10 อันดับ ผู้หญิงโหด ที่โลกไม่ลืม

 


1 เอลิซาเบธ บาโธรี่ (Elizabeth Bathory)


( 1560-1614) แน่นอนอันดับ 1 น้อยคนนักจะไม่รู้จักเธอ นักฆ่าชื่อเหม็นที่สุดในฮังการีและ

ของโลกที่ฆ่าคน เพราะคิดว่าถ้าเอาเลือดมา ชำระร่างกายผิวเธอจะสวยสดตลอดกาล......โดย

เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อมีข่าวลือ หลายปีเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงชาวไร่ชาวนาหายไปในเขตการปกครอง

ของพระองค์ จนกษัตริย์แมทเทียสที่ 2 ต้องออกมาทำการตรวจค้นที่ปราสาทของเธอและจน

ได้พบศพของเด็กหญิงที่ตายอย่าง โหดร้ายสุดจะบรรยาย เช่น ร่างพรุนด้วยเข็ม ศพไหม้ หรือศพ

โดนตัดแขนหรือขาหรือส่วนสำคัญของร่างกายออก บางศพมีการบิดเนื้อบิดหน้าแขน และส่วน

เกี่ยวกับร่างกายอื่นๆ และทำให้อดอาหารตาย โดยเหยื่อทั้งหมดถูกคิดว่าให้ตัวเลขเกินกว่าร้อย

ศพ แต่เนื่องจากสถานะเกี่ยวกับสังคมของเธอจึงไม่ถูกประหาร แต่ให้ขังตลอดชีวิตในห้องขัง

เดี่ยวๆ ใต้หอคอยแทนจนกระทั้งขาดใจตายในที่สุด

 


2 แคทเธอรีน ไนท์ (Katherine Knight)


(1956 - ??) แคทเธอรีน ไนท์ สตรีชาวออสเตรเลียนคนแรกให้ประหารชีวิตโดยไม่มีการ

อุทธรณ์ เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าสามีเธออย่างโหดมที่สุดเท่าที่โลกมีมา เธอเคยบดฟันปลอม

ของสามีเก่าคนหนึ่งของเธอจนแหลกละเอียด และปาดคอลูกสุนัขอายุ 8 สัปดาห์ของสามีอีก

คนหนึ่งก่อนจะเชือดตาของเขาออก แต่ดังที่สุดคือคดีฆ่า นายจอห์น ชาร์ล โธมัส ไพรซ์ เมื่อ

นายไพรซ์ยื่นฟ้องต่อนางแคทเธอรีนขอหย่า จนนางไนท์แค้นมาก เลยใช้มีดแล่เนื้อ แทงนาย

ไพรซ์ถึงแก่ความตาย เขาถูกแทงอย่างน้อย 37 ครั้ง ทั้งหน้าและหลังและหลายแผลแทงทะลุ

อวัยวะภายในที่สำคัญหลายแห่ง จากนั้นเธอก็ถลกหนังเขาแล้วแขวนหนังที่ถลกแล้วไว้กับ ขอบ

ประตูห้องนั่งเล่น ตัดหัวเขาออกแล้วใส่ในหม้อซุป อบส่วนสะโพกบั้นท้ายของเขา แล้วเตรียม

น้ำเกรวี่และผักเพื่อเป็นเครื่องเคียงเนื้ออบ โดยอาหารมื้อพยาบาทนี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เด็กๆ ใน

บ้านกิน........ แต่โชคดีที่ตำรวจมาเจอก่อนที่เด็กๆจะกลับถึงบ้าน

 


3 เออร์ม่า เกรเซอ (Irma Grese)


(1923 -1945) อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าภูมิใจ(ในความอัปยศ)ของนาซีในยุคหลัง เออร์ม่า เกร

เซอ หรือ "หญิงเลวแห่งเบลเซ่น" เธอเป็นทหารรักษาการณ์ที่แคมป์กักกันเรเวนส์บรุคค์, ค่าย

