หมออ้อยนู้ด เปลือยกาย ถ่ายนู้ด ขึ้นปกเพนท์เฮ้าส์


ภาพหลุด หมออ้อยนู้ด เปลือยกาย ถ่ายนู้ด ขึ้นปกเพนท์เฮ้าส์


 


ตะลึง “หมออ้อย” แก้ผ้าขึ้นปก เพนท์เฮ้าส์ หน้าสวยนมโตกว่าเก่า เจ้าตัวยันของแท้ ท้าให้จับ




 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 




 


 



 






ตั้งกฎเหล็กในการถ่ายไม่เห็นหัวนม ไม่ฉีกขา ไม่ถ่ายกับโนเนมหวั่นภาพกระจายไปตามอ่าง ฟุ้งรูปออกมาศิลปะไม่เหมือนผู้หญิงขายบริการ เผยไม่ตั้งใจแก้ผ้าแต่โดนกล่อมให้ถอดชิ้นบน ส่วนข้างล่างเอาปืนมาจี้ไม่ถอดเพราะมียางอาย



นอกจากจะตอบรับเปลื้องผ้าขึ้นปกนิตยสารเพนท์เฮ้าส์ฉบับครบรอบ 15 ปีแล้ว “หมออ้อย จุฑารัตน์ อัตถากร” ก็ยังลงทุนควักกระเป๋าจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือซะเอง เหตุเพราะเพนท์เฮ้าส์ไม่จัดงานแถลงข่าวให้ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงการถ่ายภาพวาบหวิวครั้งนี้ว่า ได้รับค่าตัว 7 หลักและเป็นการถ่ายทิ้งทวนครั้งสุดท้าย



“วันนี้ที่ต้องเปิดตัวเองเพราว่าทางหนังสือเขาไม่เปิดตัวให้ และอ้อยก็รู้สึกว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะถ่ายแบบนี้ อ้อยไม่อยากให้ไปเขียนข่าวกันเองอย่างน้อยก็อยากให้ได้ยินจากอ้อยถึงสาเหตุในการถ่ายจริงๆ คืออะไร ก็เลยอยากแถลงไปเลยว่าทำไมถึงยอมถ่าย”



“สำหรับเรื่องค่าตัวคุ้มค่ะคุ้ม 7 หลักแต่เขาต่อรองนิดหน่อย ก็น่าสนใจให้แก้ขนาดนี้ก็เอา ให้ถ่ายอีกครั้งก็เอา อย่างน้อยก็ปลดหนี้ได้แหละ(เมื่อกี้บอกครั้งสุดท้าย) ก็ครั้งสุดท้าย แต่ถ้าให้มากกว่า 7 หลักก็เอาอยู่(หัวเราะ) พูดเล่นค่ะ เราก็ตามสภาพถ้าถ่ายแล้วไม่สวยให้คนมานั่งด่าก็ไม่เอา อ้อยไม่ได้รวยแต่ก็ไม่ได้ยากจนหรอกนะคะ เพราะฉะนั้นเงินซื้ออ้อยไม่ได้ถ้าอ้อยมีความสุขถึงจะทำ”



“ที่จริงไม่คิดจะถ่าย ตอนที่เพนท์เฮ้าส์ติดต่อมาก็ปฏิเสธไปหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ตื้ออยู่นานพอสมควร จนกระทั่งพี่อ้วน รีเทิร์น(อนันต์ เสมาทอง) มาบอกว่า ถ่ายไปเหอะฉันเสียดายรูปร่าง เสียดายผิว เสียดายหุ่น ทุกอย่างยังโอเคดูเฟิร์มหมดเลย หลายๆ คนอายุน้อยกว่าเขายังไม่สามารถมาอยู่ตรงนี้ได้ ไหนๆ ถ้าจะไปก็ไปอย่างสวยงามได้ไหม และอ้อยเองก็คงไม่ได้แย่ไปกว่านี้ คือภาพเราเป็นอย่างนี้มาอยู่แล้วจะไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก เราก็เดินทางของเราเวย์ที่เราเป็นอย่าไปเฟลกเราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น”



