หญิงอินเดียในประวัติศาสตร์ที่ยอมเฉือนหน้าอกตัวเองทิ้งจนตาย เพื่อปฏิเสธกฎหมายเปลือยหน้าอก

ในปี 1900 เป็นช่วงที่ผู้หญิงอินเดียได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างไร้มนุษยธรรมสุดๆ มีการตั้งประเพณีแปลกประหลาดขึ้นมา โดยไม่อนุญาตให้ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายส่วนบนได้โดยเฉพาะผู้หญิงในวรรณะต่ำหรือผู้หญิงชนชั้นล่าง

 
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในวรรณสูงๆ นั้นจะสามารถใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายส่วนบนได้เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติ

ดังนั้นถ้าผู้หญิงในชนชั้นล่างคนไหนใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายส่วนบนถือว่าเป็นความผิดทางอาญา และกฎหมายนี้ก็ถูกปฎิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเรียกกันว่า "ภาษีเต้านม" ซึ่งหากหญิงชนชั้นล่างคนไหนต้องการจะใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายส่วนบนก็ต้องเสียเงินจ่ายค่าภาษี ซึ่งเป็นกฎข้อบังคับที่ชาวอังกฤษตั้งขึ้น

นอกจากนี้มีเรื่องเล่ากันว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพระราชินีเห็นผู้หญิงชนชั้นล่างในพระราชวังใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายส่วนบน เธอจึงทำโทษด้วยการสั่งให้ทหารนำตัวผู้หญิงคนนั้นไปตัดหน้าอกทิ้ง

แม้จะเป็นกฎข้อบังคับที่แปลกประหลาดแต่ผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงชนชั้นล่างก็ต้องจำใจปฏิบัติแม้จะไม่เต็มใจ แต่ Nangeli หญิงจากเมืองชายฝั่งทะเล Cherthala ที่ Kerala กลับไม่เห็นด้วยกับข้อบังคับนี้

ทั้งเธอยังปฏิเสธที่จะเปลือยหน้าอกอีกด้วย 

ด้วยสภานการณ์ตอนนั้นทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับจากหลายฝ่าย และเธอเลือกที่จะประท้วงข้อบังคับบ้าๆ นี้ด้วยการใช้มีดเฉือนหน้าอกตัวเอง จากนั้นก็วางมันลงบนใบตองที่วางอยู่บนพื้น

หลังจากตัดหน้าอกทั้งสองข้างทิ้งเธอก็เสียเลือดมากจนทำให้เธอเสียชีวิตในวันเดียวกันกับที่ทำการประท้วง ทั้งสามีของเธอที่สนับสนุนเธอมาตลอดก็แสดงความรักและภักดีด้วยการกระโดดเข้าไปในเมรุเผาศพของเธอด้วย

หลังจากนั้นไม่นานกษัตริย์ก็ยกเลิกภาษีเปลือยหน้าอก และเรียกสถานที่เธอทำการประท้วงว่า Mulachipa rambu ไม่น่าเชื่อเลยว่ากฎหมายแบบนี้จะเคยมีอยู่จริง เหมือนกับว่าเกิดมาในชนชั้นสูงก็โชคดีไปเลย แต่มันคงเป็นเรื่องธรรมดาของอินเดียเพราะในประเทศเขาการแบ่งชั้นวรรณะนั้นเป็นเรื่องปกติที่มีมายาวนานยังปัจจุบัน 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...