นรกเอาสช์วิทซ์ และ เบอร์เย่น - เบลเซ่น ถูกย้ายมาประจำการที่เอาสช์วิทซ์ในปี1943 โดยได้

รับการแต่งตั้งให้เป็นพลสำรองพิเศษหน่วยควบคุม ดูแล ซึ่งเป็นยศที่ใหญ่เป็นลำดับสองของ

ทหารหญิงในค่าย ในวันสิ้นปี เธอจับนักโทษหญิงชาวยิวกว่า 30,000 คน มาสนุกกับเกมส์ของ

เธอ ประกอบด้วย ทารุณกรรมเหล่านักโทษด้วยให้สุนัขที่ถูกฝึกฝนและกำลังหิวโหยกัด, การ

ทารุณกรรมทางเพศต่างๆจนนักโทษรับไม่ไหว, การยิงปืนตามอำเภอใจ, การตีอย่างทารุณด้วย

แส้แบบเปีย และเลือกนักโทษเข้าห้องรมแก๊ส เธอชอบเรื่องซาดิสต์ทรมานคนมากๆ จน

นักโทษหลายคนในค่ายรู้จักเธอดีในภาพลักษณ์หญิงใส่รองเท้าบูทหนักและพกปืน สั้นเพื่อให้

สะดวกในการทรมานนักโทษ

 


4 อิลซ่า คอชห์ (Ilse Koch)


(1906 - 1967) ได้รับฉายาเยอะจริงสำหรับผู้หญิงคนนี้ เช่น "นางแม่มดแห่งบูเชนวาล์ด" ,

"หญิงเลวแห่งบูเชนวาล์ด" เธอเป็นภรรยาของนายพลคาร์ล คอชห์ ผู้บัญชาการแห่งค่ายกักกัน

ของนาซีประจำค่ายบูเชนวาล์ ด(1937-1941) และมาจดาเนค (1941-1943) เธอเป็นคนบ้า

อำนาจมากและเมื่อเธอได้ทำงานแทนสามี เธอก็มีเวลาว่างแสนสนุกสนานกับการทรมานและ

ข่มขืนนักโทษในค่ายกักกันจนฉาวโฉ่ จนเป็นที่ร่ำลือในความโลกีย์ ว่ากันว่ารอยสักตามตัวของ

เธอนั้นจากการสังหารคนในค่ายกักกันหนึ่งคนต่อ หนึ่งขีด (ขีดในร่างกายเธอมีประมาณ

250,000 ขีด!!) แต่ผลสุดท้าย เธอแขวนคอฆ่าตัวตายใน เรือนจำหญิงอิคช์แอคช์ ในวันที่ 1

เดือนกันยายน ปี 1967

 


5 แมรี่ แอนน์ คอตต้อน (Mary Ann Cotton)


(1832 - 1873) นางแมรี่ แอนน์ คอตต้อน สตรีชาวอังกฤษ เป็นนักฆ่าต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์

อีกรายหนึ่ง แต่งงานเมื่ออายุ 12 ปีกับ นายวิลเลียม มาวเบรย์ คู่แต่งงานใหม่นี้อาศัยที่ไพลเมาท์

เมืองเดวอน ต่อมาพวกเขามีลูกด้วยกันห้าคน สี่คนตายเพราะโรคกรดในกระเพาะอาหารและ

ปวดท้องอย่างรุนแรง จากนั้นพวกเขาก็ย้ายไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เหตุการณ์ร้ายก็ยัง

ตามมา เมื่อลูกที่เลี้ยงตายถึงห้าคนในระยะเวลาไล่เลี่ยงกัน ต่อมานานวิลเลียมก็ตามลูกๆ ไป

ด้วยโรคลำไส้ไม่ทำงานในเดือนมกราคม ปี 1865 ประกันสังคมของอังกฤษจ่ายเงินสินไหม

ชดเชยให้เธอถึง 35 ปอนด์สเตอริง แต่เหตุการณ์ร้ายก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะต่อมา สามีคนที่สอง

ของเธอ จอร์จ วาร์ด ก็เสียชีวิตเพราะปัญหาเกี่ยวกับลำไส้เช่นเดียวกับหนึ ่งในลูกอีกสองคนที่

