เปิดตำนาน Illuminati และ Freemason องค์กรลับที่ถูกกล่าวว่า คือผู้อยู่เบื้องหลังของโลกใบนี้

ว่ากันว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลกนั้น ล้วนเกี่ยวเนื่องและมีที่มาจากจุดๆ เดียวกัน เกิดจากการชักใยอยู่เบื้องหลังขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง

ซึ่งรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้นของกลุ่มคนสำคัญ กำหนดนโยบายต่างๆ เพื่อควบคุม ออกแบบนโยบายสำคัญๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีผลต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น

และชื่อขององค์กรที่มักได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คือ Illuminati และ Freemason นี่แหละ!!

 

ก่อนอื่นเรามาเริ่มด้วยกลุ่ม Illuminati กันก่อนเลย

 

 

คำว่า Illuminati นั้น ถ้าแปลกันแบบตรงตัวแล้วก็จะหมายถึง ‘ผู้ที่มีสติปัญญาอันล้ำเลิศ’ ซึ่งบางที่ก็กล่าวว่าสแรกเริ่มเดิมทีนั้นก่อตั้งมาอย่างลับๆ โดยการรวมตัวกันของเหล่านักวิทยาศาสตร์ในยุคเรืองอำนาจของศาสนจักร

ไม่ว่าจะในนวนิยายสืบสวนสอบสวน หรือแม้กระทั่งทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นั้นก็มักจะเกี่ยวโยงกับชื่อของกลุ่มอิลลูมินาติอยู่เสมอ และมีความเชื่อกันว่ากลุ่มนี้มีความเกี่ยวข้องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และเหตุการณ์ใหญ่ๆ ของโลกแทบจะทุกครั้ง

สมาคมนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1776 (ปีเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ) ในเมือง Ingolstadt แห่วงแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี โดย Adam Weishaupt ผู้เลื่อมใสในคณะเยซูอิต และ เป็นศาสตราจารย์ด้านประมวลกฎหมายโรมันแห่งมหาวิทยาลัย Ingolstadt

กลุ่มนี้มีเป้าหมายก็เพื่อต่อต้านความเชื่ออย่างงมงาย และที่สำคัญที่สุดก็คือต่อต้านอิทธิพลของศาสนจักรที่มีอยู่เหนือประชาชนในยุคนั้น

 

ในยุคที่คริสจักรเรืองอำนาจ

 

 

จนต่อมาในปี 1784 ผู้ปกครองรัฐบาวาเรียในยุคนั้น Karl Theodor ออกกฎหมายห้ามการก่อตั้งสมาคมลับ มีการตรวจค้นบ้านและจับกุมสมาชิกอิลลูมิเนติได้หลายคน ทำให้สมาคมลับแห่งนี้สูญสิ้นไปตั้งแต่ตอนนั้นตามที่หลายๆ คนเชื่อกัน (แต่จนแล้วจนรอดสิ่งที่สืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นกลับเป็นแนวคิดของกลุ่มนี้ต่างหาก)

ด้วยแนวคิดที่คิดแบ่งแยกและเป็นภัยต่อศาสนจักรนั้น ทำให้อิลลูมินาติถูกตามล่าอย่างหนักจากเหล่าคริสจักร และถูกกล่าวหาว่าเป็นลัทธิซาตาน โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และโดยเฉพาะ ‘ทฤษฎี บิกแบง’ ที่ขัดกับความเชื่อในเรื่องพระเจ้าสร้างโลกมากที่สุด

โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น คริสตจักรเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่าสสารไม่มีวัน เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ และว่ากันว่ากาลิเลโอ ผู้ค้นพบว่าโลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลและหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้น คือหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มอิลลูมินาติอีกด้วย

นั่นหมายความว่าสมาคมนี้เป็นหนึ่งในสมาคมที่รวบรวมและเป็นที่พบปะของเหล่าหัวกะทิในยุคนั้นๆ ที่มีแนวความคิดผิดแปลกจากศาสนจักร และด้วยการที่มีปีก่อตั้ง (ค.ศ. 1776) ปีเดียวกันกับที่มีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ นั้น ทำให้มีผู้เชื่อมโยงไปว่ามีความเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติครั้งนี้

 

การประกาศอิรสภาพของสหรัฐอเมริกา

 

 

ด้วยการที่ Adam Weishaupt ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Illuminati นั้น เป็นผู้ยึดถือปรัชญาความคิดอิสระ ไม่ยึดติดกับความเชื่อเก่าๆ ซึ่งรวมไปถึงทั้งระบอบการปกครอง การเมือง และศาสนา เพื่อการก้าวเข้าสู่ยุคการปกครองแบบใหม่ หรือ New World Order ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างหายากและผิดแปลกจากยุคนั้น ที่สำคัญที่สุดคืออันตรายต่อกลุ่มอำนาจเก่าอย่างมาก

