เปิดใจ..ไม่เคยท้อ น้องธันย์ เหยื่อรถไฟฟ้าสิงคโปร์ทับ กับวันนี้ ที่ไร้ขา

 

คนค้นฅน  ออกอากาศวันที่ 4 ตุลาคม นำเสนอเรื่องราวของ น้องธันย์ ด.ญ.ณิชชารีย์ เป็น

เอกชนะศักดิ์ เด็กหญิงอายุ 14 ปี เด็กนักเรียน ชั้น ม.3 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย

จ.ตรัง  ซึ่งเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ประเทศสิงคโปร์ และประสบอุบัติเหตุรถไฟฟ้า

ทับได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขาทั้ง 2 ข้าง จนต้องตัดขาทิ้ง ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา

น้องธันย์ ถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลตานต๊อกเซง ที่สิงคโปร์นานประมาณ 3 เดือน

จากนั้น ย้ายกลับมารักษาตัวทำกายภาพบำบัดที่ศูนย์สิรินธรฯ ในกระทรวงสาธารณสุข

และเป็นคนไข้ในความดูแลขององค์สมเด็จพระเทพฯ ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนจิตรลดา

จากเด็กหญิงที่มีสภาพร่างกายปกติ ต้องกลายเป็นผู้พิการขา ทั้งสองข้างตั้งแต่วัยเด็ก

แต่จิตใจของเธอก็ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาที่พลิกผัน ไม่อาลัยอาวรณ์กับความสูญเสียที่

เกิดขึ้น แต่กลับยอมรับความจริง พร้อมกับจิตใจที่เข้มแข็ง โดยไม่มีคราบน้ำตาแห่งความ

เสียใจให้ใครๆได้เห็น กลับสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเห็นว่า ชีวิตไม่มีอะไรต้องท้อแท้

น้องธันย์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า วันนั้นนัดเพื่อนไว้ตอนเที่ยง มารอรถตอน11 โมง

ตอนแรกคนไม่เยอะ รถยังไม่มาแต่สักพักคนเริ่มเยอะมาก เบียดเสียดกันไปหมด

จนรู้สึกว่าตนเองตกลงไปในรางรถไฟ คล้ายกับมีอะไรดูด จากนั้นมีเลือดเต็มหน้า

ไปหมด ก็เรียกคนมาช่วย ตะโกนช่วยด้วย จนมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งถือวอร์อยู่ บอกว่า

ห้ามขยับ สักพักก็มีคนเอาเปลมารับ ตอนนั้นยังไม่รู้สึกอะไร รู้สึกชานิดหน่อย

วินาทีนั้นคิดขึ้นว่า จากนี้เราจะไปโรงเรียนอย่างไร พ่อจะว่าอย่างไร

คุณกิตรธเนศ เป็นเอกชนะศักดิ์ พ่อของน้องธันย์ กล่าวว่า ครั้งแรกที่เกิดเหตุ เขาคิดว่า

กลัวพ่อจะเสียใจ กลัวพ่อดุว่า ทำไมไม่รู้จักระวัง แต่พอเขาเห็นหน้าผม น้ำตาเขาก็ไหล

บอกขอโทษ แต่ตนก็บอกไปว่า เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นป๊าไม่ว่าหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ

 

“ผมสอนลูกทั้งสองคนเสมอ เสียใจอย่านาน ถ้าเสียใจนานทำให้เราท้อ 

ต้องใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส วางแผนเดินหน้าต่อไป “

คุณมณีภัญญ์ กิตติพันธ์พงศ์ แม่ของน้องธันย์ กล่าวว่า ครั้งแรกกลัวเขาจะเดินไม่ได้ ตอน

นั้นยังไม่ได้คิดถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่จะมาช่วยเรื่องขา นึกถึงคนที่เคยตัดขามีไม้อะไร

ต่างๆมันยุ่งยาก และเป็นปมด้อย กลัวไปสารพัด เพราะลูกยังเด็ก ยังมีความใฝ่ฝันที่จะเป็น

หมอ นักจิตวิทยา แต่ลูกเรายังเข้มแข็งเลย แล้วถ้าเราไปร้องไห้ใส่เค้า มันจะยิ่งแย่ ก็เลย

ค่อยๆทำใจ อาจจะเป็นฟ้าลิขิตก็ได้

“พ่อบอกว่าไม่เป็นไร แต่แม่เกือบร้องไห้ หนูจึงบอกว่า ร้องไห้ทำไม ไม่เห็นเป็นไร

เลย กลายเป็นน้องให้กำลังใจแม่ ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลก็โทรหาแม่ทุกวัน

“ น้องธันย์กล่าว

น้องธันย์ยังกล่าวอีกว่า ขาไม่ใช่ส่วนสำคัญในชีวิต ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียน แต่ถ้าสมองได้

รับผลกระทบ อาจจะมีความรู้สึกบ้าง วันแรกที่เสียขาก็เสียดาย แต่พอหลังๆก็พอทำใจได้

ใช้เวลาทำใจไม่นาน ที่โรงพยาบาล ตาน ต็อก เซง ประเทศสิงคโปร์ น้องธันย์พักฟื้น

รักษาตัว พร้อมกับทำกายภาพบำบัด ทำแผลอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง

“หลังจากที่ไม่มีขาแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมากเหมือนเกิดใหม่ สิ่งที่อยากได้มานานก็

สมหวัง อย่างเช่นคนที่ได้รับความช่วยเหลือ และตนก็โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจาก

สมเด็จพระเทพฯ มีคนให้กำลังใจเต็มห้องไปหมด ทุกคนที่รู้ข่าว โดยเฉพาะคนสิงคโปร์ให้

ความสำคัญมาก ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แต่เขามาให้กำลังใจ บางคนซื้อตุ๊กตามาให้ บางคน

ร้องไห้ออกมา แต่ตนก็แปลกใจเขาร้องไห้ทำไม ส่วนความสวยงามเรื่องขาเทียมว่าจะไม่

เป็นธรรมชาตินั้น ที่นี่เขาจะทำให้ดี เป็นธรรมชาติ สวยด้วย ไม่ได้รู้สึกเครียด ”

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...