เปิดใจนักเรียนทุน ณ อังกฤษ เรียนที่นั่นต่างจากบ้านเรายังไง?

 

 

 

 

 


     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com...เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย ตอนนี้ระเบียบการของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รอบที่สองก็ได้ออกมาแล้วนะคะ หลายคนคงตื่นเต้นและกำลังเตรียมตัวกันอยู่เพราะเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้จึงมีประสบการณ์ดีๆ จากรุ่นพี่ทุนนี้มาฝากจ้า ^^






    สวัสดีค่ะ ชื่อ "ก้อย" เป็นนักเรียนทุน 1 อำเภอ 1 ทุน (โอดอส) รุ่นที่สามรอบสอง จากจังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ สอบติดทุนแล้วเลือกเรียนมาเรียนที่ประเทศอังกฤษ ที่เมืองเคมบริดจ์ค่ะ
 


    เริ่มต้นจากช่วงปิดเทอม พ่อมาบอกว่าอยากให้ลองสมัครทุนนี้ เลยสมัครให้ ตอนแรกนึกว่าสอบชิงทุนธรรมดา พอรู้ว่าติดทุนโอดอสก็ตอนแอดมิชชั่นเข้าคณะเภสัช มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้แล้วอ่ะค่ะ พอสอบผ่าน เราจะสามารถเลือกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ ทางทุนจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่่างประเทศหรือสถานทูตมาให้ความรู้เกี่ยวกับแต่ละประเทศ  เท่าที่จำได้จะมี อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอแลนด์ ออสเตรเลีย จีน และอื่นๆ 


    โดยเกณฑ์การเลือกประเทศนั้น จะเอาคะแนนอังกฤษจากการที่เราสอบได้เป็นหลัก คือถ้าคะแนนอังกฤษดี จะสามารถเลือกประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ไว้อันดับต้นๆ  เพราะฉะนั้นคะแนนอังกฤษสำคัญมากค่ะ  แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมอีกทีค่ะ  เราเลือกอังกฤษไว้อันดับเเรก  แล้วก็อเมริกา ออสเตรเลีย  ส่วนสาขาวิชานั้นก็เขียนสาขาที่ต้องการลงไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะต้องสอบเข้าในมหาลัยในประเทศนั้นๆ เองอีกรอบค่ะ



    เรากับเพื่อนเดินทางไปถึงประเทศอังกฤษต้นเดือนพฤศจิกายน  ออกจากสนามบินก็ถึงกับสั่นเลยค่ะ  เพราะยังไม่ชินกับการมาต่างประเทศครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นทั้งแอบหวั่น  หลากหลายอารมณ์  สำหรับสภาพอากาศประเทศอังกฤษนั้นผันผวนมาก  สามารถมีฝนตก แดดออก ร้อน และหนาวภายในวันเดียวกัน  
 
 
 
 

     เราได้ไปอยู่เมืองแคมบริดจ์  ที่นี่เป็นเมืองมหาวัิทยาลัยระดับโลกค่ะ  ตึกของที่นี่สวยมาก  นักศึกษาส่วนใหญ่จะปั่นจักรยานไปเรียน  เราก็ซื้อจักรยานมือสองมาใช้ปั่นจักรยานไปโรงเรียนเหมือนกันค่ะ  ที่อังกฤษเขาจะมีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ  ทำให้การปั่นจักรยานที่นี่ไม่อันตรายเท่าไหร่ค่ะ  แต่จักรยานทุกคนจะต้องมีไฟหน้าและท้ายรถเป็นกฏหมายค่ะ  ส่วนอีกสิ่งสำคัญคือที่ล็อกรถ  เพราะที่นี่ก็มีการขโมยจักรยานเหมือนกันนะ  สำหรับที่พัก เรามาพักกับโฮสท์ที่โรงเรียนจัดหาให้ค่ะ  พอมาถึงตอนแรกก็พูดยังไม่ค่อยได้ แต่ครอบครัวโฮสท์อัทธยาศัยดี  พยายามเข้าใจเราดีค่ะ  ที่บ้านหลังนี้มีนักเรียนต่างประเทศ อีก 2 คน คนนึงมาจากเวียดนาม อีกคนมาจากญี่ปุ่นค่ะ โฮสท์เป็นคนอังกฤษแท้ๆ  อาหารก็เลยเป็นสไตล์อังกฤษแท้ๆ อร่อยมากค่ะ  
 

