มหาบุรุษยังรู้พลั้ง! เมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้เสียท่านักพรต ถูกหลอกเอาทรัพย์สินไปถึง 2 ครั้ง แถมยังหนีรอดไปได้

ย้อนกลับไปในรัชสมัยของ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฉิน ผู้รวบรวมดินแดนที่แตกออกเป็นแคว้นของประเทศจีนให้กลายเป็นหนึ่งเดียวและทำการสร้างชาติขึ้นมาใหม่โดยให้ทุกแคว้นนั้นหันมาใช้ภาษาและวัฒนธรรมเดียวกันทั้งแผ่นดิน ซึ่งการกระทำหลายๆ อย่างของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นทำให้พระองค์กลายเป็นทั้งมหาราชและทรราชย์ในเวลาเดียวกัน

สิ่งหนึ่งที่เป็นตำนานเล่าขานนอกจากวีรกรรมทั้งดีและโหดร้ายของพระองค์นั้นก็คือความพยายามในการแสวงหาชีวิตอมตะทั้งด้านเวทมนตร์และยาอายุวัฒนะ หมอหลวงและหมอผี นักพรตต่างๆ พยายามที่จะคิดค้นวิธีที่จะทำให้มีชีวิตยืนยาวเพื่อนำไปถวายให้แก่จิ๋นซีฮ่องเต้ โดยหวังว่าเผื่อจะมีวาสนาได้ดิบได้ดีกับเขาบ้าง แต่ทว่าก็ไม่มีใครสามารถที่จะทำได้สักคน

แต่หนึ่งในผู้ที่ตามหายาอายุวัฒนะนั้นมีอยู่ผู้หนึ่งที่ถือว่า “Win” ที่สุดในบรรดาหมอหลวงและหมอผี ชื่อของเขาคือ “สวี่ฝู” นักพรต (หมอผี) ประจำราชสำนักฉิน สวี่ฝูเป็นผู้เสนอตัวแก่จิ๋นซีฮ่องเต้เพื่อจะไปตามหายาวิเศษที่ช่วยให้ผู้ที่ได้กินมันนั้นเป็นอมตะ ซึ่งแน่นอนว่าจิ๋นซีฮ่องเต้เกิดความสนใจเป็นอย่างมาก และได้มอบหมายให้สวี่ฝูออกเดินทางโดยเร็ว

 


WIKIPEDIA PD

สิ่งที่สวี่ฝูทูลขอจากจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นคือทรัพย์สมบัติจำนวนมากเพื่อเป็นค่าเดินทางและใช้ในกรณีที่ต้องใช้แลกกับยาอมตะ กองเรือสำเภาลำใหญ่จำนวน 60 ลำ และลูกเรือซึ่งประกอบไปด้วยเหล่านักพรตในสังกัดของสวี่ฝูจำนวนหลายร้อยคน ลูกเรืออีกประมาณ 2,000 คน และเด็กสาวและเด็กชายพรหมจรรย์ 3,000 คน ซึ่งการขอเด็กสาวและเด็กชายพรหมจรรย์นั้นก็ทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้แปลกใจและสงสัยว่าจะเอาไปทำไม สวี่ฝูจึงทูลไปว่า “การที่จะมองเห็นยาอมตะนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้พลังจากความพรหมจรรย์ของเด็กสาวและเด็กชายและสามารถหยิบมันออกมาได้”

น่าจะเป็นเพราะความหน้ามืดหรือความโลภในชีวิตอมตะจึงทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้จัดให้ทุกสิ่งตามที่สวี่ฝูขอ และเมื่อทุกอย่างพร้อมสวี่ฝูจึงพากองเรือหายาอมตะออกเดินทาง เวลาผ่านไป 9 ปีสวี่ฝูก็กลับมายังแคว้นฉินแต่ทว่าการกลับมาของเขานั้นมีเพียงแค่เรือสำเภาลำเดียวกับคนจำนวนหยิบมือไม่ถึงร้อยคน แถมยังไม่มียาอมตะที่ว่าติดมือมาด้วย ซึ่งก็ทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างหนัก ในใจนี่คิดว่าจะต้องประหารให้ทรมานก่อนตายให้สาสม แต่ก็เก็บกดอารมณ์ไว้และถามก่อนว่าคนตั้งเยอะไปไหนและทำไมถึงไม่ได้ยาอมตะมา

สวี่ฝูก้มหน้าตอบด้วยความสำนึกผิดและกราบทูลไปว่า “กองเรือของกระหม่อมเกือบจะเดินทางถึงเกาะและเห็นยาอมตะส่องแสงสว่างบนยอดเขาอยู่แล้ว หากแต่ว่าก่อนจะเข้าเกาะนั้น ดันมีปลายักษ์ตัวใหญ่เท่ากับวังของพระองค์มาโจมตีกองเรือของกระหม่อมจนยับและต้องหนีตายกลับมากราบทูล” เมื่อได้ยินดังนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้เลยใจอ่อน เพราะคำว่า “เห็นยาอมตะส่องแสงบนยอดเขา” ด้วยความโลภที่มากขึ้นกว่าเดิม จิ๋นซีก็จัดกองกำลังทหารที่ประกอบไปด้วยพลธนูล้วนๆ จำนวนกว่า 5,000 คนเช่นเดิมแถมด้วยสมบัติอีกจำนวนหนึ่งออกเดินทางไปกับสวี่ฝูอีกครั้ง และครั้งนี้สวี่ฝูก็ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีกเลย

เชิญรับชม

 

เรื่องราวตัดจบเพียงเท่านี้พร้อมๆ กับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของสวี่ฝู มีทฤษฎีสมคบคิดที่ว่ากันว่าหลังจากนั้นไม่นานจิ๋นซีฮ่องเต้ฉุกคิดได้ว่าน่าจะโดนหลอกจึงกริ้วอย่างที่สุดและพาลไปลงกับบรรดาเหล่าบัณฑิตที่ซวยเพราะถูกเหมาไปว่าเป็นพวกเดียวกันก็โดนฝังทั้งเป็นแถมตำราต่างๆ ก็ยังโดนเผาเพราะอาจจะบันทึกเรื่องราวนี้ไว้

ส่วนสวี่ฝูนั้นมีผู้สันนิษฐานเอาไว้แบบในแง่ร้ายว่าที่ทำไปเพื่อสร้างเรื่องหลอกตบทรัพย์จิ๋นซีฮ่องเต้ นำผู้คนออกไปตั้งรกรากใหม่แถบน่านน้ำญี่ปุ่นอาจจะเป็นเพราะเพื่อหรือกลัวที่จะต้องอยู่ใต้การปกครองที่เหี้ยมโหดของจิ๋นซีที่กลับมาอีกรอบเพราะอาจจะเจอกับการรุกรานเลยสร้างเรื่องมาหลอกเพื่อขอกำลังทหาร

นี่ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการต้มตุ๋นครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว

เรียบเรียง : SpokeDark.TV

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...