และทุกๆ ครั้งที่เกิดการปฏิวัติ หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นนั้น เหล่านักประวัติศาสตร์ก็มักจะสืบค้นหาต้นตอของเหตุการณ์ และเกือบทุกๆ ครั้งมักมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอิลลูมินาติทั้งสิ้น

และแม้กลุ่มนี้จะถูกสลายตัวโดยผู้ปกครองแคว้นบาวาเรียในปี 1784 แต่แนวคิดของพวกเขากลับไม่สูญสลายไป โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์หลายๆ ครั้งทั้ง โดยมีความเชื่อว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสปี 1789 การปฏิวัติในรัสเซียปี 1905 และ 1917 ล้วนเป็นผลงานของกลุ่มนี้!!

 

ภาพในธนบัตร 1 ดอลล่าร์ ที่ว่ากันว่าคือหนึ่งในตัวแทนสัญลักษณ์ของกลุ่มนี้

 

 

ในปี 1782 ตราแผ่นดินของประเทศสหรัฐฯ ได้รับการออกแบบให้เป็นภาพพีระมิด มีดวงตาอยู่บนยอด ล้อมด้วยภาษาละติน ‘Novus Ordo Seclorum’ ที่แปลว่า New Order Of The Ages หรือการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการสร้างระบอบปกครองให้กับโลก ทำให้มีหลายๆ ทฤษฎีชี้ไปว่า ดวงตาบนยอดนั้นหมายถึงกลุ่มอิลลูมินาติที่กำลังจับตามองโลกใบนี้อยู่

และในปี 1935 นั้น ภาพนี้ก็ถูกนำไปตีพิมพ์ลงในธนบัตร 1 ดอลลาร์ของสหรัฐฯ และจวบจนทุกวันนี้ เราก็สามารถเห็นภาพนี้อยู่ในธนบัตรชนิดดังกล่าวอยู่ ส่วน ตัวเลขโรมัน MDCCLXXVI ตรงฐานของพีระมิดนั้นคือเลข 1776 ปีที่ประกาศอิสรภาพของประเทศ

แต่ถึงจะมีทฤษฎีต่างๆ เชื่อมโยงไปหายังกลุ่มนี้ แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อของสมาชิกอย่างออกนอกหน้า ทำให้คงสถานะการเป็นหนึ่งในองค์กรที่ ‘ลึกลับ’ ที่สุดในโลก แม้ในยุคปัจจุบันก็ตาม!!

 

และถ้ากล่าวถึงกลุ่มอิลลูมินาติแล้วไม่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มฟรีเมสันส์นั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้

 

 

หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่ม Freemasons นี้จากเรื่อง National Treasure ที่แสดงโดยนิโคลัสเคจกันอยู่บ้าง และว่ากันว่าสมาคมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสมาคมลับขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมกับอิลลูมินาติ และมีส่วนร่วมในเกือบๆ ทุกการเคลื่อนไหวเช่นกัน

จากบทความเกี่ยวกับกลุ่มฟรีเมสันส์ของ ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ นั้นได้ระบุว่า สมาคมลับนี้ถูกก่อตั้งขึ้นก็เพื่อป้องกันการมีผู้นำของประเทศที่จะนำพาไปอย่างไร้ทิศทาง และไร้ความสามารถ ทำให้ต้องมีการคัดสรรผู้เหมาะสม และกลุ่มนี้ก็คือผู้ที่กุมอำนาจ ควบคุมเรื่องราวนี้อยู่แบบลับๆ มาหลายร้อยปี และแม้กระทั่งในตอนนี้ พวกเขาก็ยังกุมอำนาจนั้นอยู่!!

ในอดีตการเริ่มต้นตั้งกลุ่มของสมาชิกองค์กรนี้นั้นมาจากการรวมตัวกันของช่างหิน (Masons) ที่มีความสำคัญในการสร้างโบสถ์และวิหารให้กับคริสจักร ทำให้พวกเขาได้รับการงดเว้นในการเก็บภาษีอากร จนทำให้กลุ่มของพวกเขาเข้มแข็ง ร่ำรวย มั่งคั่ง และในที่สุดก็กลายมาเป็นกลุ่มที่มีอำนาจเหนือประชาชนทั่วไปและมีบทบาทในชนชั้นปกครอง