เหลือของเธอ ด้วยการตายถี่ของคนในครอบครัวแมรี่ทำให้มีการสอบสวนเ กิดขึ้น จนพบว่า

นาง แมรี่ แอนน์ มีความผิดฐานวางยาสามีสามคน, คู่รัก, เพื่อน, แม่ของเธอ, และลูกๆอีกหนึ่ง

โหล ทั้งหมดเสียชีวิตจากอาการป่วยที่ท้อง ผลคือเธอถูกแขวนคอที่ เดอร์แฮม เคนท์ตี้ กาออล

ในวันที่ 24 เดือนมีนาคม ปี 1873 ด้วยข้อหาฆาตกรรมด้วยการวางยาพิษสารหนู เธอตายอย่าง

ช้าๆ เพราะเพชฌฆาตใช้เชือกแขวนคอสั้นเกินไปสำหรับการประหาร

 


6 เบลล์ กันเนส (Belle Gunness)


(1859 - 1931) เบลล์ กันเนส เจ้าของฉายา "ผู้หญิงเคราน้ำเงิน" เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่อง

หญิงที่ฆ่าคนมากที่สุดในอเ มริกา ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต (183 เซนติเมตร) และหนักกว่า 200

ปอนด์ (91 กิโลกรัม) เชื้อชาตินอร์วีเจียนที่ตัวใหญ่และแข็งแรง โดยเธอใช้ร่างกายอันใหญ่

ยักษ์นี้สังหารสามีของเธอทั้ งสองคนและลูกๆทั้งหมด ของเธอโดยฆ่าเพื่อหวังเงินประกันชีวิต

และขโมยทรัพย์ส ินเอามาเข้ากระเป๋าของ เธอ นอกจากนั้นยังมีรายงานมากมายว่าเธอน่าจะฆ่าคนมากกว่า หนึ่งร้อยราย แต่เธอดันชิงฆ่าตัวตายก่อนโดยการเผาตนเองพร้อมบ้าน แต่ผล

ชันสูตรศพของเธอนั้นหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าศพนี้เป ็นของเธอ เพราะศพนั้นเตี้ยกว่าส่วนสูงของ

เบลล์ถึงหกฟุต ต่างกันถึงสองนิ้ว ??

 


7 เบเวอรี่ เอลลิทท์ (Beverly Allitt)


(ค.ศ. 1968-??) ได้รับฉายาหนึ่งว่า "นางฟ้าแห่งความตาย" เบเวอรี่ เกลิ เอลลิท หนึ่งในฆาตกร

ต่อเนื่องที่ชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักก ันดี เธอทำงานเป็นนางพยาบาลดูแลเด็ก และถูกจับใน

ข้อหาฆาตกรรมเด็ก 4 คน และทำให้บาดเจ็บสาหัสอีก 5 คน(ที่จริงมากกว่านั้น) โดยการฉีดสาร

อินซูลินหรือโพแทสเซียมที่ใช้เพื่อเร่งการทำงานของหัวใจมากเกิน ไป จนเด็กตายอย่าง

ทรมาน ซึ่งปัจจุบันเธอยังอยู่ในคุกเพราะอังกฤษไม่มีโทษประหารชีวิต

 


8 ราชินิ อิสเบลล่า แห่ง แคสไทล์ (Isabella of Castile)


(1451 - 1504) ราชินิอิซซาเบลล่าที่หนึ่ง แห่งสเปน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้อุปถัมภ์ของ คริส

โตเฟอร์ โคลัมบัส กับพระสวามีของพระนาง กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งราชวงศ์อารากอน ทั้ง

สองพระองค์ร่วมกันมีส่วนในการรวมประเทศสเปนภายใต ้การนำของหลานชายของ พระองค์

โดยแผนการรวมชาตินี้ ราชินิอิสเบลล่าได้ แต่งตั้งให้ นายพล โทมาส เดอ ทอร์คิวมาดา ซึ่งเป็น

