แม่ใจสลาย พาลูกไปเรียนว่ายน้ำ จมสระดับทั้ง 2 คน

จากเหตุการณ์อันเศร้าสลดของคุณแม่วิภาพร แสวงจรรยาสันติ ที่พาลูกสาวทั้ง

 

สองคนคือ น้องจีน สุภาพร อายุ 9 ขวบ และน้องญี่ปุ่น สุชาดา อายุ 7 ขวบ ไปเรียน

 

ว่ายน้ำย่านวังหิน เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

เมื่อขณะที่คุณแม่เดินไปเข้าห้องน้ำเพียง 5 นาที กลับมาก็ไม่พบลูกสาวทั้งสองคนแล้ว

 

และออกตามหาจนพบว่าลูกสาวทั้งสองคนจมน้ำอยู่ในสระลึก ด้านครูฝึกและพลเมืองดีก็

 

ช่วยพาน้องทั้งสองคนไปส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของน้องทั้งสอง

 

คนไว้ได้... และในช่วงเย็นของวานนี้ (1 ตุลาคม) ทางรายการเจาะข่าวเด่น ได้

 

สัมภาษณ์คุณแม่และคุณย่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



             โดยคุณแม่เล่าว่า บ้านพักของครอบครัวตนอยู่ย่านดินแดง แต่ที่เลือกให้ลูกเรียน

 

สระว่ายน้ำที่นี่นั้นเพราะว่าเป็นสระน้ำเกลือ และมีครูฝึกสอนแบบคนต่อคน ในวันนั้น

 

ลูกสาวของตนเรียนว่ายน้ำเลิกเวลาสี่โมงเย็น และได้ขออนุญาตตนเล่นน้ำต่อที่สระเล็ก

 

โดยบอกว่า "แม่จ๋าหนูขอเล่นน้ำต่อหน่อยนะ วันนี้ฝนไม่ตก" ซึ่งตนก็นั่งรออยู่

 

ตรงนั้น และอนุญาตให้เล่นได้ แต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้น เพราะจะพาไปกินข้าวกันต่อ

 



             ทั้งนี้ คุณแม่ได้อธิบายถึงลักษณะของสระว่ายน้ำให้ฟังว่า สระว่ายน้ำเป็นสระ

 

ขนาดมาตรฐาน ยาว 25 เมตร และกว้าง 12 เมตร ฝั่งขวาของสระจะลึก 90 เซนติเมตร

 

และฝั่งซ้ายของสระจะลึก 1.10 เมตร และค่อย ๆ ลาดลงถึงจุดที่ลึกที่สุดของสระคือตรง

 

กลาง ลึก 1.80 เมตร ส่วนสระที่ลูกของตนเล่นนั้นเป็นสระเด็กที่ยื่นออกมาลึกเพียง 60

 

เซนติเมตรเท่านั้น โดยสระเด็กดังกล่าว อยู่เยื้องกับสระน้ำใหญ่บริเวณจุดที่ลึกที่สุด และมี

 

ลูกคลื่นกระเบื้องเป็นตัวกั้นอยู่

   เมื่อถามว่าช่วงจังหวะที่ลูกสาวทั้งสองคนจมน้ำ คุณแม่ทำอะไรอยู่นั้น

 

นางวิภาพร กล่าวว่า ตนปล่อยให้ลูกเล่นไปได้สัก 15 นาที ซึ่งเขาก็ลื่น

 

ลงสไลด์เดอร์กันอย่างสนุกสนาน และบริเวณรอบ ๆ สระก็มีครูฝึก และ

 

เด็กนักเรียนจำนวนประมาณ 20-30 คน กำลังเรียนว่ายน้ำอยู่ ส่วนตนก็

 

ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างจากสระเพียงนิดเดียวเท่านั้น และเมื่อตนออกมาก็ไม่เห็น

 

ลูกสาวทั้งสองคนแล้ว จึงคิดว่าลูกคงขึ้นจากสระไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ ตนจึง

 

เข้าไปตามหาลูก แต่หายังไงก็หาไม่พบ จนครูฝึกของลูกสาวตนตะโกนขึ้นมาว่า ลูกเรียน

 

