เปิดประวัติศาสตร์โหด 10 กองทัพจับเด็กไปตายในสนามรบ

  เปิด 10 กองทัพของโลก ที่เหี้ยมโหดสุดกำลัง จับเด็กมากมายมาฝึกฝนจนกลายไปเป็นทหาร และส่งไปตายในสนามรบ

              จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสงคราม และความกระหายที่ต้องการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ทำให้มีกองทัพจำนวนมากบนโลก ตัดสินใจส่งกองกำลังที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ออกไปรบ แม้ว่าการกระทำดังกล่าว จะถือเป็นการใช้แรงงานทาสตามกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม โดยเด็กที่ถูกส่งไปรบนั้น ก็มีหลากหลายวัย และใช้ทำงานที่แตกต่างกัน วันนี้เราจึงมาเปิด 10 กองทัพสุดโหด ที่ใช้เด็กไปในสยามรบเฉกเช่นชายฉกรรจ์

 

ภาพจาก i1.wp.com/listverse.com


1. กองทัพของมอมซิโล กาฟริค ทหารบกเซอร์เบีย ในสงครามโลกครั้งที่ 1

              มอมซิโล กาฟริค มีอดีตที่สุดแสนจะเจ็บช้ำจากการที่กองทัพออสโตร - ฮังกาเรียน บุกเข้าฆ่าทุกคนในครอบครัวของเขา และมีเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดจากเงื้อมมือมัจจุราช เขาได้ละทิ้งบ้านและอดีต เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพเซอร์เบียตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้เข้าร่วมรบในสมรภูมิที่โคลูบารา, สมรภูมิโกลโกธา ก่อนจะได้รับบาดเจ็บที่สมรภูมิคาสมัคคาลัน

              มอมซิโล กาฟริค ถือได้ว่าเป็นนายสิบโทที่อายุน้อยที่สุดในโลก เขาได้คัดเลือกเด็กตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป เพื่อจะเข้ามาร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับชายฉกรรจ์
 

 

ภาพจาก i2.wp.com/listverse.com


2. กองทัพยุวชนทหารชาวยิว ในกองทัพพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย

              กองทัพยุวชนชาวยิว จะสามารถสมัครเข้าเป็นทหารได้เมื่ออายุ 12 ปี แต่ในสงครามไครเมีย ผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหารหลายคนก็มีอายุน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยในช่วงที่มีการบังคับให้มีการเกณฑ์ทหารนั้น เหล่ายุวชนทหารจะถูกส่งไปที่โรงเรียนฝึกทหาร และเมื่ออายุ 18 ก็ต้องออกรบเพื่อรับใช้ชาติเป็นเวลา 25 ปี

              เหตุผลที่มีการเกณฑ์ยุวชนทหารชาวยิวเข้าสู่กองทัพนั้น เนื่องมาจากพระเจ้าซาร์นิโคลัส เชื่อว่า เด็กชาวยิวควรถูกเกณฑ์เข้ารับใช้ชาติในขณะที่พวกยังสามารถรับอิทธิพลจากภายนอกเข้ามาได้ การที่พวกเขายังเด็ก จะทำให้พวกเขาเสริมสร้างทักษะในการต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดกับชีวิตทหาร ไม่จำกัดเฉพาะการอยู่รอดในสนามรบเท่านั้น 
 

 

ภาพจาก i1.wp.com/listverse.com


3. กองเด็กทหารดินปืน ในกองทัพเรือของพระเจ้านโปเลียน

          กองทัพเรือของพระเจ้านโปเลียน ถือเป็นกองทัพที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการรบ และกองเด็กทหารดินปืน ก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องคอยบรรจุและส่งต่อดินปืนไปให้กับทหารในระหว่างที่การรบกำลังดุเดือด

           ทั้งนี้ ดินปืนจะถูกเก็บเอาไว้ในกล่องที่ปิดสนิทในห้องใต้ท้องเรือ ซึ่งงานสำคัญจะตกอยู่ที่เด็กกองดินปืนเหล่านี้ ที่จะคอยส่งดินปืนไปให้ทหารตลอดเวลาที่มีการรบ และบางคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการยิงปืนผิด หรือเหตุอื่น ๆ ซึ่งทั้งกลิ่น เสียง และภาพที่ได้เห็นร่างของเด็กแหลกคาปืนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
 

 

ภาพจาก i1.wp.com/listverse.com
 


4. กองทัพของมอนเต้ โปเซโร่ ในสงครามกลางเมืองของสเปน

           เป็นที่รู้กันดีว่าในสงครามกลางเมืองของสเปนนั้น ต่างเต็มไปด้วยความโหดร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งสองฝ่ายต่างประหัตประหารกันอย่างป่าเถื่อน มีแม้กระทั่งการประหารในงานสู้วัวกระทิง หรือผู้ที่มาร่วมงานเต้นรำต่างเต้นรำอย่างสนุกสนานบนเลือดของผู้เสียชีวิตในขณะที่วงดนตรีบรรเลงเพลง กองทัพของนายพลฟรังโก้ถูกสั่งให้มีการข่มขืนและฆ่าอย่างไร้ความปรานี

