ในปีนี้ มีรถยนต์ต้นแบบถูกเปิดตัวออกมามากมายหลายรุ่นตามงานมอเตอร์โชว์ชั้นนำของโลก แต่นี่คือ10 รุ่นที่ทางทีมงานของ ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่งเห็นแล้วว่าเด็ดและน่าสนใจ
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
1.Maserati Alfieri Concept :ผลผลิตใหม่ของมาเซราติกับงานออกแบบครั้งใหม่โดยตัวรถถูกนำออกจัดแสดงครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์เดือนมีนาคมและได้รับการคาดหมายว่ามีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่จะกลายร่างมาเป็นคันจริงสำหรับขายในตลาด
ต้นแบบคันนี้ได้รับการออกแบบโดยมาโก้เทนโคเนซึ่งในอดีตเคยทำงานในสำนักออกแบบชั้นนำอย่างพินินฟารินาและเบอร์โทเนมาแล้วก่อนที่จะเข้ามาร่วมกับเฟียตกรุ๊ปในปี 2009 โดยรับหน้าที่ดูแลงานออกแบบของแบรนด์มาเซราติและอัลฟาซึ่งผลงานที่ผ่านมาของเขาคือ 4C ของอัลฟาและมาเซราติควอตโตรปอร์เต้รุ่นปัจจุบัน
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ตัวรถมาในแบบคูเป้ 2+2 ที่นั่งส่วนชื่อรุ่นเป็นการนำชื่อของอัลฟิเอรี่มาเซราติสมาชิกของ 1 ใน5 พี่น้องตระกูลมาเซราติมาใช้และนั่นทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเมื่อถึงเวลาผลิตขายจริงพวกเขาจะยังใช้ชื่อนี้ต่อไป หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นใมนกรณีที่ต้องเข้ามาทดแทนรถสปอร์ตที่มีอยู่แล้วในตลาด
ตัวรถใช้พื้นฐานเดียวกับแกรนทัวริสโม MC Stradaleแต่มีการหั่นระยะฐานล้ออีก 260 มิลลิเมตร และในต้นแบบแม้ว่าจะใช้เครื่องยนต์วี8 4,700 ซีซีเหมือนกับรุ่นแกรนทัวริสโมแต่ตามข่าวที่เปิดเผยออกมาตามหลังว่าคันจริงของอัลฟิเอรี่จะใช้เครื่องยนต์วี6 แต่มี 3 กำลังขับเคลื่อนคือ 416, 456 และ 527 แรงม้านั้น ทำให้เกิดความไม่แน่ใจแล้วว่าสปอร์ตรุ่นนี้จะเข้ามาแทนที่รุ่นแกรนทัวริสโมที่ขายตั้งแต่ปี 2008 หรือว่าจะเป็นน้องเล็กของสายพันธุ์สปอร์ตกันแน่
แต่อีกไม่นานเรื่องนี้คงกระจ่าง
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
2.Chevrolet Chaparral 2X VGT :หนึ่งในผลผลิตที่เกิดจากโปรเจ็กต์ของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 25 ปีของเกมแข่งรถ GT หรือ Gran Turismo ที่คนทั่วโลกต่างคุ้นเคยกันดี โดยก่อนหน้านี้มีผลผลิตจากค่ายโตโยต้า, โฟล์คสวาเกน และเมอร์เซเดส-เบนซ์ออกมาจัดแสดงแล้ว และของเชฟโรเลตเป็นผลผลิตล่าสุด
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
Chaparral 2X VGTเป็นไอเดียของการหวนคืนสู่อดีตกับโปรเจ็กต์รถแข่งอันโด่งดังของแบรนด์นี้เมื่อ 45 ปีที่แล้วกับความร่วมมือของทีมChapparalซึ่งอยู่ที่เท็กซัสและแน่นอนว่าโปรเจ็กต์ทั้งหมดเป็นการขายฝันทีมงานก็เลยจัดเต็มในเรื่องของการออกแบบที่ล้ำสมัยของตัวรถเช่นเดียวกับการติดตั้งเทคโนโลยีซึ่งในต้นแบบคันนี้มาพร้อมกับ Air Power Generator ที่ช่วยผลิตกำลังขับเคลื่อนได้ถึง 900 แรงม้าและทำให้ตัวรถมีอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 1.5 วินาทีและมีความเร็วสูงสุด 380 กิโลเมตร/ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
3.Lamborghini Asterion LPI910-4 :LaFerrari, 918 Spyder และ P1 ดูเหมือนว่าลัมบอร์กินีจะพลาด ไม่ได้ ในการเกาะขบวนรถไฟซูเปอร์คาร์พลังไฮบริด และนั่นก็เลยเป็นที่มาของการเปิดตัวรุ่น แอสเตอเรี่ยน LPI910-4 ออกมาในงานปารีส มอเตอร์โชว์ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
จริงอยู่ที่แม้จะมีคำว่า Concept แปะท้ายอยู่ แต่ทว่ารถสปอร์ตรุ่นนี้น่าจะถูกผลิตออกสู่ตลาดใน อนาคตอย่างแน่นอน เพราะบริบทโดยรวมทำให้ปฏิเสธไม่ได้ โดยตัวรถจะมาในแบบคูเป้เครื่องยนต์วางกลาง โดยอ้างอิงพื้นฐานเดียวกับรุ่นอะเวนทาดอร์ แต่มีการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่หมด