เสร็จแล้ว และครูก็ได้ส่งขึ้นฝั่งแล้ว ตนจึงตอบไปว่า ตนอนุญาตให้ลูกเล่นน้ำในสระเล็ก

 

แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้... จากนั้นตนก็เดินเข้าไปหาที่ห้องน้ำอีกครั้ง

 

เพราะคิดว่าลูกอาบน้ำเสียงน้ำอาจจะกลบเสียงจนไม่ได้ยิน พอไปถึงตน

 

ก็ทั้งตะโกน และเคาะประตู แต่ก็ไม่มีใครตอบรับกลับมา

 



            คุณแม่กล่าวต่อว่า คราวนี้ตนเริ่มใจเสีย และมั่นใจเลยว่าลูกของตนต้องอยู่

 

ที่สระว่ายน้ำแน่นอน และเมื่อเดินออกมาครูฝึกที่สอนลูกสาวคนโต และคนที่มาว่าย

 

น้ำ ก็อุ้มลูกสาวของตนขึ้นมาพร้อมกัน จากบริเวณจุดที่ลึกที่สุดของสระ โดย

 

ลูกสาวของตนมือตกห้อยร่องแร่งทั้งสองคน จากนั้นครูฝึกและพลเมืองดีก็พยายาม

 

ผายปอด ทั้งปั๊มหน้าอก และประกบปากเป่าลม ซึ่งลูกตนก็สำลักออกมา มีเศษอาหารและ

 

น้ำพุ่งออกมาด้วย ตอนนั้นตนก็ใจชื้นแล้ว เพราะอย่างน้อยลูกก็สำลัก คงไม่เป็นอะไรมาก

 

แต่พลเมืองดีเห็นท่าไม่ดี เพราะลูกตนแค่สำลักแต่ไม่มีอาการอะไรตอบสนองอีก จึงตะโกน

 

บอกให้ใครก็ได้เรียกรถพยาบาล สักพักเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเลยอุ้มน้องทั้งสองคนไป

 

ที่รถของผู้ปกครองที่มีรถ แต่รถจอดอยู่ด้านในสุดมีรถขวางอีก จนครูฝึกและพลเมืองดีวิ่ง

 

ไปที่ถนนจะเรียกรถแท็กซี่ แต่รถติดมาก ๆ เขาก็เลยข้ามฝั่งไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ และ

 

พาลูกของตนไปโรงพยาบาลสยามเปาโลทันที ส่วนตนก็เบาใจเพราะคิดว่าลูกตนถึงมือ

 

หมอ คงไม่เป็นอะไรแล้ว และได้นั่งรถของผู้ปกครองท่านอื่นตามไป



            เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า เห็นหมอหลายคนกำลัง

 

ล้อมเตียงช่วยน้องอยู่ สักพักผ่านไปประมาณ 10 นาที หมอก็เรียกตนเข้าไปคุยบอกว่าตอน

 

ที่น้องทั้งสองคนมาโรงพยาบาลก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว ตอนนี้ฉีดยากระตุ้นทุก 3 นาที หัวใจน้อง

 

ก็ยังไม่มา เลยจับชีพจรไม่ได้ และไม่รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร แต่ก็จะช่วยปั๊มหัวใจให้ ซึ่งตน

 

คิดว่ายังไงลูกของตนต้องฟื้นแน่นอน เพราะที่สระน้ำตนเห็นลูกตนสำลักออกมา และช่วง

 

เวลาที่ลูกตนจมน้ำคงไม่เกิน 5 นาที คิดว่าน่าจะสลบไปเท่านั้น แต่พอหมอพูดแบบนั้นตน

 

ก็ช็อก ทำใจไม่ได้ และอ้อนวอนหมอให้ช่วยลูกของตน จากนั้นผ่านไปประมาณ 1

 

ชั่วโมง คุณหมอก็บอกว่า ปกติคนไข้คนอื่นถ้าปั๊มหัวใจแค่ครึ่งชั่วโมงก็

 

ฟื้นแล้ว แต่นี่ปั๊มเป็นชั่วโมงยังไม่ฟื้นเลย ตนก็อ้อนวอนอีกบอกให้หมอ

 

