steve Jobs ทำการปรึกษากับ Rob Janoff (ดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบโลโก้ของ Apple) ว่าอยากให้ผลของแอปเปิ้ลมีรอยกัด เพื่อเป็นการแสดงภาพในเชิงสัญลักษณ์ว่า "พวกเค้ามีปัญญา"
 

 
 
          เรื่องรอยกัดมาจากการอ้างอิงเรื่องราวในไบเบิ้ลที่ว่า Adam เคยขัดคำสั่งพระเจ้าแอบกินผลแอปเปิ้ลที่อยู่บนสวนสวรรค์ Eden ซึ่งพระเจ้าได้สั่งไว้ว่าห้ามแตะต้อง เพราะเมื่อใดที่มนุษย์ได้กัด แอปเปิลที่อยู่บนต้น Tree of Knowledge เมื่อนั้นมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งพระเจ้ากำหนดให้มีทุกสิ่ง แต่ไม่มีซึ่งปัญญาจะกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาขึ้นมาทันที และจะมีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าการควบคุมของพระเจ้า แล้วจะไม่ควรมีชีวิตอยู่บนสวรรค์อีกต่อไป โลโก้ Apple ผลนี้จึงจะแสดงให้เห็นว่า พวกเค้าได้คว้าสติปัญญาที่พระเจ้าพยายามที่จะซ่อนเอาไว้ให้มนุษย์นั้นคว้าไม่ถึง

          ดังนั้น "Bite that Apple." ประโยคที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการสนับสนุน ให้เราทุกคนกล้าที่จะท้าทาย และทำอะไรที่แตกต่าง แม้ว่าคุณจะต้องทำบางอย่างที่สวนทางกับอำนาจใด ๆ จึงติดอยู่ที่บริษัท Apple มาจนถึงปัจจุบันนี้ จริง ๆ เราก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าปัญญามาจากการกัดผลแอปเปิ้ล หรือสติปัญญาของ Steve Jobs เอง



กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...