Will o' the wisp: กระสือฝรั่ง

เราๆ ท่านๆ คงเคยคุ้นกับเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่ เกี่ยวกับแสงแวบวับที่มักจะลอยไปลอยมาตอนค่ำคืน ที่เรียกว่า “กระสือ” กันดี
 

ตำนานบ้านเรามาพร้อมเรื่องเล่าของกระสือยายสายผู้เป็นตำนานกระสือโบราณ จนมาถือหนังเรื่องกระสือสาวผู้แสนเซ็กซี่ ที่สามารถขยายเผ่าพันธุ์ด้วยน้ำลาย คล้ายกับการติดเชื้อไวรัส แต่จะเป็นกระสือตัวไหนๆ ก็มาในรูปแบบเดียวกัน ตอนกลางวันก็ดูเป็นมนุษย์ปกติธรรมดา ถ้าเป็นหนังหรือละคร กระสือมักจะเป็นสาวสวย มากด้วยเสน่ห์ แต่พอตกกลางคืน คุณเธอเหล่านั้น ก็ออกเริงร่าหากิน โดยการถอดหัวพร้อมไส้ แล้วลอยออกมาหาของสกปรกกิน พร้อมกับเปล่งแสงคล้ายหิ่งห้อยตัวใหญ่ยักษ์ ไปด้วย ขอเกริ่นเรื่องราวตำนานของกระสือไทยให้ฟังก่อนสักนิด อีกประเดี๋ยวก็เข้าเรื่อง กระสือฝรั่งแล้วล่ะเชิญอ่านต่อกันได้เลย

ไฟของกระสืออาจจะมีประโยชน์เอาไว้ดูทางเวลาลอยไปตอนกลางคืนก็ได้ เพราะพวกกระสือจะกลัวต้นไม้ที่มีหนามเหลือเกิน ด้วยกลัวว่าหนามจะเกี่ยวไส้ ไปไหนไม่ได้ต้องติดห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น และถ้าขืนลอยสะเปะสะปะตามืดบอด อาจไปเกี่ยวเอาหนามให้ได้อับอายแน่

แต่แม้จะเป็นคนเพียงครึ่งก็ยังคงมีนิสัยของผู้หญิง เพราะเธอเหล่านั้นจะรักความสะอาดยิ่งนัก กลัวว่าสิ่งสกปรกที่กินมาจะติดกลับไปที่ร่าง ผ่านบ้านไหนตากผ้าไว้ตอนกลางคืน ก็จะขอยืมเป็นผ้าเช็ดปากชั่วคราว ชาวบ้านเขาก็มีวิธีแก้เผ็ด โดยการเอาผ้านั้นไปต้ม สาวไหนร้อนปากร้อนคอ ก็ให้อนุมานได้ว่า สาวเจ้านั่นแลคือกระสือที่แอบมาเช็ดปากไว้เมื่อคืนไอ้ที่เกริ่นมาซะยืดยาว ก็แค่ต้องการเปรียบเทียบให้ฟังระหว่างกระสือไทยกับกระสือฝรั่งที่จะเล่าต่อไปนี้ เพราะที่อังกฤษเขาก็มีตำนานกระสือเล่าลือเหมือนกัน เขาเรียกว่า Will o’ the wisp แต่ว่าแตกต่างกันกับกระสือบ้านเราตรงที่ว่า Will o’ the wisp เนี่ยเป็นผู้ชาย

สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ เจ้าวิล โอ เดอะ วิสพ์ นี่ส่องแสงแวมๆ เหมือนกันแค่นั้น เจ้านี่เกิดเฉพาะตรงแถบที่เรียกว่า มัวร์แลนด์ (Moorland) โดยบริเวณที่เกิดคือผิวน้ำริมบึงหรือบริเวณดินแฉะๆ ริมบึง โดยที่ไม่มีใครอธิบายได้ว่าแสงนั้นเกิดจากอะไรและมาจากที่ไหน คนแถวนั้นเขาเชื่อกันว่า เป็นแสงของคนตีเหล็กที่ชื่อวิล อาจจะคล้ายๆ กับ Orb เจ้าลูกไฟกลมๆ ที่ถ่ายรูปติดได้ในเวลากลางคืน แต่เจ้าลูกไฟหรือ Orb นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อถ่ายรูปติดมาโดยบังเอิญและปรากฏอยู่ในทุกสถานที่ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องริมบึง

มีเรื่องเล่าว่ากันว่านายวิลเนี่ยประกอบสัมมาชีพเป็นช่างตีเหล็กที่มินิสัยขี้ฉ้อ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ชอบแหกกฎของศาสนาที่ตราไว้ นิสัยเสียโดยแอบไปคบค้าสมาคมกับบรรดาปีศาจในสมัยที่ยังเป็นช่างฝึกงาน ถึงแม้จะเป็นคนคดโกงแต่อาศัยว่าเป็นคนมีฝีปากดี สามารถเอาตัวรอดจากความผิดได้ทุกครั้ง


แต่ให้ปากดีแค่ไหน ดันไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ผัวเขาจับได้ก็เลยโดนซิวไปตามระเบียบ งานนี้ปากก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้  แต่อีตานี่พอตายปุ๊บ วิญญาณลอยละล่องออกจากร่างไปที่ประตูสวรรค์เพื่อรอรับคำตัดสินของเซนต์ ปีเตอร์ นายวิลใช้คารมอ้อนวอนให้ท่านเซนต์ ปีเตอร์ เห็นใจ โดยอ้างว่าจะขอกลับตัวเป็นคนดีขอให้ท่านเห็นใจกลับไปมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ท่านปีเตอร์หรือก็แสนดี อนุญาตให้นายวิลได้ฟื้นคืนชีพเพื่อกลับมาทำความดีอีกครั้ง (อะโห ฝีปากสุดยอดจริงๆ)

รายงานข่าวก็ไม่ได้แจ้งว่าอีตอนฟื้นขึ้นมาเนี่ย พวกชาวบ้านแตกตื่นตกใจกันแค่ไหน แต่มีรายงานว่านายวิลรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับท่านปีเตอร์ดีอยู่ เพราะพอมีโอกาสกลับมาอีกครั้งก็กลับตัวเป็นคนดี ครั้นพอหมดอายุขัยแบบไม่มีโปรโมชั่นต่อเวลา ความดีกับความชั่วที่เพียรสะสมมาก็ดันมามีน้ำหนักก้ำกึ่งกัน จะตกนรกก็ไม่ได้ ขึ้นสวรรค์ก็ไม่ดี กลายเป็นวิญญาณที่ไม่มีที่ไป

วิญญาณช่างตีเหล็กฝีปากดี ก็เลยต้องร่อนเร่ไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายท่ามกลางความมืดมิด ลองคิดดูว่ามันจะทรมานสักแค่ไหน อุตส่าห์ได้กลับมาทำความดี ยังอดไปสวรรค์อีก แถมนรกก็ไม่ต้อนรับ บรรดาปีศาจที่เคยคบหากันใด้รู้สึกสงสารสหายเก่าเป็นที่ยิ่ง เลยหาถ่านคุแดงที่ลุกติดไฟจากนรกมาให้ไออุ่นเขาเป็นการแก้หนาวและให้ใช้เป็นแสงส่องทางไปในยามที่เขาต้องเดินทางเร่รอนเพียงลำพัง (ปีศาจก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ)

และนั่นแหล่ะคือตำนาน กระสือฝรั่งหรือนายช่างวิลผู้ถือไฟส่องหาทางไป ไม่ว่าหนทางนั้นจะนำไปสู่นรกหรือสวรรค์ก็ตาม
 

1 ก.ค. 53 เวลา 10:05 11,004 21 2,468
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...