เที่ยวกาฬสินธุ์ 3 ดินแดน สวรรค์คนอีสาน

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีโอกาสได้เดินทางไปมอบผ้าห่มกันหนาวกับทางกองทัพบก ให้กับชาวไทยที่อาศัยอยู่ในถิ่นภูเขา แถบจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็เลยสบโอกาสท่องเที่ยว ชิมบรรยากาศเมืองกาฬสินธุ์ถิ่นอีกสาน กันซะเลย ม่วนอกม่วนใจ จนต้องเก็บมาฝาก ที่กาฬสินธุ์เป็นถิ่นได้โนเสาร์ แต่คราวนี้ เราไม่ได้แวะไปพิพิธภัณฑ์ชมไดโนเสาร์ แต่เรามาเก็บบรรยากาศธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ดีๆ ให้ชุ่มฉ่ำตา ชุ่มฉ่ำปอด



ชมเขื่อนดิน สวยคลาสสิค ที่ลำปาว


รอยต่อระหว่าง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กับ อำเภอหนองกุงศรี และอำเภอยางตลาด มีเขื้อนกั้นลำน้ำแห่งหนึ่ง ที่แสนจะสวยคลาสิค เพราะเป็นลักษณะของเขื่อนดิน รูปทรงธรรมชาติ สวยงาม สูงขึ้นมาจากท้องน้ำ ราวๆ 30 เมตร การเดินไป คือให้ไปตามเส้นทางหมายเลข 209 ทางหลวงสายกาฬสินธุ์-มหาสารคาม ตรงหลักกิโลเมตรที่ 10 แยกขวามือเข้าเขื่อนลำปาวตามถนนลาดยาง 26 กิโลเมตรสันเขื่อนยาว 7.8 เมตร กว้าง 8 เมตร

เขื่อนนี้มีมาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 2511 เพื่อปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยาง และเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้แก่ หาดดอกเกด ซึ่งเปรียบเสมือนสวรรค์ชายหาดของคนอีสาน



หาดดอกเกด หาดสวรรค์ของคนอีสาน



ใครจะเชื่อว่าอีสานก็มีชายหาด แม้จะไม่ใช่ทะเล แต่ก็เป็นหาดที่นี่เป็นแหล่งตากอากาศของชาวบ้านกาฬสินธุ์ได้ อารมณ์ก็เหมือนได้ไปเที่ยวชายทะเล หลายคนเวลามาก็จะมานั่งหามุมร่ม ๆ ปูเสื่อสั่งอาหารมาทานกันก็ได้ เสื่อบริการฟรี ถ้าสั่งอาหารกับเจ้าไหน เขาจะตามเอาเสื่อมาปูให้ หาดดอกเกด อยู่บริเวณทะเลสาบตรงหัวเขื่อนติดกับ สนง.โครงการเขื่อน เป็นชายหาดกรวด ไม่ลึกชัน น้ำใสสะอาดในฤดูแล้งหาดจะกว้างใหญ่ขึ้น

บรรยากาศที่นี่ดูไปก็คล้ายบางแสนก่อนที่จะปรับปรุงล่าสุด ที่นี่ในวันหยุดมีผู้คนไปพักผ่อนเล่นน้ำกันมาก มีทั้งร้านอาหารและเครื่องเล่นทางน้ำหลากชนิดบริการ และมีศาลาพักร้อนเถียงนาน้อย ซุ้มดอกเห็ด แวดล้อมไปด้วยสวนหย่อม ปลูกไม้ดอกไม้ ประดับสวยงาม ร่มรื่นดี

เหตุที่ได้ชื่อ “หาดดอกเกด” ก็เพราะมีต้น “การะเกด” ซึ่งเป็นไม้ พื้นเมืองปลูกปะปนอยู่กับต้นไม้อื่นเป็นกลุ่ม ๆ เมื่อเวลาออกดอกจะส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนชื่นใจยิ่งนัก

ใครจะไปหาดดอกเกด ก็ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๒๐๙ (กาฬสินธุ์-มหาสารคาม) ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๐ เลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ ๒๖ กิโลเมตร อีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถใช้ได้ คือ เส้นทางสายกาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ แยกเลี้ยวซ้ายผ่านอุทยานสัตว์ป่าลำปาว โดยใช้ถนนบนสันเขื่อน หรือถนนแนวหลังสันเขื่อนได้อีกเส้นทางหนึ่ง

พระอาทิตย์อัสดง ที่แหลมโนนวิเศษ



เที่ยวกันจนเกือบเย็นย่ำ ไม่รอดูพระอาทิตย์ลับของฟ้านั้นก็กะไรอยู่ แล้วที่กาฬสินธุ์นี่ ก็มีเป็นผืนดินที่ยื่นเข้าไปในบริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนลำปาว ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สุดแสนจะโรแมนติคไม่แพ้แหลมพรหมเทพเลยทีเดียว

ชาวบ้านเรียกที่ตรงนี้ว่า “แหลมโนนวิเศษ” พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่สวยงาม มีลักษณะเป็นผืนดินยื่นเข้าไปในเขื่อนลำปาวน้ำก็ล้อมเข้ามาแล้วท่วมไม่ถึงเนินดินที่สูงขึ้นซึ่งมีลักษณะเป็นแหลม คำว่าโนน(ภาษาถิ่น)มาจากคำว่าเนิน เป็นลักษณะของดินที่สูง จึงเรียกแหลมโนนวิเศษ ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นแหลมโนนวิเศษเนื่องจากการกร่อนเสียงของภาษาจาก “พิเศษ” เป็น “วิเศษ” โดยมีความหมายใกล้เคียงกัน และวิเศษมีความหมายที่ดี ชาวบ้านจึงเรียก “แหลมโนนวิเศษ” มาจนถึงปัจจุบันนี้

ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามเหมาะที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เหมาะที่จะพาสมาชิกในครอบครัวมาเที่ยวและมาปิกนิก ทุกช่วงเย็นในฤดูร้อนและฤดูหนาวจะมีผู้มาเที่ยวตากอากาศพักผ่อน เล่นน้ำ บ้างก็เล่นกีฬาทางน้ำ ตกปลา หาหอยน้ำจืดเพื่อมาบริโภค นับว่าเป็นทรัพยากรทางน้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำจืดนานาพันธ์เมื่อมองมาทางทิศตะวันออกจากแหลมโนนวิเศษสามารถมองเห็นภูกุ้มข้าวและภูสิงห์ ถือเป็นที่ปิดท้ายความประทับใจของการมากาฬสินธุ์ครั้งนี้เลย




cr.emaginfo
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...