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
จุดเด่นของตัวรถอยู่ที่ระบบไฮบริดซึ่งเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์วี10 5,200 ซีซี แบบ FSI ที่ใช้ระบบจ่ายน้ำมัน เชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ มีกำลังสูงสุด 610 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 57.1 กก.-ม. กับมอเตอร์ไฟฟ้า 300 แรงม้า ซึ่งเมื่อทั้ง 2 ส่วนทำงานร่วมกันจะมีกำลังมากถึง 910 แรงม้า ใช้เวลา 3 วินาทีในการทำอัตราเร่ง จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง
นอกจากนั้นตัวรถยังเป็นแบบ Plug-in Hybrid ที่สามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าได้นั่น ในกรณีที่แบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม ตัวรถสามารถแล่นใน EV Mode ทำระยะทางได้ 50 กิโลเมตรโดยประมาณ และทำความเร็วสูงสุด 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 24.3 กิโลเมตร/ลิตร
เชื่อว่าการผลิตน่าจะเริ่มในปีหน้า เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคนที่ชื่นชอบความเร้าใจ ด้วยขุมพลังแบบ ลูกผสม
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
4.Mini Paceman Adventure : ดูเหมือนว่าทางมินิอยากที่จะทำให้รถยนต์ของตัวเองมีตัวถังที่ครบถ้วน ในการทำตลาดจริงๆ ซึ่งนั่นก็รวมถึงรุ่นกระบะที่เคยมีขายกับมินิรุ่นแรก หรือ Mk I และนำไปสู่การผลิตต้นแบบ ออกมาหยั่งเสียงลูกค้าทั่วโลกว่าถ้าเกิดมีผลิตขายจริง จะสนใจกันหรือเปล่า
การพัฒนาต้นแบบรุ่นนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างทีมงานของมินิและ BMW แห่งเมือง Munich และDingolgingในการนำเสนอรูปแบบใหม่แห่งการขับเคลื่อนและได้เลือกเอารุ่นย่อยคูเปอร์เอสมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาซึ่งส่วนที่แปลกและแตกต่างจากเดิมคือด้านท้ายตั้งแต่เสา B-Pillar ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นในสไตล์ปิกอัพ
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ขุมกำลังขับเคลื่อนมาเต็มพิกัดโดยใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ 184 แรงม้าเป็นต้นทางในการส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ ALL4 ขณะที่ระบบช่วงล่างมีการดัดแปลงด้วย 2 เป้าหมายหลักคือยกสูงเพื่อให้ตัวลุยพร้อมลุยวิบาก และการเสริมแต่งเพื่อให้รองรับกับการใช้งานบนเส้นทางที่สมบุกสมบันตามสไตล์ออฟโรด พร้อมต่อท่อ Snorkel เพื่อยืนยันให้เห็นว่าลุยน้ำลึกได้จริง
ตอนนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่ามินิจะมีอะไรออกมาเซอร์ไพรส์ตลาดอีกหลังจากที่ก่อนหน้านี้ตัวถังแฮทช์แบ็กก็มีรุ่น 5 ประตูออกมาวางขาย
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
5.BMW Vision Future Luxury Concept :เป็นต้นแบบอีกรุ่นที่เปิดตัวในปี 2014 และติดอยู่ข่ายต้องสงสัยว่าจะมีการผลิตออกมาขายจริงหรือไม่เพราะทั้งรูปแบบตัวถังและช่วงเวลาของการเปิดตัวมันช่างสอดคล้องกันจริงๆและนั่นทำให้วิชั่นฟิวเจอร์ลักซัวรี่คอนเซ็ปต์ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นตัวแทนของซีรีส์ 7 ใหม่ที่เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2008
อย่างไรก็ตามทาง BMW ไม่คอนเฟิร์มเรื่องนี้แต่บอกว่าวิชั่นฟิวเจอร์ลักซัวรี่คอนเซ็ปต์เป็นการสื่อให้เห็นถึงทิศทางของการออกแบบที่ BMW มีต่อรถยนต์ระดับหรูโดยจุดเด่นนอกจากจะอยู่ที่เรื่องของเส้นสายที่อยู่บนตัวถังแล้วยังถือเป็นการพลิกแนวคิดด้วยการนำการออกแบบประตูเปิดในสไตล์ตู้กับข้าวและไม่มีเสากลางหรือ B-Pillar มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มความกว้างขวางและการเข้าออกจากห้องโดยสารที่สะดวกและรวดเร็วโดยเฉพาะผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหลัง
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ในแง่ของเทคโนโลยีใหม่ๆก็มีทั้งการนำเสนอระบบ Head-up Display แบบใหม่โดยจะแสดงผลในตำแหน่งสายตาของผู้ขับขี่เพื่อให้สามารถรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถและทาง BMW เผยว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมในการรับทราบข้อมูลอย่างปลอดภัยขณะที่ด้านหลังมีการนำหน้าจอขนาด Tablet มาใช้ในการเชื่อมต่อกับโครงสร้างของระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถเพื่อทำหน้าที่เป็นหน้าจอสำหรับสั่งการทำงานของระบบต่างๆ
ต้องรอดูว่าเมื่อซีรีส์ 7 ใหม่เปิดตัวในปีหน้าหน้าตาจะเหมือนหรือว่าแตกต่างจากตรงนี้มากน้อยแค่ไหน
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
6.Audi TT OffroadConcept :การเปิดตัวโดยใช้ชื่อ TT ถือเป็นความฉลาดในเชิงการตลาดของ Audi เพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเขากำลังทำ SUV ที่อ้างอิงพื้นฐานของรถสปอร์ตไม่ใช่ทำ SUV ให้ดูสปอร์ตและจะช่วยยกระดับให้ตัวรถดูเหนือจากคู่แข่งในตลาดได้ไม่ยาก (ในกรณีที่มีการผลิตขายจริง)
แน่นอนว่าตัวรถมีการอ้างอิงเส้นสายและสไตล์การออกแบบมาจาก TT ด้วยเช่นกันรวมถึงรูปแบบของฝาถังน้ำมันโดยตัวรถมาในแบบ4 ประตูที่มีความยาว 4,390 มิลลิเมตรกว้าง 1,850 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ในต้นแบบเป็นการขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid มีเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ TFSI แบบ 4 สูบ 2,000 ซีซีเทอร์โบ 292แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 40 กิโลวัตต์ที่มีขนาดเป็นแผ่นบางๆและเชื่อมต่อเป็นชุดเดียวกับเกียร์ e-S Tronic แบบ 6 จังหวะและจะมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกตัวขนาด 85 กิโลวัตต์ติดตั้งอยู่ที่ล้อหลัง
นั่นคือสเป็กของรุ่นต้นแบบแต่ถ้าจะมีการผลิตจริงเชื่อว่านอกจากรุ่นไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นรุ่นมาตรฐานของรถยนต์หลายรุ่นจากค่ายออดี้) แล้วน่าจะมีทางเลือกของขุมพลังอื่นๆด้วยเช่นกัน
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
7.Toyota FT-1 :การเปิดตัวต้นแบบรุ่นนี้ในงานโชว์ที่ดีทรอยต์ถือว่าสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะนั่นทำให้เกิดคำถามว่านี่คือรถสปอร์ตรุ่นใหม่ที่โตโยต้าจะนำออกมาแข่งกับนิสสัน GT-R และ NSX ใหม่ของค่ายฮอนด้า/อาคูรา
แน่นอนว่า FT-1 คือ ชื่อรุ่น ซึ่งย่อมาจาก Future Toyota ส่วนเลข 1 ไม่ได้หมายถึงลำดับ แต่สื่อถึงคำว่าสุดยอด หรือ Ultimate และจากการที่เปิดตัวออกมาในจังหวะที่ บรรดาแบรนด์ญี่ปุ่นต่างรีเทิร์นกลับสู่ตลาดรถสปอร์ตอีกครั้ง ก็เลยทำให้ข่าวที่ว่าโตโยต้าจะปัดฝุ่นโปรเจ็กต์ Supra กลับมาเป็นจริงอีกรอบหลังจากถูกเก็บเข้าลิ้นชักเพราะวิกฤตน้ำมันในปี 2008
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการคอนเฟิร์มออกมา แต่จากการที่ช่วงกลางปีมีการเปิดตัวเวอร์ชัน Graphite ออกมา ก็เลยกลายเป็นข่าวอีกครั้งว่าโตโยต้าจะผลิตขายจริงอย่างแน่นอน เพียงแต่จะใช้ชื่อว่าอะไรนั้น ต้องรอดูกันต่อไป
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
8.Volkswagen XL Sport Concept :หากโปรเจ็กต์นี้ได้รับการอนุมัติ ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอีกครั้งที่เราจะได้เห็น โฟล์คสวาเกนบุกตลาดรถสปอร์ตในระดับซูเปอร์คาร์หลังจากที่พวกเขาเคยพยายามมาแล้วครั้งหนึ่งกับรุ่น W12 แต่ก็ไม่ได้รับอนุมัติการผลิต