ปั๊มอีกรอบได้ไหม แต่คุณหมอบอกว่าสายไปแล้ว น้องไปแล้ว ซึ่งตอนนั้น

 

ลูกของตนอยู่คนละห้อง ตนก็ไม่รู้จะเดินไปหาใครก่อน แต่ในใจตนคิดว่าลูกสาวคนเล็กน่า

 

จะฟื้น เพราะว่าน้องญี่ปุ่นเป็นคนขี้กลัว ไม่น่าจะจมน้ำนานกว่าพี่ ตนจึงเข้าไปกอดน้อง

 

ญี่ปุ่น และบอกว่ากลับมาได้ไหม กลับมาสักคนก็ยังดี อย่าไปพร้อมกัน

 

แบบนี้ ตนไม่เหลืออะไรแล้ว พอคุณหมอนำน้องทั้งสองคนมานอนข้างกัน ตนจับตัว

 

น้องจีนก็รู้เลยว่าลูกคงไปแล้ว เพราะตัวเริ่มเย็น แต่พอจับน้องญี่ปุ่นตัวน้องยังอุ่น ๆ อยู่

 

เลยขอให้หมอช่วยปั๊มให้อีก เผื่อจะมีปาฏิหาริย์...

  แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อคุณหมอยืนยันว่าน้องทั้งสองคนเสียชีวิตแล้ว ตนไม่รู้จะทำ

 

อย่างไร ตนสร้างทุกสิ่งทุกอย่างมาก็เพื่อลูก ตนดั้นด้นนั่งรถแท็กซี่มาเรียนตั้งไกล ก็เพื่อให้

 

ลูกตนได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด อยากให้เรียนกับครูตัวต่อตัวในสระน้ำเกลือลูกตนจะได้ไม่

 

ระคายผิว และที่ให้เรียนว่ายน้ำนั้นก็เพื่ออยากให้ลูกป้องกันตัวเอง  เวลาโตขึ้นไป

 

เที่ยวที่ไหนจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ลำบาก แต่กลับกลายเป็นว่า... ตนส่งลูกมา

 

ตาย ตนพาลูกมาว่ายน้ำแล้วไม่ได้พากลับบ้าน ตนจะบอกแฟนของตน และบอก

 

ญาติ ๆ อย่างไร



             คุณวิภาพร กล่าวต่อว่า ถึงตอนนี้ลูกของตนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว คงจะเรียกร้อง

 

อะไรไม่ได้ แต่ก็อยากรู้ข้อเท็จจริงว่าลูกตนเสียชีวิตได้อย่างไร เพราะในสระน้ำมีคนเล่นน้ำ

 

อยู่เยอะแยะ แล้วทำไมไม่มีใครเห็นลูกของตนขณะจมน้ำ ทั้ง ๆ ที่ลูกของตนใส่ชุดว่ายน้ำสี

 

ส้มสะท้อนแสง แถมน้ำก็ใสมาก ๆ อีกด้วย และตนเชื่อว่าคนจมน้ำมันจะมีเฮือกสุดท้าย

 

ก่อนที่จะหมดสติไป แต่ทำไมไม่มีใครเห็นเลย ทั้งนี้ตนอยากจะขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อดู

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด


            อย่างไรก็ดีขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว "แสวงจรรยาสันติ" ด้วย

 

นะคะ ที่ต้องเสียลูกสาวไปพร้อม ๆ กันทั้งสองคน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของ

 

ทั้งคู่นั้น แพทย์ระบุว่า เกิดจากระบบหายใจ และระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

 

ซึ่งคุณแม่วิภาพรจะนำศพลูกไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 1 วัดพรหมวงศาราม

 

(วัดหลวงพ่อเณร) ซอยเพิ่มสิน ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง

 

เป็นเวลา 3 คืน และจะมีพิธีฌาปนกิจในช่วงเย็นวันที่ 3 ตุลาคมนี้

 

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น

#ลูก #เรียน #ว่ายน้ำ #จม
Hoyjoke
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
3 ต.ค. 55 เวลา 09:22 1,668 1 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...