ย้อนหลังไป 6 ปี ใครจะไปคิดว่าดินแดนที่ว่ากันว่าแห้งแล้ง แถมมีค่าเฉลี่ยรายได้ที่ต่ำและรั้งท้ายของประเทศอย่างจังหวัดบุรีรัมย์ จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ถึงเพียงนี้
ปัจจัยที่พลิกชีวิตของคนแดนปราสาทขอม ในห้วงเวลานี้ คือปัจจัย 5 ของพวกเขา นั่นคือคำว่า "กีฬา"
5 ปีให้หลัง หลังการมาของทีมฟุตบอล "บุรีรัมย์ พีอีเอ" ในเวลานั้น ถูกวางให้เดินทางตามกรอบที่มั่นคงของชายที่ชื่อ "เนวิน ชิดชอบ" จนสู่จุดหมายของทีมดังระดับทวีปที่ชื่อ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"
การก้าวสู่ความสำเร็จด้วยตำแหน่งแชมป์ ส่งผลโดยตรงให้ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" กลายเป็นขวัญใจของคนไทย ที่ไม่ใช่เพียงแค่คนจังหวัดบุรีรัมย์
ปัจจุบันเชื่อว่าหลายคนรู้แล้วว่าบุรีรัมย์ คือหนึ่งในจังหวัดที่พูดถึง และยกให้เป็น "เมืองแห่งกีฬาแบบสมบูรณ์แบบ"
การมาของ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" หรือชื่อสนามอย่างเป็นทางการตามผู้สนับสนุนหลักนั่นคือ "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ต ที่ไม่ใช่เพียงแค่ระดับประเทศ แต่เป็นระดับโลก ย้ำนะครับว่า "ระดับโลก"!
มาตรฐานสนามแข่งระดับ FIA GRADE 1 และ FIM GRADE A ทั้งระบบจับเวลา และห้องควบคุมการแข่งขัน เป็นตัวบ่งบอกว่าต่อไปจากนี้ สนามแห่งนี้พร้อมจัดรายการแข่งขันในทุกระดับที่โลกใบนี้มี
ไม่ว่าจะเป็น 2 รายการใหญ่ระดับพรีเมี่ยม อย่าง รถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก (F1) และ รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ที่สำคัญสนามแห่งนี้พร้อมรองรับการจัดแข่งขันในเวลากลางคืนได้อีกด้วย
แต่ก่อนที่จะถึง 2 รายการที่เป็นจุดหมายปลายทางของสนามแห่งนี้ "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต"พร้อมแล้วที่จะประเดิมสนามแห่งใหม่ด้วยรายการ "บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ซูเปอร์ จีที เรซ" ในวันที่ 4-5 ตุลาคมนี้ รายละเอียดการจองบัตร และเข้าชมติดตามที่ www.bric-ticket.com
ใครก็ตามที่เป็นแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต อย่ารีรอ เพราะล่าสุด โรงแรม-รีสอร์ท ในจังหวัดบุรีรัมย์กว่า 5,000 ห้อง ได้ถูกจองเต็มล่วงหน้าไปแล้ว 2 เดือน เท่านั้นไม่พอ ยังล้นไปถึงจังหวัดใกล้เคียงอย่าง จ.สุรินทร์ และ จ.นครราชสีมา อีกด้วย
อย่าลืมนะครับว่า โปรแกรมการแข่งขันของกีฬามอเตอร์สปอร์ต ไม่ได้มีเฉพาะวันแข่งจริง แต่ก่อนที่จะถึงวันแข่งขัน ทีมงานของแต่ละทีมที่เข้าร่วมประชันความเร็ว รวมถึงผู้คนจะแห่แหนมาที่บุรีรัมย์ ก่อนวันแข่งจริง ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเงิน เชื่อว่าต่อจากนี้ เศรษฐกิจพุ่งกระฉูดแน่นอน
ลองนึกภาพว่า สนามแข่งรถ "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" แห่งนี้ มีแข่งขันแทบทุกสัปดาห์ ซึ่งสังเวียนแห่งนี้สามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 5 หมื่นคน แล้วแต่ละคนจะใช้เงินในกระเป๋า (ค่าอาหาร,ที่พัก ของที่ระลึก) ตีคร่าวๆ สัก 2,000-3,000 บาท แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มสุดคุ้มแล้ว สำหรับการคิดที่จะลงทุนทำอะไรสักอย่างที่เมืองบุรีรัมย์
นอกเหนือไปจากนี้ คนบุรีรัมย์ ยังได้ประโยชน์โดยตรง ทั้งด้าน การจ้างงานต่างๆนานาอีกด้วย
ถึงตอนนี้ ทำให้นึกอิจฉาคนในจังหวัดบุรีรัมย์เหลือเกิน จากจังหวัดที่เป็นเมืองทางผ่าน ได้ถูกกาชื่อทิ้งไป โดยเหลือแต่เป็นเมืองแห่งกีฬา เมืองที่ผู้คนมีลมหายใจเข้าออกเป็นกีฬา
เศรษฐกิจที่รุ่งโรจน์ กำลังขยับเข้าหาคนในจังหวัดนี้ "มูลค่าที่ดินพุ่งกระฉูดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน รีสอร์ท และ โรงแรม ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด" นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด!
ความสำเร็จเยี่ยงนี้ ผมบอกเลย มันคือคำว่า "มาตรฐานแห่งมืออาชีพ" ที่พร้อมทุ่มและลงมือทำอย่างจริงจัง
เพราะไอ้คำว่า "มาตรฐาน" ที่นายใหญ่อย่าง "บิ๊กเน" เพียรสร้าง โดยบอกว่า ณ เวลานี้ "อะไรก็ตามที่เป็น บุรีรัมย์ สแตนดาร์ด มันจะต้องจะเทียบเท่ากับ อินเตอร์เนชั่นแนล สแตนดาร์ด"
ยกตัวอย่างสนาม "นิว ไอโมบาย สเตเดี้ยม" ฟุตบอลสเตเดี้ยมแห่งเดียวในไทย(ที่ไม่มีลู่วิ่ง) ได้รับการรับรองจากฟีฟ่า นั่นก็เป็นเพราะมาตรฐานที่ครบตามที่ฟีฟ่ากำหนดนั่นเอง
นอกเหนือไปจากนี้ "บุรีรัมย์" กำลังจะสร้าง ศูนย์กีฬาแอดเวนเจอร์ ที่เขากระโดง ที่อยู่ไม่ไกลจาก สนาม"นิว ไอโมบาย สเตเดี้ยม" และ "ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต" ซึ่งเชื่อว่า คอกีฬาแอดเวนเจอร์คงได้เจอะเจอในอนาคตอันใกล้นี้
ทีนี้ เรามานับนิ้วรอกันได้เลย สำหรับศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า กับสนามแข่งรถแห่งใหม่ของเมืองบุรีรัมย์ ที่ว่ากันว่า ที่นี่จะกลายเป็น "ลมหายใจแห่งใหม่ของคนบุรีรัมย์"
เรื่องโดย : บ.ส้มซิ่ง
<< ภาพประกอบจาก : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต >>