หลวงพ่อรวย วัดตะโก อยุธยา

พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อรวย)
วัดตะโก ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                หนึ่งในบรรดาพระอาจารย์แห่งเมืองกรุงเก่าที่มีความขลังเป็นอมตะคือ ท่านพระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อรวย) เจ้าอาวาสวัดตะโก ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อมีความเป็นอยู่สมถะ เรียบง่าย พูดน้อย ถามคำตอบคำ และมักจะเป็นผู้ฟังเสียมากกว่า
                พระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์พระเวทวิทยาคุณต่าง ๆ ของหลวงพ่อ คือหลวงพ่อชื้น เจ้าคณะแขวงอำเภอภาชี เจ้าอาวาสวัดภาชี หลวงพ่อชื้น อดีตเจ้าอาวาสวัดภาชี ท่านสืบทอดวิทยาคุณต่าง ๆทาง สายวัดพระญาติการามฯ ผู้เป็นบูรพาจารย์แห่งสำนักนี้ ในสมัยก่อน คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อกลั่น พระเกจิอาจารย์ผู้รุ่งเรืองพุทธาคมคาถาเป็นอมตะตลอดกาล
                พระบูรพาจารย์รูปนี้มีศิษย์ผู้สืบทอดเวทมนต์คาถาหลายรูป ด้วยกันอาทิ หลวงพ่อใหญ่ วัดสะแก หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติฯ หลวงพ่อสี วัดสะแก หลวงพ่อดู่ วัดสะแก และหลวงพ่อชื้น อดีตเจ้าอาวาสวัดภาชี
ประวัติ วัดตะโก ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                วัดตะโก ตั้งอยู่เลขที่ ๓๑ บ้านตะโก หมู่ ๒ ตำบลดอนหญ้านาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินเขตสังฆาวาสและพุทธาวาส เนื้อที่ประมาณ ๗ ไร่เศษ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ บริเวณเขตวัดโดยรอบมีหมู่บ้านประชาชนและทุ่งนาล้อมรอบ อาคารเสนาสนะต่าง ๆมีอุโบสถ กว้าง ๖ เมตร ยาว ๑๔ เมตร ศาลาการเปรียญก้าง ๑๕ เมตร ยาว ๒๕ เมตร กุฏสงฆ์จำนวน ๔ หลัง หอไตร และหอประชุม ปูชนียวัตถุที่สำคัญมีพระประธานในอุโบสถ
 
ชาติภูมิ
                หลวงพ่อพระครูสุนทรธรรมนิวิฐ นามเดิม “รวย” นามสกุล “ศรฤทธิ์” หลวงพ่อเกิดวันศุกร์ เดือนอ้าย ปีระกา ตรงกับเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๔ ที่บ้านตะโก หมู่ ๒ ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                บิดาชื่อ มี   มารดาชื่อ สินลา มีพี่น้อง ๘ คน ดังนี้ ๑.นายมณี ๒.นางผา ๓.นางจำปี ๔.นางเที้ยม ๕.นายสวย ๖.พระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (รวย ศรฤทธิ์) ๗.นางสำราญ ๘.นางสังเวียน
                หลวงพ่อเมื่อปฐมวัย มีชีวิตเหมือนเด็กชนบททั่วไป ช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา เลี้ยงสัตว์ อายุ ๑๒ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่ วัดตะโก ในช่วงนั้นละแวกตำบลดอนหญ้านาง ยังไม่มีโรงเรียนประถมศึกษาของทางราชการ ต้องอาศัยพระภิกษุเป็นครูสอนบนศาลาการเปรียญ มีความรู้การอ่านการเขียนเทียบเท่าชั้นประถม ๔
บรรพชาอุปสมบท
          หลวงพ่ออายุ ๑๖ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร พระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสวัดตะโก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อศึกษาพระธรรมวินัย ขณะที่ครองเพศสามเณร สามารถสอบธรรมชั้นตรี ได้เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๔ หลวงพ่ออายุครบ ๒๐ ปี จึงอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดตะโก เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๔๘๔ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเส็ง
โดยพระเดชพระคุณพระครูสุนทรธรรมนิวิฐ (หลวงพ่อชื้น) เจ้าอาวาสวัดภาชี และเจ้าคณะอำเภอภาชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดจ้อย เจ้าอาวาสวัดวิมลสุนทร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์บุญช่วย เจ้าอาวาสวัดตะโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์   ได้รับนามฉายา ทางพระพุทธศาสนา “ปาสารทิโก” หลวงพ่อจำพรรษาที่วัดตะโก มาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อสอบนักธรรมโท ได้ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ และสอบนักธรรมเอก ได้ในปี พ.ศ.๒๔๘๗
 
ศึกษาพระกรรมฐาน พระคาถาพุทธาคม
หลังจากได้สำเร็จพระปริยัติระดับนักธรรมเอก แล้ว จึงเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานกับ หลวงพ่อชื้น ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในเบื้องต้น หลังจากเรียนวิชากรรมฐานจน จิตเป็นสมาธิได้ฌานกสิณแก่กล้าแล้ว จึงเรียนเวทมนต์คาถาต่อไป นัยว่าหลวงพ่อชื้น ได้เมตตาประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ ให้จนหมดสิ้น จากนั้นหลวงพ่อยังไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนพุทธาคมกับ หลวงพ่อแช่ม วัดวังแดงเหนือ อาศัยที่หลวงพ่อรวมมีฌานแก่กล้าในการเจริญภาวนาพระกรรมฐานมีสมาธิจิตรวดเร็ว จึงทำให้ท่านมีความขลังในพระเวทวิทยาคมอย่างเอกอุ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อได้ก่ออภินิหารปรากฏต่อสายตามหาชนนับร้อย เกิดปรากฏการณ์ดังนี้
ปรากฏการณ์ ครั้งที่ ๑ คราววางศิลาฤกษ์ โรงเรียนบ้านตะโก – ดอนหญ้านาง ในขณะที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ “ชยันโต” โดยหลวงพ่อกำลังเจิมแผ่นศิลาฤกษ์ กำนันแสวง โชคชัย ชักปืนยิงข้ามสายสิญจน์ ปรากฏว่ายิงไม่ออกทั้ง ๖ นัด
ครั้งที่ ๒ ในงานเปิดป้ายที่ทำการกำนัน ตำบลดอนหญ้านาง ในขณะที่หลวงพ่อกำลังเจิมป้าย กำนันแสวงคนเดิมชักปืนยิงข้ามป้ายที่ทำการกำนัน ปรากฏว่ายิงไม่ออกเช่นเคย
ครั้งที่ ๓ ในงานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญวัดตะโก ในขณะที่หลวงพ่อและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงกำลังเข้าแถวจับสายสิญจน์เพื่อ อัญเชิญช่อฟ้าขึ้นประดิษฐานบนแท่น กำนันแสวงเจ้าเก่า ได้ชักปืนยิงข้ามสายสิญจน์อีก ปรากฏว่าปืนกลายสภาพเป็นท่อนเหล็กไปโดยปริยาย คือยิงไม่ออกเป็นครั้งที่ ๓ พอเบนปากกระบอกปืนไปทางอื่น เสียงปืนดังถี่ยิบ 
กำนันแสวงถึงกับก้มลงกราบ ขอขมาหลวงพ่อ กล่าววาจาแบบเสียงดังฟังชัดว่า “ผมยอมแล้วครับหลวงพ่อ” การที่กำนันแสวงใช้ปืนยิงข้ามสายสิญจน์ ในขณะที่หลวงพ่อประกอบพิธีทางศาสนาถึง ๓ ครั้ง ๓ คราว นับว่าเป็นการหมิ่นหลวงพ่ออย่างมาก แต่ทว่าหลวงพ่อไม่ถือโกรธ และดูเหมือนว่าท่านจะล่วงรู้ความในใจของกำนันแสวงทุกครั้งไป ท่านจึงอุดปืนไฟ เพื่อให้เห็นอภินิหาร คราวหน้าถ้า กำนันได้สำนึกจะได้ปฏิบัติสิ่งไม่ดีงามอีกต่อไป
ครั้งที่ ๔ อาจารย์เหลือ เภาดี อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านยาง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันลาเพศพรหมจรรย์ มีบ้านพักอยู่ที่ตลาดหินกอง จังหวัดสระบุรี อาจารย์เหลือท่านนี้ในขณะที่ครองเพศสมณะ ได้เจริญพระกรรมฐานได้ฌานสมาบัติขั้นสูง สามารถหยั่งรู้สิ่งเร้นลับต่าง ๆ ได้ 
ท่านทราบว่า หลวงพ่อรวย เจ้าอาวาสวัดตะโก ทรงคุณสมบัติในวิปัสสนากรรมฐานถึงขั้น “เจโตปริยฌาณ” จึงใคร่ทดสอบให้เป็นที่ประจักษ์ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ อาจารย์เหลือเดินทางมาที่วัดตะโก พอมาถึงหน้ากุฏิไม่มีการบอกกล่าวเล่าแจ้งให้เสียเวลา นั่งบริกรรมภาวนาเพื่อให้จิตเป็นสมาธิ หวังทราบคุณวิเศษของหลวงพ่อรวย เรียกว่าหักเหลี่ยมหักคมกันซึ่ง ๆ หน้า
หลวงพ่อรวย ก็ไม่ได้ว่าอะไร จะปฏิบัติให้รู้แจ้งแค่ไหนก็ช่างเถอะ อาจารย์เหลือนั่งหลับตาภาวนานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วลุกขึ้นไปกราบหลวงพ่อรวย และกล่าววาจาขอขมาโทษว่า “ผมไม่ได้ลบหลู่คุณธรรมของหลวงพ่อนะครับ เพียงแต่ทดสอบดูตามที่ผู้คนเขาเล่าลือกันขอได้โปรดอภัยด้วย”   อาจารย์เหลือ คงทราบด้วยฌานว่าหลวงพ่อรวยทรงวิทยาคุณทางวิปัสสนากรรมฐานมากน้อยเพียงไร จึงเกิดศรัทธาเลื่อมใส ขอรับเป็นอุปัฏฐาก โดยรับเป็นเจ้าภาพสร้างลูกนิมิตถวาย ๙ ลูก เป็นจำนวนเงิน ๒ แสนบาท ก่อนที่อาจารย์เหลือ จะกราบลากลับ หลวงพ่อรวยได้มอบ พระสมเด็จผสมเส้นเกศารุ่นสร้างอุโบสถให้ ๑ องค์
เมื่อกลับมาถึงบ้านที่ตลาดหินกอง อาจารย์เหลือใคร่ทดสอบพุทธานุภาพของ พระสมเด็จ ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน โดยเอาปืนจ่อยิงในระยะเผาขน ห่างองค์พระแค่คืบกว่าเท่านั้น ปรากฏว่าเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์อะไรอย่างนั้น ลูกปืนตกปากกระบอกละลายหยดเป็นน้ำตาเทียนเลยทีเดียว
ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๘ คุณน้ำอ้อย ปานสงคราม ได้พาลูกชายไปหาหลวงพ่อรวยที่วัดตะโก เพื่อขอประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพราะว่าวันรุ่งขึ้นจะพาลูกชายไปเที่ยวที่จังหวัดระยอง เสมือนหนึ่งหลวงพ่อท่านจะล่วงรู้ในอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับลูกชาย คุณน้ำอ้อย ท่านจึงทำสายมงคลคล้องคอให้
เมื่อ คณะของคุณน้ำอ้อยเดินทางมาถึงจังหวัดระยองช่างเป็นคราวเคราะห์ หรือเหตุบังเอิญอะไรอย่างนั้น เมื่อลูกชายคุณน้ำอ้อยเดินข้ามถนน มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งชนลูกชายกระเด็นลงไปนอนฟุบอยู่กลางถนนเหลือเชื่อ ลูกชายคุณน้ำอ้อยไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่เลือดสักหยดก็ไม่มี
ทั้งนี้ทั้งนั้นคงเป็นด้วย สายมงคลของหลวงพ่อรวย ช่วยคุ้มครองอย่างแน่นอน
 
ถูกฟ้าผ่า
เมื่อประมาณกลางปี ๔๑ ที่ผ่านมาประมาณ ๓ โมงเย็น นางจำนงค์ บัวขจร อยู่บ้านตะโก มีอาชีพ ทำนา ในขณะที่ดำนา อยู่ก็เกิดเหตุการณ์อย่างไม่คาดคิด อาจำนงค์ “ถูกฟ้าผ่าที่ร่างจนล้มลงจมน้ำ” ซึ่งขณะนั้นญาติพี่น้อง สามี และลูก ๆที่อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเหตุการณ์ก็ได้ช่วยอุ้มขึ้นมาที่คันนา ปรากฏว่า “ เสื้อผ้าไหม้เกรียมหมด” แต่น่าอัศจรรย์ที่เนื้อตัวของ อาจำนงค์    บัวขจร ไม่บาดเจ็บสาหัสอะไรเลย รุ่งขึ้นอาการที่บาดเจ็บเล็กน้อยก็หายเป็นปกติ ลุกขึ้นเดินได้สอบถามอา ว่า”มีของดีอะไร จึงรอดตายได้ราวปราฏิหาริย์” ซึ่งอาจำนงค์ บัวขจร ได้เล่าว่าที่รอดตายครั้งนี้ เพราะห้อยเหรียญของหลวงพ่อรวย รุ่นแรก ที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ พ.ศ. ๒๕๑๓