     ตอนไปโรงเรียนเดือนแรกๆ ต้องปั่นจักรยานไปเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ  3 -4 ไมล์ ปกติจะใช้เวลา  40 นาที แต่เราเป็นพวกชอบไปเเบบเป๊ะๆ ก็จะเร่งหน่อยใช้เวลา 30 นาที  ซึ่งช่วง 9.00-9.30 จะเป็นช่วงที่มีนักศึกษาปั่นจักรยานกันเยอะมาก  ถนนทั้งสายจะมีจักรยานปั่นจ้ำอ้าวกัน เพราะทุกคนต่างก็รีบจะไปเรียนให้ทัน  สนุกมากเลยค่ะ  

 


     ส่วนเรื่องการเรียนตอนแรกๆ ก็ต้องใช้การปรับตัวมาก  เพราะทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ  ในห้องจะมีนักเรียนประมาณ  5-10 คน แล้วแต่วิชา โรงเรียนที่ก้อยมาเรียนเป็นโรงเรียนเด็กนานาชาติ  ส่วนใหญ่เป็นเด็กเอเชีย  มีทั้งจีน ญี่ปุ่่น ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม อิหร่าน รัสเซีย ยูเครน กับจากแอฟริกา  


     สำหรับประเทศอังกฤษ  การที่จะต่อเข้ามหาลัยที่นี่ได้ จะใช้เกรดม.6 จากไทยไม่ได้ค่ะ เด็กไทยอย่างเราเลยมีตัวเลือกสองอย่างคือ เรียนคอร์สพื้นฐานหรือที่เรียกว่า Foundation หลักสูตร 1 ปี หรือไม่ก็ เรียนมัธยมปลายที่อังกษฤหลักสูตร A- level ใช้เวลา 2 ปี โดยเราเลือก A -level  เพราะมีเวลาให้ปรับตัว นอกจากนี้ยังสามารถนำคะแนน A-Level ไปยื่นได้กับทุกมหาวิทยาลัย (แต่ก็ต้องแข่งกับเด็กทั้งอังกฤษ) เพราะหากเลือกแบบ Foundation จะสามารถสมัครเรียนปริญญาตรีได้กับมหาวิทยาลัยที่โรงเรียนที่สอนติดต่อไว้เท่านั้นค่ะ ทั้งสองหลักสูตรก็มีข้อดีแล้วข้อเสีย แตกต่างกันออกไป   
 
 
    
     ในระดับ A-level ต้องเรียนทั้งหมด 6 เทอม แต่เราเข้ามกราคม ก็เลยเหลือ 5 เทอม การเรียนเลยเร่งขึ้นมา  ตอนแรกก็ช็อกมากค่ะ ต้องให้คุณแม่ส่งหนังสือไทยมาให้ เพราะต่อไม่ติดเลย พอหลังๆ เริ่มปรับตัวได้ ทุกอย่างเริ่มโอเคมากขึ้นค่ะ  ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบเทอมสอง  ซึ่งผลการสอบที่นี่จะเอาไปใช้ตอนยื่นสมัครมหาลัยค่ะ  อย่างที่บอกไปว่า การเรียน A-Level จะใช้เวลาสองปี ปีแรกคือ As-level  เลือกได้ 4 วิชา ก้อยเลือกชีวะ เคมี ฟิสิกส์ และเลข ปีที่สองคือ  A2-level สามารถดร็อปได้ 1 วิชาและเรียน 3 วิชา เพราะทางมหาลัยเค้าจะรับเกรดจาก 3 วิชาของ A-Level 
 

