7 จุดสุดเจ๋ง ที่นักปั่นไม่ไปไม่ได้!!

“เพราะเสน่ห์ของจักรยาน คือการได้สัมผัสสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่เหมือนยานพาหนะอื่นๆ” ร้อนก็รู้ว่าร้อน เหม็นก็รู้ว่าเหม็น เย็นก็ว่าเย็น มันช้าและมีเวลามากพอให้สังเกตเห็นโลกใบเดิม จึงไม่แปลกใจที่บรรดานักปั่นจะรู้สึกว่า ตัวเองชอบที่จะเห็น ชอบที่จะเล่น ชอบที่จะจับ แล้วก็ชอบที่จะกิน... เพื่อเป็นการเอาใจนักเที่ยวที่ชอบออกเดินทางด้วยสองลำแข้ง วันนี้ Feel Good ขอเปิด 7 เส้นทางชมวิวภาคกลาง คัดสรรค์มาเพื่อจักรยานโดยเฉพาะ ต้อนรับวันหยุดยาว ในเทศกาลสงกรานต์ ที่กำลังจะมาถึงกัน 
          1. เส้นทางจักรยานย่านชุมชนเก่าสามแพร่ง 
        
        หากหยุดยาวนี้ ใครยืนหยัดจะปักหมุดในกรุงเทพฯ ก็หอบจักรยานมาออกสตาร์ทกันใกล้ๆ ได้ที่ “ชุมชนสามแพร่ง” ไปสัมผัสความวินเทจของเมืองหลวงยุคเก่าได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง เพราะเป็นทั้งย่านถนนเก่า ทั้งอาคารบ้านเรือนแบบไทยเดิมๆ มิหนำซ้ำของกินยังขึ้นชื่ออีกด้วย 
        โดยเส้นทางในการปั่นจักรยานจะอยู่ราวๆ 3 กิโลเมตร ซึ่งจะเริ่มต้นกันที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตัดเข้าถนนมหรรณพ ทะลุเจอศาลเจ้าพ่อเสือ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนตะนาว ลัดเลาะเข้าสู่ถนนเล็กทั้งสามแพร่งทางฝั่งขวามือ จากนั้นก็ทะลุข้ามคลองหลอดไปยังกระทรวงกลาโหม เพื่อปิดท้ายที่มิวเซียมสยาม
        
        ส่วนความพิเศษของชุมชนแห่งนี้ก็อยู่ที่ว่า มาจากชื่อของเจ้านายสามพระองค์ที่เคยตั้งวังอยู่ในบริเวณนี้ นั่นก็คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาสตรศุกกิจ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ 
          2. เส้นทางจักรยานเลียบเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี
        เปลี่ยนมารับลมเย็นๆ เลียบแม่น้ำเจ้าพระยากันบ้าง วิวดีไม่แพ้กัน เพราะโซนนี้ทางกรุงเทพมหานครได้ลงทุนเนรมิตให้เป็นเส้นทางจักรยานโดยเฉพาะ ตั้งแต่ฝั่งธนบุรีมาถึงฝั่งพระนครกันเลย ซึ่งทริปนี้ นักปั่นจะผ่านชุนชนกุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มีผู้อยู่อาศัยทั้งชาวไทย จีน และโปรตุเกส ทุกวันนี้จึงกลายเป็นย่านที่ผสมผสานทางวัฒนธรรม และความเชื่อ โดยผู้อยู่อาศัยจะอยู่ร่วมกันถึง 3 ศาสนา คือ พุทธ คริสต์ และอิสลาม
        ส่วนระยะทางในการปั่นจักรยานจะอยู่ประมาณ 2 กม. เริ่มต้นที่บริเวณใต้สะพานพุทธในฝั่งธนบุรี ปั่นบนเส้นทางจักรยานเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านโบสถ์ซางตาครู้ส ศาลเจ้าแม่กวนอิม ทะลุออกมาถนนอรุณอมรินทร์ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เลี้ยวขวาไปยังวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร 
          3. เส้นทางจักรยานชมมรดกโลก พระนครศรีอยุธยา
       
