อแมนดา น็อคซ์

รัฟเฟเล่ ซอเลซิโต้

พิพากษาว่า น.ส.อแมนดา น็อคซ์ นักศึกษาสาวชาวอเมริกัน อายุ 24 ปี และนายรัฟเฟ

เล่ ซอเลซิโต้ ชาวอิตาลี อายุ 27 ปี ไม่มีความผิดฐานร่วมฆ่านักศึกษาแลกเปลี่ยนจาก

อังกฤษและตัดสินยกฟ้อง

โดยตามรายการระบุว่า น.ส.อแมนดา กล่าวขอบคุณองค์คณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อิตาลี พร้อม

กับร้องไห้โฮ ภายหลังคำตัดสินยกฟ้อง ขณะที่ครอบครัวของ น.ส.อแมนดา ระบุว่า ลูกสาวต้องทน

ทุกข์ในอาชญากรรมที่เธอไม่ได้ก่อมาแล้วถึง 4 ปีเต็ม และล่าสุด น.ส.อแมนดาและครอบครัวได้

เดินทางออกจากเรือนจำเพื่อกลับสหรัฐฯ แล้ว

สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2007 หรือราว 4 ปีก่อน และกลายเป็นคดีอื้อ

ฉาวโด่งดังข้ามทวีป หลังอัยการอิตาลีฟ้องว่า น.ส.อแมนดาและแฟนหนุ่ม มีความผิดฐานร่วมฆ่า

น.ส.เมราดิธ เคอร์เนอร์ นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวอังกฤษ อายุ 21 ปี ทั้งนี้โดยอัยการได้เชื่อม

โยงว่ามีพยานหลักฐานเป็นคราบเลือดเปื้อนตัวหลายแห่ง แต่องค์คณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ 8

คนกลับเห็นด้วยกับสำนวนอุทธรณ์ของ น.ส.อแมนดาและแฟนหนุ่ม คือมีข้อน่าสงสัยในกระบวน

การรวบรวมพยานหลักฐานพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ดังนั้นจึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้

จำเลยด้วยการยกฟ้อง ซึ่งรวมถึงแฟนหนุ่มด้วย

โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ศาลชั้นต้นพิจารณาว่า ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังเมายา และร่วมหลับนอนหมู่ อยู่

ภายในหอพักนักศึกษา นักศึกษาสาวชาวไอวอรี่โคสต์ได้ใช้มีดปาดคอนักศึกษาสาวอังกฤษ โดยที่

น.ส.อแมนดาและแฟนหนุ่ม อยู่ในเหตุการณ์และรับรู้ แต่นั่งดูให้เลือดออกหมดตัวนักศึกษา

อังกฤษจนเสียชีวิต ศาลชั้นต้นจึงตัดสินจำคุก น.ส.อแมนดา 26 ปี และแฟนหนุ่ม 25 ปี ส่วนมือ

มีดชาวไอวอรี่โคสต์ถูกจำคุก 30 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่างหากเพื่อขอลดหย่อนโทษลง

เหลือ 16 ปี

ในคดีนี้ นอกจากชายหนุ่มชาวอิตาลีแล้ว นักศึกษาสาวทั้ง 3 คนเข้ามาเรียนในเมืองเปรูเจียตาม

โครงการแลกเปลี่ยน และอยู่ร่วมห้องหอพักเดียวกัน

ขณะที่ด้านสื่ออังกฤษ ประโคมข่าวในลักษณะที่ผิดหวังกับคำพิพากษา อีกทั้งยังเหน็บแนมเกี่ยว

กับอนาคตของ น.ส.อแมนดา ว่า คงจะหนีการเดินทางสายเปิดใจกับสื่อสหรัฐ และทำเงินเป็นกอบ

เป็นกำจากสิ่งนี้แน่นอน

อแมนดา น็อคซ์

เมราดิธ เคอร์เนอร์ (เหยื่อ)

ที่เกิดเหตุ (2 พ.ย. 50)

  สื่อมวลชนหน้าศาล

ตระกูลน็อกซ์ เฮลั่นในสหรัฐ