กาแฟกับสุขภาพ

 

 

 

 

 

 
Photo by bubblews.com

เอ่ยถึง "กาแฟ" ต้องมีมากกว่าหนึ่งคนที่ชูมือสูงๆ ว่าชอบดื่มเหลือเกิน มินเองก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ ดื่มมานานหลายปี จนแทบจะเรียกว่าติดเลยก็ว่าได้ หลายคนก็คงจะเหมือนกัน แต่ทราบกันไหมคะว่า กาแฟที่เราดื่มๆ กันนั้น หากดื่มอย่าง "พอดี" ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ยังมีผลที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา ในขณะเดียวกัน หากดื่ม "มากจนเกินไป" ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังป่วยเป็นโรคต่างๆ ค่ะ วันนี้มินจึงรวบรวมบทความดีๆ ที่เกี่ยวกับ กาแฟ และ สุขภาพของเราๆ มาฝากกัน
 
ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟคือคาเฟอีน (caffeine) สามารถพบได้ในหลายชนิดได้แก่ เมล็ดกาแฟ ใบชา โกโก้ รวมถึง คาเฟอีน จะถูกผสมลงในน้ำอัดลม ยาแก้หวัดบางชนิด ยาแก้ปวด และยาลดน้ำหนัก
 
กาแฟ จะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราดื่มเข้าไป และจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง กาแฟจะไม่สะสมในร่างกายโดยจะถูกทำลายและขับออกหมด ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการขับถ่ายกาแฟมากกว่าผู้ที่ไม่สูบ ดังนั้นคนที่สูบบุหรี่หากต้องการการกระตุ้นของกาแฟจะต้องดื่มกาแฟบ่อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ คนท้องและผู้ที่กินยาคุมกำเนิดจะมีการขับกาแฟน้อยกว่าคนทั่วไป กาแฟจะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมองทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ากาแฟจะทำให้มีการหลั่งสาร cortisone และ adrenaline ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย
 
สำหรับปริมาณคาเฟอีนที่มีในเครื่องดื่มแต่ละชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ตามตารางด้านล่าง ซึ่งเป็นตัวอย่างปริมาณของกาแฟค่ะ
 
 
 
นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่าวันหนึ่งๆ เราจะรับสารคาเฟอีน ได้ประมาณ 250-600 มก. ซึ่งไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เท่ากับประมาณ 2-4 แก้ว (แก้วกาแฟแบบในบ้านนะคะ ไม่ใช่แก้วร้านสตาร์บัคส์ >.<)
 
ข้อดีของกาแฟ
 
กาแฟจะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้ไม่ง่วง สมาธิในการทำงานดีขึ้น ผู้ที่ดื่มกาแฟจะทำให้ไม่ง่วงนอน มีสมาธิในการทำงาน และยังทำให้ความสามารถในการทำงานดีขึ้น และยังลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากไขหวัด
 
ช่วยกระตุ้นอวัยวะของร่างกายและเพิ่มการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย กาแฟจะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ดังนั้นขณะออกกำลังกายหรือหลังออกกำลังกาย ไม่ควรรับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟเพราะจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ
 
ดื่มนานๆ จะติดกาแฟหรือไม่?
 
องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าไม่มีหลักฐานว่ากาแฟจะเป็นสารซึ่งหากดื่มนานๆ แล้วจะเสพติด การดื่มกาแฟจะเป็นนิสัยมากกว่าเสพติด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณของกาแฟ และเมื่อหยุดกาแฟบางคนก็เกิดอาการปวดหรือมึนศีรษะเพียงเล็กน้อย (มินเลยล่ะค่ะ อาการนี้)
 
ดื่มกาแฟแค่ไหนถึงจะเรียกว่ามากไป?
 
การดื่มกาแฟวันละ 2-4 แก้ว อาจจะไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ แต่หากดื่มมากไปอาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ หากดื่มกาแฟมากเกินไป 4-7 แก้ว อาจจะเกิดผลเสียอะไร อาทิ นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย สับสน อารมณ์แปรปวน คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ วิตกกังวล เป็นต้น
 
กาแฟกับสุขภาพ
 
คนที่เป็นโรคหอบหืด มีรายงานว่าการดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วจะลดอาการหอบหืด และหากดื่มมากกว่า 6 แก้วการทดสอบสมรรถภาพปอดจะดีขึ้น
 
การดื่มกาแฟจะลดอาการง่วงนอน และทำให้มีสมาธิในการทำงานดีขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นกะ และลดอุบัติเหตุขณะขับขี่

กาแฟช่วยลดอาการซึมเศร้าและคลายความวิตกกังวล

การดื่มกาแฟเป็นประจำจะลดอุบัติการณ์การเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และยังลดอุบัติการณ์ของนิ่วในถุงน้ำดี

