ปริศนาเมืองอันตราย ไฟลุกไหม้ตลอดเวลาโดยหาสาเหตุไม่ได้มานานกว่า 50 ปี และจะไม่มีวันดับไปอีก 250 ปี 

เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นภายในเมือง Centralia รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา โดยเมืองแห่งนี้เกิดเหตุไฟไหม้ติดต่อกันเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ปี 1962 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลานานกว่า 50 ปี โดยที่ไฟไม่เคยดับลงเลยและยังไม่มีที่ท่าว่าจะดับลงอีกด้วย และที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นเป็นเพราะนักวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร...? 

ซึ่งเมือง Centralia เป็นเมืองขนาดเล็กมีประชากรเพียง 1,000 กว่าคนเท่านั้น เดิมเมืองแห่งนี้เคยเป็นเหมืองถ่านหินมาก่อนในยุค 1800 แต่หลังจากยุค 1900 เหมืองถ่านหินก็ถูกปิดตัวลง เหลือเพียงอุโมงค์ใต้ดินที่เป็นเศษซากจากการขุดเจาะของเหมืองและถ่านหินจำนวนมากใต้พื้นดิน

และอย่างที่รู้กันเป็นอย่างดีว่าถ่านหินเป็นพลังงานสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้า องค์ประกอบคือคาร์บอนกับออกซิเจน ดังนั้นถ่านหินจึงเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเลยทีเดียว จึงเชื่อกันว่าสาเหตุที่เมือง Centralia ไฟไหม้ต่อเนื่องตลอดนั้นอาจเป็นเพราะมีถ่านหินใต้พื้นดินจำนวนมาก โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ไฟจะไม่ดับลงง่ายๆ และน่าจะลุกไหม้ต่อไปนานถึง 250 ปีเลยทีเดียว

แต่ก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดเหตุไฟไหม้ได้อย่างไร โดยคาดกันว่าอาจมีคนทิ้งขยะไวไฟใกล้กับบริเวณเหมืองถ่านหินเก่า ทำให้ไฟเกิดลุกลามลงไปในอุโมงค์เหมืองใต้ดิน และแม้ว่าชาวบ้านจะพยายามช่วยกันดับไฟแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักวิธี  แถมมีอยู่ครั้งหนึ่งพื้นดินยุบตัวลงกระทันหันทำให้เด็กชายวัย 12 ปีหล่นลงไปในหลุมจนเกือบตาย ดังนั้นไฟที่ลุกไหม้ติดต่อกันนั้นจึงส่งผลให้พื้นที่ในเมืองอันตรายเป็นอย่างมาก

หลังจากพยายามดับไฟมาหลายวิธีจนกระทั่งในปี 1980 ชาวบ้านบางคนก็ยอมแพ้และย้ายออกไปจากเมือง และถึงแม้ว่าในปี 1992 รัฐบาลจะพยายามเข้ามาช่วยดับเพลิงอีกแรงหนึ่งแต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องมีการสั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เพราะไฟไม่มีทีท่าว่าจะดับลงและในปัจจุบันไฟก็ยังคงลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา จากที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมากก็พากันย้ายออกไปหมดจนกลายเป็นเมืองร้าง แต่ภายในเมืองก็ยังมีคนอาศัยอยู่แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น

ข้อมูลและภาพประกอบจาก "businessinsider"

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...