     ถ้าถามว่ามันต่างจากมัธยมปลายบ้านเรามั้ย ต่างแน่นอนค่ะ เพราะเราไม่ต้องเรียน 11 วิชาสาระแบบที่ไทย  อยากจะเรียนคณะอะไรในมหาลัยก็เลือกวิชาที่ทางคณะเขาต้องการแล้วทุ่มเต็มที่เลย อย่างเช่น  คณะแพทย์ที่นี่  ทุกมหาลัยต้องการเกรดระดับ  AAA จาก 3 วิชา โดยสองวิชาในสามนั้นจะต้องมีชีวะและเคมีค่ะ  และสำหรับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่นั้น นอกจากจะต้องมีเกรด A-Level แล้ว ยังต้องใช้คะแนน IELTS สำหรับเด็กต่างชาติ, Personal statement(เรียงความ) , Work experiences คือการฝึกงานในสาขาวิชาที่เราต้องการจะเรียนในมหาวิทยาลัย เช่น อยากเรียนแพทย์ก็ต้องฝึกงานที่โรงพยาบาล บางมหาวิทยาลัยกำหนดว่าต้องฝึกอย่างน้อย 2 อาทิตย์  แต่ส่วนใหญ่นักเรียนจะฝึกมากกว่านั้น  แล้วประสบการณ์จากการฝึกงานจะต้องนำไปเขียนในเรียงความด้วยค่ะ  ทางมหาลัยจะคัดว่าเราต้องการเรียนสาขานี้จริงมั้ย มีความรู้สึกอย่างไรจากเรียงความนี่แหละค่ะ  
 

     ช่วงคริสมาสต์ที่นี่ก็จะมีการจัดงานคริสต์มาสในครอบครัว โฮสท์ก็จะมีของขวัญมาวางหน้าห้องในวันคริสต์มาสอีฟ  แล้วพอเราเปิดประตูบ้านมาก็เซอร์ไพรส์ค่ะ เพราะเพิ่งเคยได้ของขวัญแบบนี้ครั้งแรก เราก็มีของขวัญให้พวกเขาเหมือนกันค่ะ ก็สนุกดีค่ะ  พอถึงเดือนมกราคมอากาศเริ่มหนาวจัด  หิมะตกค่ะ  เราได้ย้ายมาเรียนที่อีก College ซึ่งใกล้กว่า  ก็โชคดีมากค่ะ เพราะหิมะตกปั่นจักรยานไปโรงเรียนไม่ได้ ก็ต้องเดินไป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพราะต้องระมัดระวัง วันไหนเลิกเร็วก็มาเล่นปั่นตุ๊กตาหิมะ  กับเล่นสโนว์ไฟต์กันค่ะ  สนุกมาก  แต่ก็แอบเจ็บ 
 

    

     สุดท้ายขอฝากถึงน้องๆ ที่สนใจทุนโอดอส แนะนำให้มาสอบเลยค่ะ  ทุนนี้ดีมากๆ  ให้โอกาสกับเด็กต่างจังหวัด ได้มีโอกาสมาเรียนต่างประเทศ  และอยากฝากไว้ว่า การไปเรียนที่ต่างประเทศยากกว่าที่ไทยมาก เพราะต้องปรับทุกอย่าง ทั้งความเป็นอยู่ จิตใจ และการเรียน  แต่การได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ได้เพื่อนต่างชาติ ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นมาเป็นรุ่นน้องพี่เยอะๆ นะคะ  
 
 
 
   
   

     นั่นก็คือประสบการณ์ดีๆ จากประเทศอังกฤษค่ะ ^^ สำหรับใครที่สนใจอยากสมัครและยังไม่ได้อ่านระเบียบการ ก็คลิกเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลย คลิก และอย่าลืมอ่านหนังสือเตรียมสอบกันเยอะๆ นะคะ เพราะรอบที่แล้วได้ยินว่าโหดมากทีเดียว เหอๆ ขอให้โชคดีทุกคนจ้า ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากเล่าบ้าง ก็เขียนและส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com แล้วเจอกัน!
 
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...