คอป.แถลงชายชุดดำมีจริง เกี่ยวข้องกับการ์ด นปช.

 

 "สมชาย หอมลออ" เผยผลการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงเดือน เม.ย.-

พ.ค.53 พบชายชุดดำติดอาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่ ได้รับการสนับสนุนจากการ์ด นปช.

 

นายสมชาย หอมลออ ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ความรุนแรงเดือน

เม.ย.-พ.ค.2553 ในคณะกรรมการตรวจสอบความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.)

แถลงผลการตรวจสอบว่า ความรุนแรง ปี 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 92 คน ทหาร 8 คน

ตำรวจ 2 คน ประชาชน 82 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการโจมตีของคนชุดดำ 9 คน

ประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตจากกระสุนที่ยิงมาจากทิศทางที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอยู่

เหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่ความสูญเสียมากที่สุดคือเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่สี่

แยกคอกวัวและถนนดินสอที่มีผู้เสียชีวิต 26 คน เป็นพลเรือน 21 คน ทหาร 5 นาย พบ

หลักฐานว่ามีคนชุดดำโจมตีเจ้าหน้าที่ มีการปฏิบัติการทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์วันที่ 10

เม.ย.

นายสมชาย กล่าวว่า เราพบว่าการปฏิบัติงานของคนชุดดำได้รับการสนับสนุนจากการ์ด

ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บางคน การเสียชีวิตของเจ้า

หน้าที่ทหารเสียชีวิตจากระเบิดเอ็ม 76 แต่ไม่พบว่าการเสียชีวิตของประชาชนคนใดเสีย

ชีวิตจากระเบิด การตรวจสอบยังพบว่าคนชุดดำเป็นผู้ใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ปรากฎตัวก่อนและหลังเกิดเหตุ

 

"จากการตรวจสอบเชื่อว่าไม่มีผู้ใช้อาวุธปืนยิงจากที่สูงบริเวณสี่แยกคอกวัว หรือที่โรงเรียน

สตรีวิทยา นอกจากเหตุการณ์ที่สี่แยกคอกวัว มีเหตุการณ์ที่สะพานมัฆวานสังสรรค์ซึ่งเป็น

จุดเริ่มต้นโดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมถึงมีพนักงานของสวนสัตว์ดุสิต ถูกยิงเสียชีวิตด้วย

ปืนความเร็วสูงในคืนเดียวกัน โดยตรวจสอบพบว่าในคืนนั้นมีหน่วยทหารหน่วยหนึ่งพักอยู่

ในสวนสัตว์ดุสิต" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับความรุนแรงระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 พ.ค. สถานการณ์ได้

พัฒนาไปสู่การย้ายที่ชุมนุมจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปที่แยกราชประสงค์ ซึ่งนำไปสู่การ

ปิดล้อม ในช่วงการปิดล้อมมีผู้เสียชีวิต 42 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุม พบว่ามีการปฏิบัติ

การโดยคนชุดดำในช่วงเวลาดังกล่าว ในที่สุดสถานการณ์พัฒนาไปจนถึงการกระชับพื้นที่

วันที่ 19 พ.ค.ตั้งแต่สวนลุมพินีและแยกศาลาแดง โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ชุมนุมกลับ

ภูมิลำเนา เหตุการณ์ที่ตามมาคือการเสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม 6 คน และการสูญเสียที่

แยกสารสิน 6 คน

"ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ทหารเล็งปืนจากบนรางรถไฟฟ้า ได้มีการปะทะกันระหว่างทหารกับ

คนชุดดำจากการสกัดกั้นไม่ให้ดับเพลิงที่ไหม้ที่โรงหนังสยาม โดยมีการไล่กันมาจนถึงจุด

หน้าวัดปทุมวนาราม มีหลักฐานว่าคนชุดดำวิ่งเลียบกำแพงวัดไป ประเด็นที่หลายคน

สงสัยคือวัดปทุมฯ เป็นที่ส่องสุมของชายฉกรรจ์หรือไม่ และยิงมาที่สถานีรถไฟฟ้าหรือไม่

พบว่ามีรอยแตกบนที่สูงแต่ตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นการแตกโดยอาวุธปืน อย่างไรก็ดี มีการ

ตรวจสอบพบว่ามีคนถืออาวุธอยู่ในวัด และพบปืนเอ็ม 16 ส่วนการเผาเซ็นทรัลเวิลด์จุด

เริ่มต้นไฟไหม้จากห้างเซ็นก่อนจะลามไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ ขณะนั้นมีผู้ชุมนุมอยู่จำนวนมาก

ในบริเวณนั้น" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวสรุปว่า มีการปฏิบัติการของคนชุดดำจริง มีการใช้อาวุธสงครามโจมตี

เจ้าหน้าที่ มีการก่อวินาศกรรมหลาย 10 จุด ก่อนและหลังการชุมนุม แต่ไม่สามารถจับกุมผู้

ก่อเหตุได้ ทั้งนี้ พบว่าชายชุดดำหลายคนใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ การปฏิบัติการของ

ชายชุดดำที่สี่แยกคอกวัวและถนนราชปรารภ พบว่ามีการสนับสนุนจากการ์ด นปช. แต่

ระบุไม่ได้ว่าชายชุดดำมีความสัมพันธ์อย่างไรกับการ์ด นปช. คอป.ไม่สามารถสรุปได้ว่า

จำนวนชายชุดดำมีเท่าใด หรือเป็นใคร แม้ว่ารัฐบาลจะให้เหตุผลว่าไม่สามารถใช้กำลังเจ้า

หน้าที่ตรวจสอบแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่ทหารก็ไม่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงใน

การควบคุมการชุมนุม ผลการศึกษารัฐบาล และ ศอฉ.ไม่มีระบบติดตามตรวจสอบการ

ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การตรวจสอบพบมีการใช้กระสุนจริงจำนวนมากในเหตุการณ์ มี

การเบิกกระสุนปืนลูกซองจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นกระสุนจริง

นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า การตรวจสอบความจริงของ

คอป.เป็นการตรวจสอบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร และเกี่ยวข้องกับใครบ้าง การทำงาน

ของ คอป.ใช้วิชาการและวิจัยทั้งสิ้น โดยมุ่งหวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก.-

สำนักข่าวไทย

17 ก.ย. 55 เวลา 20:37 906 3 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...