“พอตัดสินใจถ่ายอ้อยก็คุยกับทางหนังสือเลยว่า ขอไม่เอาช่างภาพนู้ดถ่ายไม่งั้นไม่ถ่าย แล้วก็มีกฎเหล็กอยู่ 3 – 4 ข้อ หนึ่งหนูจะไม่ฉีกขาแยกขา เพราะไม่อยากให้หนังสือแฟชั่นมันออกมาในรูปแบบปลุกใจเสือป่า (นี่ขนาดไม่ปลุกใจนะ) ถึงจะปลุกใจแต่มันก็ยังได้อาร์ตๆ ศิลปะนิดนึง เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจจะสื่อว่า COMMON BABY เข้ามาสิ ภาพแบบนี้มันเป็น SEX APPEAL ใครเห็นก็รู้สึกว่าจะมองเป็นศิลป์ก็ได้ มองแบบยั่วยวนก็ได้หลายแบบ แต่ถ้าฉีกขานี่มันสื่ออย่างเดียวเลย”



“คือเราไม่อยากให้คนที่มองเราในแง่ลบคิดว่า เขามาฉันสิ PLEASE….. อ้อยว่าผู้หญิงเวลาถอดเสื้อผ้าหมดแล้วอยู่กับธรรมชาติคืนสู่ธรรมชาติมันสวย คนเราเกิดมาก็ไม่ได้ใส่อะไรเลย เพราะฉะนั้นรูปร่างผู้หญิงมันสวยงาม อ้อยอยากสื่อออกมาว่า รูปร่างฉันสวยงาม ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งให้ฉันเป็นผู้หญิง แล้วการที่ผู้หญิงมาอยู่กับทะเลอยู่กับก้อนหินอ้อยว่ามันเป็นธรรมชาติ”



“ส่วนผู้ชายคนอื่นที่จะมองแล้วรู้สึกมันเป็นเรื่องของการศึกษา คนที่มีการศึกษาอย่างเพื่อนอ้อยเขาก็จะบอกว่า สวยดีไม่ได้มองในแง่ของกามอารมณ์ เออเธอหุ่นดีว่ะ ไม่ใช่แบบเด็กสมัยใหม่ไม่กินอะไรท้องแบนแต๊ดแต๋ แต่อย่างนี้สุขภาพดี ผู้หญิงต้องมีพุงนิดๆ มีความอิ่มเอิบของผิวมีสะโพกมีหุ่น เขามองแล้วเขาไม่รู้สึกอะไร เขาเป็นเพื่อนเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถามผู้ชายหลายคนเขาก็ไม่ได้รู้สึก แต่ถ้าบางกลุ่มที่รู้สึกแบบนั้น ก็คงจะเป็นพวกอีกกลุ่มหนึ่งที่ลดๆ ลงมา แต่เพื่อนอ้อยจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งดีไซน์เนอร์ หมอ วิศวะ”



“กฎข้อที่สองต้องไม่เห็นหัวนม ปกติหนังสือเพนท์เฮ้าส์ทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่ฉบับครบรอบ 15 ปีเขาจะไม่เอาดาราถ่าย ก็จะมีผู้หญิงอีกประเภทหนึ่งหรืออีกกลุ่มหนึ่งที่โชว์เห็นหัวนมเห็นเป้า อล่างฉ่างชัดเจนมาก และเล่มนั้นก็จะถ่ายกันหลายคน”



“แต่สำหรับเล่มนี้จะเป็นเล่มพิเศษทำออกมาเหมือนจะรวมเล่มเหมือนเป็นของหมออ้อยโดยเฉพาะ คือให้เกียรติในฐานะที่ครบรอบ 15 ปีของเพนท์เฮ้าส์ก็เลยเชิญดาราขึ้นปกครั้งแรก โดยที่เป็นแฟชั่น และใช้ช่างภาพของนิตยสารชื่อดังของประเทศไทยแต่เขาขอไม่ออกตัว ช่างภาพคนนี้เป็นช่างภาพชื่อดังถ่ายให้กับพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย ซึ่งถ้าไม่ใช่ช่างภาพคนนี้พี่เบิร์ดจะไม่ยอมถ่าย ซึ่งเราดีใจมากที่เราได้ช่างภาพคนนี้”