มีหลักฐานพอจะเชื่อว่าการดื่มกาแฟจะป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่อดื่มวันละ 4 แก้ว

กาแฟกับสุขภาพสตรี
 
กาแฟกับการตั้งครรภ์  สมาคมสูติของอเมริกาแนะนำสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ก็สามารถดื่มได้ไม่เกินวันละหนึ่งแก้วโดยไม่ทำให้คลอดก่อนกำหนด หรือเกิดอาการแท้ง แต่หากดื่มมากกว่านี้มีรายงานว่าอาจจะเกิดผลเสียต่อการตั้งครรภ์

กาแฟกับโรคกระดูกพรุน
 
ผู้ที่เกิดโรคกระดูกพรุนมักจะได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ แนะนำว่าควรจะดื่มนมบ้าง สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 แก้วขึ้นไป
 
กาแฟกับโรคมะเร็ง
 
มีรายงานจาก World Cancer Research Fund ว่าการดื่มกาแฟปริมาณปานกลางไม่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และมีรายงานกล่าวว่าการดื่มกาแฟมีผลดีต่อการป้องกันมะเร็งตับอ่อนเล็กน้อย รวมถึงอาจจะมีผลป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
 
กาแฟกับโรคหัวใจ
 
เท่ามีรายงานขณะนี้พบว่าการดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วไม่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจ แต่สำหรับในคนปกติ การดื่มกาแฟวันละหนึ่งแก้ว จะช่วยให้หัวใจทำงานเป็นปกติ และเต้นอย่างสม่ำเสมอ
 
กาแฟกับความดันโลหิตสูง
 
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรจะลดปริมาณกาแฟลงไม่เกินสองแก้วต่อวัน และควรจะงดดื่มในกรณีที่ความดันจะสูง เช่น การออกกำลังกาย การทำงานหนัก 
 
กาแฟกับโรคเบาหวาน
 
จากการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 15 % กรดไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมน epinephrine เพิ่มสูงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน เพราะฉะนั้นควรงด หรือควรเลี่ยงไปเลยก็จะดีกว่าค่ะ
 
เหล่านี้ก็คือเรื่องราวความรู้ที่เกี่ยวกับ กาแฟและสุขภาพ ที่มินคิดว่า "คอกาแฟ" ก็ควรจะทราบกันไว้บ้างนะคะ เพื่อจะได้สำรวจตัวเองว่า เราเหมาะสมที่จะดื่มกาแฟในปริมาณมากน้อยแค่ไหน ถึงจะ "พอดี" และ "ดีพอ" กับร่างกายของเราค่ะ
 
และเพื่อเข้ากับบทความนี้ เมื่อพูดถึง "คาเฟอีน" ที่มินโปรดปรานแล้วนั้น มินจะนึกถึงเพลง Caffeine ของโยซอบ BEAST ด้านล่างนี้เสมอๆ เลยล่ะค่ะ ^^
 
 
 
 

* ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นนี้ อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ ไม่ใช่เอกสารทางการแพทย์แต่อย่างใด

Credit : ข้อมูลจาก www.siamhealth.net

 
17 กุมภาพันธ์ 2556
มารู้จักกาแฟกัน
 
 
ก่อนจะไปนั่งชิลจิบกาแฟที่เกาหลี เรามารู้จักชนิดของกาแฟกันก่อนดีกว่าค่ะ
 
 
กาแฟนั้นแบ่งได้ 2ชนิดหลักๆ ค่ะ คือ เอสเพรสโซ (Espresso) และ แฮนด์ดริป (Hand drip) ซึ่งกาแฟที่เราๆ กินกันอยู่เป็นประจำตามร้านต่างๆ หรือในคาเฟ่ (ร้านกาแฟ)นั้น ก็คือไอ้เจ้าเอสเพรสโซนี่แหละค่ะ แล้วเอสเพรสโซมีอะไรบ้าง ก่อนจะเดินไปสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์ ลองมาทำความรู้จักกันสักนิด


Photo by health-shoppe


Espresso (에스프레소) กาแฟดำเข้มข้นชงด้วยเครื่องชงเอสเพรสโซ โดยใช้ความดันอัดน้ำร้อนผ่านผงกาแฟ ควรใช้เวลาชง 18-30 วินาที

Americano (아메리카노) กาแฟเอสเพรสโซ 1-2 ช็อต เทรวมกับน้ำร้อนปริมาณ 6 ออนซ์

Cappuccino (카푸치노)  เอสเพรสโซและนมสดในปริมาณที่เท่ากัน โปะหน้าด้วยฟองนม เพื่อช่วยรักษาความร้อนของกาแฟ

Latte (라떼)  เอสเพรซโซ 1 ช็อต ตามด้วยนมสดร้อน (อัตราส่วน 1:3)