XL Sport Concept มากับตัวรถในแบบสปอร์ตคูเป้ประตูเปิดแบบปีกนก พร้อมตัวถังที่ได้รับการผลิตจาก คาร์บอนไฟเบอร์ผสมกับอะลูมิเนียม และที่สำคัญคือ ใช้เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ โดยยกมาจาก Ducati รุ่น 1199 Superleggera ซึ่งมีการผลิตจำกัดเพียง 500 คัน
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
แม้ขุมพลังบล็อกนี้แม้จะเป็นแบบ V2 ที่มีความจุในพิกัด 1,200 ซีซี และมีกำลัง 200 แรงม้า แต่เมื่ออยู่ในตัวถังที่มีน้ำหนักเพียง 890 กิโลกรัม และส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ 7 จังหวะแล้ว สามารถทำความเร็วได้ถึง 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลา 5.7 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ต้องรอดูกันต่อไปว่า XL Sport จะคว่ำเหมือนกับ W12 หรือว่าจะถูกผลิตออกมาเหมือนกับ XL1
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
9.McLaren P1 GTR : สุดขั้นความแรงในสนามแข่งของแม็คลาเรนที่สานต่อความสำเร็จของ F1 GTR ในสนามแข่งช่วงทศวรรษที่ 1990 โดย P1 GT1R ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้องค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยี มอเตอร์สปอร์ตที่แม็คลาเรนมีประสบการณ์มานานกว่า 50 ปีทั้งในสนามแข่ง GT เลอมังส์ และ F1
อย่างไรก็ตาม ตัวรถไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลูกค้าคนพิเศษ (ที่แน่นอนว่าจะต้องมีทั้งเงินถุงเงินถัง และใจรักการแข่งรถ) โดยจะถูกใช้ใน One Make Race ที่เรียกว่า McLaren P1 GTR Driver Programme ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าคนพิเศษได้สัมผัสกับประสบการณ์แข่งรถผ่านทางตัวแข่ง P1 GTR ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
ตัวรถได้รับการพัฒนาต่อยอดจากซูเปอร์คาร์พันธุ์ดุอย่าง P1 ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน MOS-McLaren Special Operationsและมีการติดตั้งเทคโนโลยีจากสนามแข่ง F1 อย่างDRS (Drag Reduction System) เข้ามาด้วยซึ่งเป็นการออกแบบให้สปอยเลอร์หลังสามารถปรับแพนอากาศได้เพื่อการทรงตัวและการแล่นที่ดีขึ้นส่วนเครื่องยนต์เป็นเทคโนโลยี KERS จากสนามแข่ง F1 เช่นกันโดยมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ในระบบทำหน้าที่แค่ช่วยขับเคลื่อนเมื่อถูกกดปุ่มเหมือนกับเป็นเทอร์โบไฟฟ้า จนช่วยเพิ่มกำลังขยับขึ้นมาในระดับ 900 แรงม้าและชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่อีกด้วย
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
10.Infiniti Q80 Inspiration Concept:ดูเหมือนว่านิยามของรถซีดานและรถสปอร์ตในยุคใหม่ๆ จะไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเดิมที่จะต้องมาในแบบ 4 หรือ 2 ประตูตามลำดับ แต่สามารถแฝงตัวมาในมาดของเก๋ง 4 ประตูแบบ 3 กล่อง แต่มีเส้นสายที่เร้าใจแบบสุดๆ เช่นเดียวกับการวางเครื่องยนตร์ทรงพลังและการเซ็ตอัพตัวรถให้ตอบสนองความสปอร์ตในการขับขี่
Q80 Inspiration คือ อีกความพยายามของอินฟินิตี้ แบรนด์ระดับหรูของนิสสัน ในการตอบสนอง ความต้องการของตลาดด้วยสปอร์ตซีดานที่พกพาเส้นสายตัวถังและแนวคิดในการพัฒนารถที่เน้นความเร้าใจ ในทุกรายละเอียด ขณะที่การขับเคลื่อนเน้นความสะอาดและความประหยัดตามแบบรถยนต์สมัยใหม่ โดยใช้เครื่องยนต์วี6 3,000 ซีซี เทอร์โบแบบไฮบริดเป็นขุมพลัง รีดกำลังออกมาได้ 550 แรงม้า แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ ความประหยัดในระดับเฉียด 20 กิโลเมตร/ลิตร แถมยังคาย CO2 แค่ 129 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรเท่านั้น
![](http://www.manager.co.th/images/blank.gif)
เรื่องการผลิตจริง นิสสันยังไม่ได้พูดถึง บอกแค่ว่าเป็นต้นแบบที่เน้นการแสดงเส้นสายของการออกแบบ ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคตเท่านั้น...ที่เหลือไปมโนกันเอาเอง