“คืออ้อยตกลงกับเพนท์เฮ้าส์.เลยว่า ขอไม่เอาช่างภาพนู้ดเลย อย่างพี่บี๋(บี๋ ธีระพงษ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ขอปฏิเสธไปก่อน เพราะมุมมองของคนที่เป็นช่างภาพแฟชั่น และช่างภาพนู้ดมองกันคนละแบบ ถ้าเปิดดูในหนังสือจะเห็นว่าไม่ได้โป๊ทุกรูป ส่วนใหญ่จะเป็นแฟชั่น และเราก็ได้สไตลิสต์ที่จบแฟชั่นดีไซน์มาเลย ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้พี่อ้อยใส่ชุดนี้ พี่อ้อยถอด พี่อ้อยดึงเสื้อ ผีอ้อยถกกระโปรง แต่เขาทำการบ้านหมด”



“อย่างฉากที่เป็นป่าบอกได้เลยว่าไม่ใช่ถ่ายในป่าจะเป็นสตูดิโอ ทางสไตลิสต์ก็คิดไว้เลยว่าหนูจะถ่ายเป็นป่า ช่างภาพต้องฟุ้งยังไงถึงจะดู CUTE น่ารัก อย่างนี่(เปิดให้ดูภาพที่เป็นเซ็ทป่า) อ้อยว่ามันดูไฮโซจะตายมันดูเก๋ๆ ดูไม่ใช่ผู้หญิงที่ขายบริการมาถ่าย”



“คือภาพแบบนี้ในแพรวก็มี MARS ก็มีแบบนี้ คือมันไม่เหมือนเพนท์เฮ้าส์ แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังสือสไตล์นี้เราจะมีภาพที่แรงๆ ให้เขาซัก 3 – 4 รูป คือถ้ามีแต่รูปแฟชั่นทั้งเล่มเขาจะซื้อไหมล่ะ เขาก็ไม่ซื้อสิ พอเขาไม่ซื้อเขาจ้างหมออ้อยเขาก็ขาดทุน ต่อไปหมออ้อยก็คงหางานทำไม่ได้แล้ว แล้วอีกอย่างอายุเราจะให้ไปถ่าย FHM ถ่าย CUTE ถ่าย MARS ไม่ได้แล้วอายุมันเกินไง เพราะฉะนั้นทางเลือกเราน้อย เพนท์เฮ้าส์.เขาก็ไม่ได้ไก่กาของเขาก็เวิล์ด วาย เวป นะเขาก็เป็นระดับรู้จักทั่วโลก แต่คนเรามองเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานและตัดสินใจ แต่สำหรับอ้อยรู้จักเพนท์เฮ้าส์ตั้งแต่เด็กๆ”



“ภาพที่ออกมามันเหมือนถ่ายแฟชั่น อย่างเปิดหนังสือมาอย่างนี้เห็นภาพแล้วมันคือเพนท์เฮ้าส์หรือเปล่ามันไม่ใช่ เจ้าของหนังสือกับสไตลิสต์จะเป็นคนละมุมมอง อ้อยกับสไตลิสต์เป็นมุมมองเดียวกันขอเป็นแบบแฟชั่น แต่คนขายหนังสือบอก เฮ้ย....ถ้าเป็นแบบนี้แล้วฉันจะขายหนังสือยังไง เขาก็เลยขอบางส่วนที่มันเป็นแบบนี้(ชี้ไปภาพที่ถอดเสื้อผ้า) เราก็ต้องให้เขาไป 3 – 4 รูป คือเราต้องคิดหลายๆ อย่าง ถ้านักข่าวเปิดออกมาเจอภาพแฟชั่นเขาจะทำข่าวหมออ้อยไหมล่ะ เขาก็จะบอกหมออ้อยถ่ายอะไรไร้สาระ”