Mocha (모카)  เอสเพรสโซชงพร้อมนมสดร้อน ผสมกับน้ำเชื่อมช็อกโกแลตหรือผงโกโก้ อาจโปะหน้าด้วยวิปครีม  (มันคือลาเต้ใส่น้ำเชื่อมช็อกโกแลต หรือผงโกโก้นั่นเอง)

Espresso Con Panna (에스프레소 콘파냐)  เอสเพรสโซ 1ช็อต โปะหน้าด้วยวิปครีม การชงเหมือน Cafe Vienna ต่างที่เมล็ดกาแฟที่ใช้

Espresso Macchiato (에스프레소  마키아토) เอสเพรสโซ 1 ช็อต โปะหน้าด้วยฟองนมนิดหน่อย

Latte Macchiato  (라떼 마키아토) เอสเพรสโซ 1 ช็อตเททะลุผ่านนมร้อนที่อยู่ด้านล่าง

Flavored Latte  ลาเต้ที่ด้านบนราดด้วยไซรัปต่างๆ เช่น คาราเมล (Caramel Latte),วานิลลา (Vanilla Latte)

Affogato  (아포가토) เอสเพรสโซ โปะหน้าด้วยไอศกรีม


** Espresso มาจากภาษาอิตาเลี่ยน แปลว่า เร่งด่วน คำว่า เอสเพรซโซ จึงมีความหมายถึง วิธีการชงกาแฟด้วยการใช้แรงดันหรือแรงอัดของน้ำนั่นเอง


Photo by KALITA 101D 

ส่วนกาแฟแฮนด์ดริปนั้น จะมีกรรมวิธีในการชงที่แตกต่างจากเอสเพรสโซค่ะ และจะใส่แค่น้ำตาลเท่านั้น ไม่ใส่ครีมหรือนม มีแบบร้อนและเย็น แต่คอกาแฟจะนิยมดื่มแบบร้อนมากกว่า เพื่อได้รสชาติกาแฟที่แท้จริง และกาแฟแฮนด์ดริปนั้น ก็จะมีราคาต่อแก้วสูงกว่ากาแฟเอสเพรสโซ ซึ่งร้านกาแฟในเกาหลี ก็สามารถหาดื่มกาแฟแฮนด์ดริปได้มากมายหลายร้านเหมือนกันค่ะ แต่จะเป็นร้านเล็กๆ เพราะถ้าเป็นร้านใหญ่ที่เป็นแบรนด์ต่างๆ นั้น จะมีแค่กาแฟเอสเพรสโซค่ะ

เมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ชงกาแฟแฮนด์ดริปมีหลายชนิดและมาจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งแต่ละชนิดนั้นจะแตกต่างกันที่พื้นที่ที่ปลูก สายพันธุ์ รสชาติ กลิ่น และสัมผัส


เมล็ดกาแฟที่นำมาชงนั้นมีชื่อว่าอะไรและมาจากประเทศไหนบ้าง?

เผื่อใครนึกอยากลองดื่มกาแฟแฮนด์ดริปที่เกาหลี ที่หาดื่มได้ยากในบ้านเรา เวลาเปิดเมนูมา จะได้เลือกถูกว่า จะสั่งชนิดไหน แบบไหนค่ะ


Photo by worldmarket

Altura Orizaba คือเมล็ดกาแฟจากประเทศเม็กซิโก (Mexico)
Antigua คือเมล็ดกาแฟจากประเทศกัวเตมาลา (Guatemala)
Blue Mountain คือเมล็ดกาแฟจากประเทศจาเมกา (Jamaica)
Bourbon Santos คือเมล็ดกาแฟจากประเทศบราซิล (Brazil)
Crystal Mountain คือเมล็ดกาแฟจากประเทศคิวบา (Cuba)
Honduras SHG คือเมล็ดกาแฟจากประเทศฮอนดูรัส (Honduras)  
Kenya AA คือเมล็ดกาแฟจากประเทศเคนยา (Kenya) **คนมักจะนิยมดื่มกาแฟชนิดนี้
Kona, Maui Mocha คือเมล็ดกาแฟจากฮาวาย (Hawii) ประเทศอเมริกา
Mandheling, Java คือเมล็ดกาแฟจากประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia)
Nueva Segovia คือเมล็ดกาแฟจากประเทศนิการากัว (Nicaragua)
Santarita คือเมล็ดกาแฟจากประเทศเอลซัลวาดอร์ (El Salvador)

 
นี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่มินนำมาฝากกันนะคะ สำหรับคน "รักกาแฟ" อย่างมิน เผื่อว่าไปบุกเที่ยวตะลุยเกาหลีแล้ว นึกอยากแวะจิบกาแฟนั่งชิลๆ สักร้าน จะได้รู้ว่าเราจะเลือกดื่มกาแฟชนิดไหนดีค่ะ
28 พ.ย. 57 เวลา 11:57 2,177 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...