เจ้าหน้าที่สอบสวน (แบบทรมาน) รุ่นแรกๆ เป็นผู้บัญชาการในการสอบสวนทรมาน จนวันที่ 31

เดือนมีนาคม ค.ศ.1492 มีบันทึกว่าเป็นวันออกกฤษฎีกาแอลฮัมบราโดยมีคำสั่งขั บไล่ ชาวยิว

และชาวมุสลิมออกนอกประเทศ นอกจากนั้นประชาชนราว 2 แสนคนที่หลงเหลืออยู่ใน

ประเทศสเปนถ้าไม่เปลี่ยนศาสนา จะถูกจับมาลงโทษอย่าง ทารุณ ในปี ค.ศ. 1974 สันตะปาปา

พอลที่ 6 กล่าวถึงการกระทำของพระนางว่าสมควรทำและอวยพร ให้พระนางเป็นนักบุญ ใน

โบสถ์นิกายคาทอลิก ในฐานะข้ารับใช้ของพระเจ้า.....

 


9 ไมร่า ฮินด์ลีย์ (Myra Hindley)


(1942 - 2002) ไมร่า ฮินด์ลีย์ และคู่รักเอียน เบรดี้ เป็นผู้ก่อคดี "ฆาตกรรมแห่งท้องทุ่ง" โดย

เหตุเกิดที่แถวเมืองแมนเชสเตอร์ในสหราชอาณาจักรใน ราวช่วงทศวรรษที่ 60 ฆาตกรโหดคู่นี้

ถูกจับเพราะกระทำการลักพาตัว, ทารุณกรรมทางเพศ, ทรมานและฆาตกรรม เด็กอายุต่ำกว่า

12 ปี 3 คน และเด็กวัยรุ่นอายุ 16 และ 17 ปี โดยหลักฐานที่พบประกอบด้วย เทปที่บันทึก

ระหว่างกำลังฆาตกรรมที่มีเสียงผู้ตายกำล ังกรีดร้อง ขณะที่ไมร่าและเบรดี้กำลังข่มขืนและ

ทรมาน ในระหว่างการสอบสวนและวันตัดสินเธอยังมีท่าทีกินลูกอ มอย่างไม่สะทกสะท้าน ซ้ำ

ทำตัวท่าทางกร่างและแสดงความยโสโอหัง จนกลายเป็นลักษณะพิเศษที่เป็นที่จดจำของเธอ

จนกลายเป็นบุคคลคนที่ชาวอังกฤษเกลียดชังที่สุดในประว ัติศาสตร์

 


10 ควีนแมรี่ ที่ 1 (Queen Mary I)


(1516 - 1558) ราชินีแมรี่เป็นพระธิดาพระองค์เดียวใน กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคทเธอ

รีน แห่งอารากอน พระองค์เคยเกือบสวรรคตในช่วงวัยทารกมาแล้วแต่รอดมาได ้ และขึ้นครอง

ราชย์สมบัติหลังจากพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 6 สิ้นพระชนม์ ด้วยการปลดราชินีเก้าวันอย่าง เลดี้เจน

เกรย์ออก และเมื่อขึ้นครองราชย์แทน โดยชูนโยบายที่พระองค์เน้นมากคือการที่ทำให้อังกฤษ

เป ็นประเทศที่นับถือนิกาย คาธอลิกอย่างเดียว พระองค์เลยคิดหาทางกำจัดพวกโปรแตสแตน

ท์ในประเทศให้หม ดสิ้น โดยใช้หลายวิธีไม่เลือก สาวกนิกายโปรแตสแตนท์ที่มีชื่อเสียงหลาย

คนถูกจับประห าร ทำให้พระนางมีนามหนึ่งว่า "Bloody Mary" หรือ "แมรี่บ้าเลือด" ซึ่งฉายานี้มา

จากการจับสาวกนิกายโปรแตสแตนท์ ขึ้นแขวนคอบนตะแลงแกงในคราวเดียวกว่า 800 คน

7 พ.ค. 54 เวลา 01:48 7,262 6 90
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...