        ถึงคิวหนีกรุงใหม่ไปสัมผัสกลิ่นไอของกรุงเก่าที่อยุธยากันแล้ว เพราะตลอด 417 ปี แห่งการเป็นราชธานีของไทย อยุธยาได้สั่งสมความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของชนชาติไทยไว้มากมาย จนองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ซึ่งปัจจุบันนี้ กลายเป็นแหล่งรวมโบราณสถานที่กระจัดกระจายอยู่ไม่ต่ำกว่า 200 แห่ง โดยจัดแบ่งพื้นที่เป็น 7 เขตคือ 
       
        1. อุทยานประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วิหารพระมงคลบพิตร 2. พื้นที่ในเกาะเมืองนอกเขตอุทยานฯ มีโบราณสถานสำคัญ คือ พระราชวังจันทรเกษม 3. พื้นที่นอกเกาะเมืองด้านตะวันออก มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดพนัญเชิง วัดใหญ่ชัยมงคล 4. พื้นที่นอกเกาะเมืองด้านตะวันตก มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดไชยวัฒนาราม วัดวรเชษฐาราม 5. พื้นที่นอกเกาะเมืองด้านเหนือ มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดภูเขาทอง วัดหน้าพระเมรุ 6. พื้นที่นอกเกาะเมืองด้านใต้ มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดพุทไธสวรรย์ 7. พื้นที่นอกเหนือจากที่ระบุแล้วในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
       
        โดยเส้นทางเพื่อการปั่นจะอยู่ราวๆ 9 กม. เริ่มที่บริเวณบึงพระราม ปั่นไปวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ ย้อนกลับมาที่วิหารพระมงคลบพิตร วัดพระศรีสรรเพชญ์ ข้ามคลองไปยังวัดโลกยสุธาราม ออกไปยังถนนอู่ทองเลียบแม่น้ำไปยังวัดไชยวัฒนารามลัดเลาะไปจบที่วัดนักบุญยอแซฟ 
          4. เส้นทางจักรยานชมมรดกโลก เมืองสุโขทัย
        สำหรับเสือไบก์คนใดที่ยังไม่จุใจกับเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ก็มาต่อกันได้ที่ จังหวัดสุโขทัย หรือดินแดนที่ถูกกล่าวขานกันว่า อาณาจักรแห่งความภาคภูมิใจ,ราชธานีแห่งแรกของไทย เพราะครั้งหนึ่งเมืองเก่าแห่งนี้ เคยเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง ระบบการศึกษา และเป็นยุคแรกเริ่มที่มีการประดิษฐ์ตัวอักษรไทย และกำเนิดวรรณคดีเล่นแรกอย่างไตรภูมิพระร่วงอีกด้วย 
        ไม่เพียงเท่านั้นด้านพระพุทธศาสนาของเมืองสุโขทัย ยังถือเป็นที่สุดของที่สุดในยุคหนึ่งก็ว่าได้ ซึ่งปัจจุบันยังปรากฏหลักฐานให้เห็นผ่านสิ่งปลูกสร้างอย่างวัดวาอารามจำนวนมาก จนองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยแบ่งออกเป็น 5 พื้นที่ ดังนี้
        1. โบราณสถานกลางเมือง มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดมหาธาตุ วัดศรีสวาย วัดสระศรี วัดตระพังเงิน วัดสรศักดิ์ 2. โบราณสถานนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือ มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดพระพายหลวง วัดศรีชุม 3. โบราณสถานนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันออก มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดตระพังทองหลาง วัดเจดีย์สูง วัดช้างล้อม 4. โบราณสถานนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศใต้ มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดเซตุพน วัดเจดีย์สี่ห้อง 5. โบราณสถานนอกกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันตก มีโบราณสถานสำคัญ คือ วัดสะพานหิน
        ส่วนเส้นทางในการปั่นจักรยานจะอยู่ประมาณ 10 กม. เริ่มต้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุโขทัย เข้าไปปั่นโดยรอบกลุ่มโบราณสถานกลางเมือง ปั่นออกถนนใหญ่ไปยังวัดศรีชุม วัดพระพายหลวง ปั่นกลับมายังจุดเริ่มต้นโดยผ่านวัดสรศักดิ์ 
          5. เส้นทางจักรยานซมสวน วิถีอัมพวา
        ด้วยการเป็นพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำแม่กลองที่มีลำคลองอัมพวาและคลองสายอื่นๆ ไหลตัดผ่าน จึงทำให้อากาศของที่นี่บริสุทธิ์จนอยากแนะนำ นอกเหนือจากนั้นอัมพวา ยังเป็นศูนย์กลางการคนนาคมทางน้ำที่สำคัญของจังหวัด อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์จนคนในชุมชนทำไร่ทำสวนกันอีกด้วย เรียกได้ว่า ใครได้มาปั่นจักรยานที่นี่ มีโอกาสได้กินผลไม้สดๆ เด็ดกันจากต้นแน่ๆ 
        ส่วนเส้นทางสำหรับจักรยานจะอยู่ราวๆ 20 กม. เริ่มต้นที่วัดอัมพวันเจติยารามปั่นไปชมโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ แล้วปั่นไปยังอาสนวิหารแม่พระบังเกิด ข้ามฝั่งแม่น้ำไปวัดบางกุ้ง วัดบางแค่น้อย เลาะเลียบแม่น้ำ ข้ามกลับมายังจุดเริ่มต้น 
          6. เส้นทางจักรยานชมธรรมชาติสวนผึ้ง
        สวนผึ้ง นับเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดราชบุรี มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ และน้ำตก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงโอบล้อมด้วยขุนเขาติดชายแดน จึงมีสภาพอากาศที่เย็นสบายคล้ายกับภาคเหนือเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่แสนจะน่ารัก โรแมนติก เอาเป็นว่า หากใครอยากมาปั่นกับคู่รัก ก็สวนผึ้งนี่แหละ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
        