“อ้อยจะคิดถึงอกเขาอกเรา เวลาทำงานอ้อยจะคิดถึงหมดทุกคน คิดถึงเจ้าของหนังสือ คิดถึงสไตลิสต์ คิดถึงตัวเรา คิดถึงยอดขาย เราอยากให้ทุกคนแฮบปี้หมดเลย ฉะนั้นเราก็จะพยายามทำทุกอย่างที่ให้ทุกคนได้หมด นักข่าวก็ได้ ตัวหมออ้อยก็ได้ หนังสือก็ได้ สไตลิสต์เขาก็จะมีความภูมิใจทำให้หมออ้อยดูเซ็กซี่มากแต่ไม่โลว์ และประชาชนก็ไม่เสียใจที่อุตส่าห์เสียเงิน 180 แล้วมีแค่อย่างนี้เหรอ คือซื้อมาแล้วอยากโยนทิ้ง ฉันไม่ดูหมออ้อยหรอกแก่ฉันไปดูหยาดทิพย์(หยาดทิพย์ ราชปาล) ฉันไปดูแพรวอิมเมจดีกว่าเพราะมันก็โป๊หมดแล้ว เราก็ต้องให้เขานิดนึง”



“กฎข้อที่สามคือไม่ทำปากจู๋ส่งสายตายั่วยวน เพราะหนังสือมันแรงอยู่แล้ว ฉะนั้นหน้าขอเป็นน่ารัก แต่ว่าเราค่อนข้างติดเซ็กซี่อยู่นะ คือมันเป็นหน้าเราน่ะ เราก็พยายามแล้วนะ ปกตินางแบบถ่ายจะทำปากแบบนี้(ทำหน้าเผยอปาก) แต่เวลาเราเฉยๆ หน้าก็จะแบบนี้ เราเปลี่ยนหน้าตัวเองไม่ได้ หน้าแบบนี้มันเป็นหน้าสไตล์เรา แล้ว เราพยายามทำหน้าให้ธรรมดาที่สุดแต่เราเป็นคนหน้าเชิด คือภาพนี้หน้าธรรมดาแล้วนะ(หัวเราะ) ตื่นมาแล้วเป็นอย่างนี้เลย ตื่นมาหน้าเซ็กซี่เลย BORN TO BE SEXY”



“กฏข้อที่สี่ถ้าจะถ่ายจริงๆ หนูจะไม่แก้ถ้าจะรีทัชก็รีทัชไป ภาพที่เห็นในหนังสือข้างบนถอดเพราะเสื้อชั้นในรีทัชยากและมีการเซฟหัวนม มีผมมาปิดและก็เอาพลาสเตอร์มาปิด แต่ข้างล่างไม่แก้เป็นการรีทัช ตั้งแต่เกิดมาถ่ายภาพไม่เคยแก้ข้างล่าง เพราะเราเป็นเด็กยุคเก่าให้ถอดหมดไม่กล้า”



“กฎอีกคือขอไม่ถ่ายรวมกับใครเลย เพราะกว่าหมออ้อยจะมีชื่อเสียงมาขนาดนี้เสียน้ำตามาเท่าไหร่ เจอข่าวมากี่อันทำให้ทุกใจไม่สบายใจ และวันหนึ่งจะมาถ่ายให้คนอื่นมาถ่ายรวมกับเราได้ไง ไม่ได้กลัวสวยน้อยกว่าเลย ไม่ใช่ไม่อยากประชันกับใคร แต่ที่กลัวก็เพราะว่าคนที่ถ่ายเพนท์เฮ้าส์อย่าลืมสิว่าเขาไม่ใช่ดารา เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีรูปอ้อยติดอยู่ตามอ่างแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้าข้างในเป็นดาราคนอื่นเป็นแป้ง(อรจิรา แหลมวิไล) เป็นหยาดทิพย์ อ้อยไม่ซีเรียส อ้อยขึ้นหน้าปกอ้อยก็เท่ห์กว่าด้วยสิ แต่นี่มันไม่ใช่ข้างในมันมีเบอร์ แล้วเรื่องอะไรเราจะต้องไปถ่ายกับโนเนมล่ะ ไม่มีดาราคนไหนไปถ่ายหรอก”