โดยคำว่า Freemasons นั้น มีความหมายได้สองแง่มุมเลยล่ะทั้งจากการที่ไม่ต้องเสียภาษีเพราะงานที่พวกเขารับส่วนมากนั้นทำให้กับโบสถ์ หรืออาจสื่อถึงแนวคิดของพวกเขา ที่มีความอิสระ ไม่อยู่ในกรอบขอบผู้คนในยุคนั้น

 

กลุ่มฟรีเมสันส์

 

 

เพราะถึงจะทำงานให้กับคริสตจักรซะส่วนมาก แต่พวกเขาก็มีความเชื่อที่แตกต่างออกไปเพราะแนวคิดที่พิสูจน์ไม่ได้หลายๆ แนวคิดของโบสถ์จนมีหลักธรรมของตัวเองขึ้นมา นั่นก็คือการ ‘มอบความรักและเอื้ออาทรต่อกัน’ ตามหลักศาสนาคริสต์ แต่ไม่ได้จะเชื่อทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่ทางคริสจักรบอก (เช่น พระเจ้าสร้างโลกเป็นต้น เพราะพิสูจน์ไม่ได้) ทำให้พวกเขาถูกมองเป็นพวกที่ค่อนข้างหัวขบถในยุคนั้น

ถ้ากล่าวถึงเหล่านักปกครองชื่อดัง หรือผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้น จะว่าไปแล้วก็ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งองค์กร อิลลูมินาติ ฟรีเมสันส์ หรือแม้จะเป็น สกัลล์ แอนด์ โบนส์ ที่เคยได้นำเสนอไปเกือบทั้งสิ้น

 

จากการเชื่อมโยงของทฤษฎีต่างๆ นี่อาจเป็นแผนผังขององค์กรทั้งหมด

 

 

แต่เรื่องราวของกลุ่มที่ถูกเปิดเผยมากที่สุดเห็นจะเป็นฟรีเมสันส์และสกัลล์ แอนด์ โบนส์ นี่แหละ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดี (เริ่มตั้งแต่จอร์จ วอชิงตัน) มาจนถึงปัจจุบันก็มีสมาชิกฟรีเมสันส์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีกว่า 15 คน และรองประธานาธิบดีกว่า 19 คนเลยล่ะ!!

แถมองค์กรฟรีเมสันส์นี้ได้เข้าไปมีบทบาทในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ราวๆ ปี 1733  โดยมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่ Boston ซึ่งในตอนนั้นเป็นฟรีเมสันส์ของอังกฤษ แต่ฟรีเมสันส์ที่แท้จริงของสหรัฐฯ นั้นก่อตั้งขึ้นที่รัฐจอร์เจียในภายหลัง ราวๆ ปี 1734

และว่ากันว่าในตอนนี้มีสมาชิกของกลุ่มฟรีเมสันส์กระจัดกระจายในประเทศสหรัฐฯ กว่า 3 ล้านคน แถมยังมีสมาชิกเป็นบุคลสำคัญในประเทศต่างๆ อีกทั่วโลก

 

พีระมิด หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของกลุ่มฟรีเมสันส์มาช้านาน

 

 

การตีความหมายของสัญลักษณ์เบื้องต้น (ทั้งสองถูกตีพิมพ์ลงในธนบัตร 1 ดอลลาร์ของสหรัฐฯ )

Franklin Roosevelt ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐฯ ที่เป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ได้ประกาศให้ตีพิมพ์ลงในธนบัตรในปี 1935

โดยผู้ออกแบบสัญลักษณืนี้ก็คือ Thomas Jefferson, Benjamin Franklin และ John Adams ผู้ที่เป็นฟรีเมสันส์ทั้งสิ้น โดยใช้ระยะเวลากว่า 6 ปีเต็ม และคณะกรรมการกว่า 3 ชุด จนในปี 1789 สภาครองเกรสก็ได้อนุมัติให้ใช้สัญลักษณ์นี้ในการเป็นตราแผ่นดินของประเทศ

 

– ในรูปของพีระมิดที่ตรงส่วนยอดขาดลอยอยู่นั้นมีการตีความว่าสาเหตุที่ยังไม่มาประกบกับพีระมิดหมายถึงภารกิจที่ยังไม่สำเร็จของกลุ่ม

– ขนปลายปีกของเหยี่ยว 32 เส้นคือชั้นธรรมดาของกลุ่ม Scottish Rite
Freemasonry แซมด้วยขนชั้นใน 33 และ 34 เส้น หมายถึงตำแหน่งชั้นสูงที่ควบคุมกลุ่มนี้อยู่

– และสุดท้ายขนหางจำนวน 9 เส้นหมายถึงสภาผู้บัญชาการของกลุ่ม

 