           ทั้งนี้ ในหนังสือเรื่อง Homage to Catalonia ซึ่งเขียนโดยนักเขียนชื่อดัง จอร์จ ออร์เวลล์ ได้เผยว่า มีทหารเด็กอายุ 11 หรือ 12 ปีที่เป็นผู้อพยพที่หนีจากลักธิฟาสซิสม์ได้มาเข้าร่วมในสงครามกลางเมืองของสเปน โดยพวกเขามักจะเป็นกำลังเสริมที่อยู่ด้านหลัง แต่บางครั้งก็ต้องออกไปรบในแนวหน้า เด็กบางคนคว้าระเบิดมาโยนเพียงเพราะอยากสนุกเท่านั้น
 

 

ภาพจาก i2.wp.com/listverse.com
 


5. กองทัพสีเทาของโปแลนด์ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 

           กองทัพสีเทา หรืออีกชื่อคือ  Szare Szeregi มีส่วนสำคัญสำหรับการลุกฮือในกรุงวอร์ซอว์ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาจะทำให้หน้าที่คอยส่งต่อข้อความและอาวุธ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวใต้ดินในช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม 1944

             กองทัพสีเทา มีหน้าที่คอยจัดเตรียมปลุกระดมผู้คน พวกเขาจะคอยโยนอาวุธข้ามกำแพงเข้าไปในเขตสลัมของกรุงวอร์ซอว์ พร้อมกับส่งต่อข้อความ เพื่อเตรียมการลุกฮือต่อต้านเยอรมนี โดยสมาชิกที่เด็กที่สุดในกองทัพจะมีอายุแค่ 12- 14 ปี โดยมีอดีตเด็กสาวอายุ 14 ปี ที่อยู่ในกองทัพสีเทา ออกมาเผยว่า เคยมีเด็กชายอายุ 14 ปีที่ได้รับบาดเจ็บการสู้รบ เขามีรูที่หัวขนาดเหรียญ 25 เซนต์ และเขาเอาแต่ร้องหาแม่ตลอดเวลา เด็กชายคนนั้นถูกส่งมาให้เธอดูแลต่อ ซึ่งถือเป็นเรื่องสุดช็อกสำหรับเธอ
 

 

ภาพจาก i0.wp.com/listverse.com
 

6. กองทัพลูกหลานของกรมทหาร ในกองทัพแดงของโซเวียต สงครามโลกครั้งที่ 2

            การนำเด็กกำพร้าเข้ามาฝึกฝนเป็นทหาร ถือเป็นประเพณีที่เกิดขึ้นมานมนานแล้วสำหรับกองทัพแดงของโซเวียต โดยมีการคาดการณ์ว่า กองทัพโซเวียตได้ให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 6 - 16 ปี กว่า 25,000 คน ออกไปสู้ในแนวหน้าในสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับฉายาว่า " กองทัพลูกหลานของกรมทหาร" ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่อายุของเด็กที่ไม่มีการจำกัดแล้ว เด็กเหล่านี้ยังต้องทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้มากมาย ทั้งแบกปืนกลออกรบ และถ้าหากไม่ได้รบ พวกเขาก็จะถูกใช้ให้ทำงานต่าง ๆ เช่น อยู่หน่วยดักฟังวิทยุในขณะที่คนอื่นกำลังปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ
 

 

ภาพจาก i1.wp.com/listverse.com
 

7. กองทัพยุวชนฮิตเลอร์ สงครามโลกครั้งที่ 2 

             กองทัพยุวชนฮิตเลอร์ ถือว่ามีความสำคัญต่อการเถลิงอำนาจของพรรคนาซีในเยอรมนี เนื่องจากเด็ก ๆ เหล่านี้จะถูกสั่งสอนให้มีความเชื่อแบบนาซีตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งในปี 1935 กว่า เด็กกว่า 60% ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกกลุ่ม ยุวชนฮิตเลอร์ โดยในช่วงแรกที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีเด็กอายุ 16 - 17 ปี ที่คอยควบคุมสมาชิกคนอื่น ๆ ในองค์กร และในช่วงท้ายของสงคราม กองทัพเยอรมนีได้ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนสมาชิกในกลุ่มกองทัพยุวชนฮิตเลอร์ ในปี 1943 มีเด็กกว่า 10,000 คนที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ได้มาเป็นหน่วยเอสเอสที่ 12 ซึ่งทำหน้าที่รับคำสั่งจากฮิตเลอร์โดยตรง