“สำหรับคอนเซ็ปต์ในการถ่ายตอนแรกอ้อยขอเป็นแบบตุ๊กตาบลายธ์ใสๆ แต่งหน้าน้อยสุด แต่พอถึงเวลาจริงๆ เวลาทำงานในวงการมันจะไหลรื่น ตอนแรกนี่ตกลงกันเลยนะว่าไม่ถอดใส่ครบสองชิ้นแต่มันไหลรื่น ดาราส่วนใหญ่อ้อยว่ามันเป็นแบบนี้ทั้งหมด”



“เขาก็จะมีวิธีการพูดของเขา อย่างเราใส่อยู่เขาก็จะบอกตัวเองมันตันไปหรือเปล่าคอสั้น ถ้าเกิดใส่เดี๋ยวพี่รีทัชยากค่ารีทัชแพง หรือไม่ก็แบบหมออ้อยผิวสวยจะตายไหล่สวยไม่โป๊หรอกเดี๋ยวใช้แสงฟุ้งแบบแสงเกาหลี เราก็น่ารักสิเอ้าเหรอ.....ก็ค่อยๆ ปลด(ทำท่าปล่อยสายเสื้อชั้นใน) ไปๆ มาเขามาถอดข้างหลังให้แล้ว เวลาปลดก็จะดีเหรอๆ ถามสไตลิสต์ได้อ้อยวีนไม่รู้กี่รอบ อารมณ์เสียหงุดหงิดตลอดเวลา เฮ้ย....ไม่เอาไม่ไหวไม่ถอด อย่างนี้ไม่ไหวจะฉันกลับบ้านแล้ว แต่สุดท้ายก็ถ่าย”(หัวเราะ)



“คือเราสงสารน้องเขาหน้าเขาเบะแล้ว แต่ก็ด้วยอารมณ์มันไหลรื่น ช่างภาพก็เก่งน้องเขาก็จะร้องไห้เพราะเราวีน เราก็ได้ๆ เอาใจน้องเขาเพราะเขาก็อยากได้ผลงาน คือมันไหลรื่น ไม่รู้ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงยอมถอด สงสารน้องด้วย โดนกล่อมด้วย สปิริตด้วยเขาก็จ้างเรามาแล้ว”



“แต่ข้างล่างนี่ไม่ต้องมากล่อมไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้เอาปืนมาจ่อก็ไม่ถอด ยังไงก็ไม่ถอด ผู้หญิงนี่โป๊ข้างบนมันดูดีนะ แต่ถ้าถอดข้างล่างมันดูเถื่อนเลย ดูทุเรศ อุบาทว์ ดูไม่ได้เลย ต่อให้ไม่มีคนก็ไม่ถอด เพราะชีวิตอ้อยไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นเกิดมาไม่เคยเลย”



“ถ้าข้างล่างจะให้ถอดอ้อยยอมล้มเลิกการถ่าย ยอมชดใช้ค่าเสียหายยังไงก็ไม่ถอดทำไมไม่ได้จริงๆ ไม่ได้เฟลกนะแต่ทำไม่ได้จริงๆ ขนาดอยู่กับแฟนเจอกันใหม่ๆ จะให้มาอาบน้ำด้วยกันก็ไม่เอา ช่วงล่างรับไม่ได้จริงๆ มันดูเถื่อน ข้างบนไม่เป็นไรมันเป็นเครื่องเพศบ่งบอกถึงความสวยอยู่แล้ว เทวดานางฟ้าข้างบนก็ยังไม่มี มโนราห์ข้างบนก็ไม่มี”