 

 
หลวงพ่อรวย พระสุปฏิปันโน
แห่งท้องทุ่งตะโก 
                                                                                                                  
                หลวงพ่อรวย ปาสาธิโก เป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่ง ที่ครบเครื่องในยุคปัจจุบัน หลวงพ่อสามารถทำได้สร้างได้ทุกสิ่งที่มีอาคมขลังศักดิ์สิทธิ์ เขียนยันต์ได้ทุกรูปแบบ ประกอบพิธีพุทธาภิเษภ มังคลาภิเษภ รู้พิธีทางพุทธศาสนา รู้พิธีพราหมณ์ รู้วิชาแพทย์แผนโบราณ ฯลฯ
                หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา สุดยอดพระเกจิอาจารย์ แห่งแผ่นดินยุคนี้ เคยกล่าวถึงคุณธรรมล้ำลึกของหลวงพ่อรวย วัดตะโก ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
                วันหนึ่งมีญาติโยมต่างถิ่นประมาณ ๖ – ๗ คน ได้เช่ารถพากันไปกราบนมัสการ หลวงพ่อคูณ ที่วัดบ้านไร่ ได้เช่าวัตถุมงคลแบบต่าง ๆ จาก เจ้าหน้าที่ของวัดบ้านไร่ แล้วนำไปให้ หลวงพ่อคูณ ท่านอธิษฐานจิตให้อีกชั้นหนึ่ง หมายเป็นเคล็ดว่ารับจากมือหลวงพ่อคูณกันละว่าอย่างนั้น.
                บังเอิญว่าศรัทธาคณะนั้นไปอยู่ในศาลาที่หลวงพ่อคูณพำนักเป็นเวลาปลอดผู้คน มีผู้มารอคิวเข้ากราบไม่มากนัก จึงได้รับการสอบถามจาก หลวงพ่อคูณฯ ว่า “พวกมึงลูกหลาน มาจากไหนกันนี่ ถ้าจะอยู่ไกลละซี จึงได้มาถึงเย็นใกล้ค่ำ” “มาจากอยุธยาครับหลวงพ่อ” หัวหน้าคณะรายงานให้ทราบ หลวงพ่อคูณฯ จึงถามต่อว่า “อยู่บ้านไหนล่ะ” “อยู่บ้านตะโก ดอนหญ้านาง อำเภอภาชีครับ หลวงพ่อ” พอทราบอย่างนั้น หลวงพ่อคูณฯ จึงกล่าวทำนองว่า “อยู่บ้านตะโก อยุธยา พากันถ่อสังขารกันมาถึงนี่ทำไม ไม่ไปหาท่านรวย ที่วัดตะโก คราวหน้าคราวหลัง มีอะไร หรือต้องการอะไร ให้ไปหาท่านรวย ไปหาท่านรวยก็เหมือนกับมาหาข้าเหมือนกัน ท่านรวยเขาก็มีทุกอย่างเหมือนกับข้านี้แหละ ข้ามีอะไรท่านรวยก็มีอย่างนั้น เป็นคำกล่าวจากใจในความเป็นจริง
                หลวงพ่อคูณและ หลวงพ่อรวย ท่านเคยร่วมทางจาริกธุดงค์แสวงหาเวทวิชาอาคมมาด้วยกันเป็นศิษย์ร่วมครูอาจารย์เดียวกันมาก่อน
                วาทะของหลวงพ่อคูณจากวัดบ้านไร่ ถึงวัดตะโก หลวงพ่อรวยเปรียบเหมือนมนตราทำให้ญาติโยมชาวภาชี คณะนั้น และคนที่ได้ทราบถึงความดังกล่าวสิ้นสงสัยในคุณธรรมของ หลวงพ่อรวยที่เคยได้ยินได้ฟังมา

 

 

 

 

8 ธ.ค. 53 เวลา 14:55 54,792 3 28
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...