             สิ่งหนึ่งที่กองทัพยุวชนฮิตเลอร์มีก็คือ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่ทำให้กองทัพอังกฤษและแคนาดารู้สึกหวั่นเกรง พวกเขาจะกระโดดเข้าใส่รถถังโดยไม่คิดชีวิต และถ้าหากพวกเขาถูกล้อมหรือมีคนน้อยกว่า พวกเขาก็จะสู้จนไม่เหลือผู้รอดชีวิต เด็กบางคนยังไม่เคยมีหนวดเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับต้องมาตายจากน้ำมือของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งคนที่ยิงเด็กนั้น ก็แก่มากพอจะเป็นพ่อของเด็ก ๆ เหล่านั้นได้
 

 

ภาพจาก i1.wp.com/listverse.com
 


8. กองทัพปฏิวัติ จากเหตุการณ์ความขัดแย้งในเซียร์รา ลีโอน

           สงครามกลางเมืองในเซียร์ราลีโอน ที่กินระยะเวลาหลายปี ก่อให้เกิดความรุนแรงและความเสียหายมากมาย จนมีรายงานว่า ได้มีการเกณฑ์ทหารเข้าสู่กองทัพปฏิวัติ หรือ  Revolutionary United Front โดยจะมีการนำเด็กกำพร้ามาร่วมรบและบังคับให้เข้าสู่กองทัพ การที่เด็กจะฆ่าใครสักคน หรือถูกฆ่ากลายเป็นเรื่องปกติ และถ้าหากเด็กคนไหนร้องไห้หรือแสดงความอ่อนแอออกมา เด็กคนนั้นก็จะถูกฆ่าเช่นกัน

             เด็กส่วนใหญ่จะถูกบังคับให้ไปออกรบในแนวหน้า และถูกข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวเด็กเองหรือฆ่าครอบครัวด้วย ส่วนเด็กผู้หญิงนั้นมักจะถูกลักพาตัวและข่มขืน 
 

 

ภาพจาก i1.wp.comlis tverse.com
 

9. กองทัพต่อต้านของพระผู้เป็นเจ้า ในสงครามกลางเมืองทางเหนือของอูกันดา

             กองทัพต่อต้านของพระผู้เป็นเจ้า หรือ LRA ที่นำโดยนายโจเซฟ โคนี่ ได้สร้างความหวาดกลัวทางตอนเหนือของอูกันดามาเป็นเวลากว่า 30 ปี โดยที่นายโคนี่จะเกณฑ์เอาเด็กเข้ามาเป็นทหารหลังจากที่เขาไม่ได้รับการสนับสนุนในตอนแรก ซึ่งเด็กที่ถูกจับมาจะถูกบังคับให้ข่มขืนหรือฆ่าสมาชิกในครอบครัวของตัวเอง ทำให้เด็กกลายเป็นเด็กกำพร้าและไม่สามารถกลับบ้านได้อีก

             นอกจากนี้ หน้าที่ของกลุ่ม LRA คือการบุกเขาไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อปล้นสะดม ฆ่าคนที่อ่อนแอและคนแก่ด้วยมีดสปาร์ตา มีด หรือหิน ตัดหู ตัดปาก และตัดจมูกเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู รวมทั้งทางกองทัพยังจับคนที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ต่อพวกเขา รวมทั้งยังจับเด็กที่แข็งแรงพอจะถืออาวุธได้มาเป็นเชลยศึก เหล่าเชลยจะถูกมัดรวมกันและเดินไปที่แคมป์พร้อมกับถูกสอนให้ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย และกลายมาเป็นทหาร คนส่งสาร กุ๊ก หรือทาสกามารมณ์
 

 

ภาพจาก i0.wp.com


10. กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ในสงครามกลางเมืองของศรีลังกา

             ตลอดระยะเวลา 25 ปีของสงครามกลางเมืองในศรีลังกา การลักพาตัวเด็กและบังคับให้เด็กออกมาสู้รบในแนวหน้าถือเป็นเรื่องปกติ โดยที่ทางยูนิเซฟคาดว่า มีเด็กกว่า 6,000 คนที่ถูกลักพาตัวและถูกส่งไปสนามรบ 

             เมื่อเด็กเข้าร่วมกับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬแล้ว เด็กเหล่านี้ก็จะถูกเสี้ยมสอนจนมีความน่ากลัวมาก ๆ และในขณะที่บางคนก็จะเข้าร่วมกับกลุ่มมือระเบิดฆ่าตัวตายพยัคฆ์ดำ ซึ่งกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬรุ่นเยาว์นี้ ถือเป็นกลุ่มทหารที่มีความน่ากลัวที่สุดในกองทัพพยัคฆ์ทมิฬ

27 ก.พ. 58 เวลา 12:55 1,888 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...