“แต่ด้วยหัวหนังสือเพนท์เฮ้าส์มันอาจจะดูแรงเพราะเราคิดไปเอง มันเป็น เวิล์ด วาย เวป นะ ไม่ใช่หนังสือปลุกใจเสือป่าแบบนางนวล หรือว่าผู้ชายซื้อมาแล้วแบบข้างบนเห็นแล้วมีเวิร์กกันด้วย มีแยกขาแล้วมีขนแต่เพ้นท์เฮาส์ไม่ใช่แบบนั้น แต่ถามว่าถ่ายแบบนี้กลัวไหม ถ้ากลัวก็คงไม่ถ่าย ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยถ่ายเราก็เคยถ่ายแล้ว ข่าวแรงๆ เราก็เจอมรสุมมาตั้งเยอะแยะ ถ้าอีกซักก๊อกหนึ่งก๊อกสุดท้ายก็คงไม่เป็นไร เพราะอ้อยจะไม่ถ่ายแบบนี้อีกแล้ว เราก็ต้องมีคนรักมีแฟน บางทีเราก็ต้องเกรงใจแฟนเราด้วย เราก็ต้องให้เกียรติแฟนด้วย



“เซ็ทนี้เรียกว่าแรงที่สุดในชีวิตเลย ถ่ายแล้วใครจะเอาแปะไว้ที่ไหนก็ได้เพราะอ้อยไม่ได้รับรู้ จะไปไว้ห้องน้ำไว้หัวนอนหรือไปไว้บูชาก็ได้ เราไม่รับรู้ พอเราไม่รู้เราก็ไม่ฟุ้งซ่าน ถึงแม้ใครจะเอารูปอ้อยไปโพสต์หรือว่าเอาไปลบไปเติมเองเพราะมันไม่สะใจก็แล้วแต่ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”



ถ้าใครที่ติดตามผลงานเซ็กซี่ของ “หมออ้อย” มาตลอดจะสังเกตเห็นว่า ในการถ่ายภาพกับเพ้นท์เฮาส์ครั้งนี้ สรีระร่างกายของหมออ้อยค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่เล็กลง จมูกโด่งขึ้น หน้าอกหน้าใจก็ใหญ่บึ้ม แต่งานนี้เจ้าตัวสาบานว่าไม่ได้ทำศัลยกรรม ยกเว้นจมูก

“สาบานเลยว่าไม่ได้ทำ วันนี้ที่มีการเปิดตัวก็มีการพูดว่าของจริงหรือเปล่า ก็มีการให้พี่อ้วนรีเทิร์นมาพิสูจน์เรียบร้อยแล้วว่าของจริง ส่วนที่มันต่างจากการถ่ายครั้งก่อนเพราะตอนนั้นผอมมาก แต่ตอนนี้อ้อยอ้วนขึ้นมา 4 – 5 กก. เทคนิคก็ไม่มีอะไรคือแม่จะสอนอ้อยว่า ถ้าอยากจะหน้าอกใหญ่ๆ ก็ให้กินน้ำมะพร้าวกับน้ำเต้าหู้เยอะๆ อ้อยก็จะทานมาตั้งแต่เด็กๆ และทุกวันนี้ก็ยังทานอยู่ ทุกๆ เช้าแม่บ้านจะซื้อน้ำมะพร้าวมาให้ทานวันละ 3 แก้ว”



“ที่เห็นๆ นี่ของจริงล้วนๆ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวให้น้องเขามาจับให้ดู(หัวเราะ) คือถ้าหมอไหนเคยทำให้มาพูดได้เลย อย่างหน้านี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผอมลงไป 5 กก. คือเวลาอ้วนอ้อยจะขึ้นแก้มแต่ไม่ลงตัว อ้อยไม่ได้ไปฉีดอะไรเรื่องฉีดนี่กลัวมาก กลัวว่ามีปัญหาถ้าเกิดไปโดนเส้นประสาทแล้วปากจะเบี้ยว เราค่อนข้างมีความรู้เรื่องนี้เยอะเลยไม่เอาดีกว่า อ้อยจะลดน้ำหนักเอาแล้วก็ไอออนโตจะช่วยลิฟอัพอยู่แล้ว หน้าอ้อยนี้ไม่ได้ทำอะไรทำแค่จมูกตาก็ไม่ได้ทำ”


 

24 เม.ย. 53 เวลา 20:56 56,590 80 600
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...