        ส่วนเรื่องเส้นทางก็ไม่ต้องหนักใจ สามารถปั่นชิวๆ ชิมบรรยากาศข้างทางกันได้เต็มที่ถึง 50 กม.เลยทีเดียว โดยจะเริ่มต้นกันที่บ้านหอมเทียน เลี้ยวซ้ายไปทางที่ว่าการอำเภอฯ เลี้ยวซ้ายไปทางโรงเรียนสวนผึ้งวิทยา (ก่อนถึงที่ว่าการอำเภอฯ) วนเป็นวงกลมเข้าทางหลวงชนบท รบ 4019แล้วกลับเข้าทางหลวงหมายเลข 3087 ไปยังบ้านหอมเทียน 
          7. เส้นทางจักรยานชมทะเลปราณบุรี เลยไปหาดสามร้อยยอด
         ในที่สุดก็มาถึงอันดับที่ 7 เส้นทางสุดท้ายที่เราจัดมาเพื่อเอาใจคนรักทะเล โดยจะไปกันที่ ปราณบุรี อำเภอเล็กๆ ที่มีแนวชายหาดสวยงามไม่แพ้พื้นที่ใด ๆ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งบรรยากาศยังสงบเงียบ เหมาะแก่การพักผ่อน และเดินทางกินลมชมวิวด้วยจักรยานอย่างแท้จริง ซึ่งที่นี่จะมีด้วยกัน 3 หาดใหญ่ๆ ได้แก่ หาดปราณบุรี หาดนเรศวร และหาดเขากะโหลก โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นส่วนตัว
        ส่วนเส้นทางจักรยานก็มีให้ปั่นกินลมกว่า 15 กม. เริ่มต้นที่หาดปราณบุรี ถัดจากชุมชนปากน้ำปราณ เลียบชายหาดปราณบุรี หาดนเรศวร หาดเขากะโหลก ตัดออกถนนด้านนอกไปเข้าสู่หาดสามร้อยยอด
       
        เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับเส้นทางที่ Feel Good พามานำเสนอในช่วงหยุดยาวนี้ หวังว่าแต่ละเส้นทาง และแต่ละสถานที่คงมีเสน่ห์มัดใจทุกท่านได้นะ ยังไงทางเราก็ขออวยพรให้นักปั่นทุกท่านเดินทางปลอดภัย และเป็นสุขตลอดช่วงสงกรานต์จ้า
       
       ขอบคุณข้อมูลจาก : คู่มือเส้นทางจักรยานท่องเที่ยว (อ.ส.ท.)
11 เม.ย. 58 เวลา 08:53 773 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...