ถึงแม้กลุ่ม Illuminati จะถูกถือว่าเป็นองค์กรลับ แต่กลุ่ม Freemasons นั้นกลับไม่ถือว่าตัวเองเป็นองค์กรลึกลับ แต่เป็นองค์กรที่ ‘กุมความลับ’ มากกว่า ซึ่งในหสรัฐฯ ตอนนี้ก็มีสำนักงานขององค์กรอยู่ครบเกือบแทบทุกรัฐ

 

การเผยตัวของสมาชิกในกลุ่มในปัจจุบัน

 

 

ส่วนมากผู้ที่เป็นสมาชิกขององค์กรลับต่างๆ นั้น ก็เรียกได้ว่ามีชะตากรรมที่จะต้องประสบความสำเร็จ หรือขยับเขยื้อนเป็นคนสำคัญในสังคม ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนหรือทำกิจการอะไรก็แล้วแต่ มักจะมีมือที่มองไม่เห็นคอยอำนวยความสะดวกให้เสมอ

โดยการรับเลือกสมาชิกของฟรีเมสันส์นั้น องค์กรจะทำการคัดเลือกผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีที่มีจิตใจดีงาม มีคุณธรรม จะเป็นชาวคริสต์หรือไม่ใช่ก็ได้ และเข้าพิธีกรรมต่างๆ รวมถึงต้องปฏิญาณต่อกลุ่ม โดยเฉพาะในเรื่องที่ต้อง ‘รักษาความลับของกลุ่มคณะเท่าชีวิต’ จนทำให้แม้ในปัจจุบันนี้ก็ไม่มีความลับของกลุ่มแพร่งพรายออกมาให้ผู้คนภายนอกได้รู้เลย

และมีความเชื่อที่ว่า เมื่อสมาชิกของกลุ่มที่คิดจะตีจากหรือคิดจะนำข้อมูลของกลุ่มไปเผยแพร่นั้น มักนำไปสู่จุดจบของพวกเขาทุกราย!!

 

สมาชิกของกลุ่มฟรีเมสันส์ที่กลายเป็นผู้มีอิทธิพล…

– Benjamin Franklin นักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองที่มีความสำคัญในประเทศสหรัฐฯ ยุคแสงสว่างของประเทศ

– Voltaire นักเขียนและนักสังคมผู้มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติในประเทศต่างๆ

– George Washington ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา (ไม่ใช่อับราฮัม ลินคอล์นเหมือนที่มีคนเข้าใจนะจ๊ะ -*-)

– Andrew Jackson ประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสหรัฐฯ

– Wolfgang Amadeus Mozart นักประพันธ์เพลงชื่อดัง (จากการที่พ่อเขาเป็นสมาชิกของ Freemasons เช่นกัน)

– Harry Houdini นักมายากลชื่อดังของโลก

– Simón Bolívar นักต่อสู้เพื่อประกาศอิสรภาพจากสเปนในอเมริกาใต้

– Mark Twain นักเขียนผู้มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา และโด่งดังที่สุดในยุคของเขา

– Winston Churchill นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรผู้นำกองทัพเข้าสู่สงครามในสงครามโลกครั้งที่สอง

– Mustafa Kemal Atatürk ผู้บังคับบัญชากองทัพเติร์กที่ไม่เคยพ่ายแพ้เลยในสงครามโลกครั้งที่ 1 และผู้นำขบวนการแห่งชาติในการประกาศเอกราชตุรกีจนนำไปสู่การสร้างประเทศในที่สุด

– Franklin D. Roosevelt ผู้ว่าการนิวยอร์ก และประธานาธิบดีคนที่ 32

– J. Edgar Hoover ผู้ก่อตั้งองค์กร FBI

– Oscar Wilde นักเขียนชาวไอร์แลนด์

– Earl Warren ผู้มีอำนาจในแวดวงกฎหมายของประเทศ

– Silvio Berlusconi นักการเมืองและนักธุรกิจชาวอิตาลีผู้มีชื่อเสียง

– Jesse Jackson นักสิทธิมนุษยชนชาวผิวสีแห่งสหรัฐอเมริกา

– John Elway หนึ่งในนักอเมริกันฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

– Bill Gates นักธุรกิจผู้ร่ำรวยระดับโลก

และอีกมายมายหลายคนเลยล่ะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น…

 

ไม่แน่นะ แท้จริงแล้วชีวิตของเราอาจจะถูกควบคุมแบบลับๆ อยู่ตลอดเวลา และเราก็ไม่เคยมีอิสรภาพที่แท้จริงเลย…ก็เป็นได้!!
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...